“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

II. เรื่องราวของอับราฮัม

 

พระเจ้าทรงเรียกอับรามa

12 1พระยาห์เวห์ตรัสแก่อับรามว่า “จงออกจากแผ่นดินของท่าน จากญาติพี่น้อง จากบ้านของบิดา ไปยังแผ่นดินที่เราจะชี้ให้ท่าน 2เราจะทำให้ท่านเป็นชนชาติใหญ่ จะอวยพรท่าน จะทำให้ท่านมีชื่อเสียงเลื่องลือ ท่านจะนำพระพรมาให้ผู้อื่น

          3เราจะอวยพรผู้ที่อวยพรท่าน

                    เราจะสาปแช่งผู้ที่สาปแช่งท่าน

          บรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งสิ้นทั่วแผ่นดิน

                    จะได้รับพรเพราะท่าน”b

          4อับรามจึงออกเดินทางตามที่พระยาห์เวห์ตรัส โลทไปกับเขาด้วย อับรามมีอายุเจ็ดสิบห้าปีเมื่อเขาออกจากฮาราน 5อับรามพานางซารายภรรยาของตน กับโลทบุตรของน้องชายและทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ได้สะสมไว้ รวมทั้งบรรดาผู้คนที่หามาได้ในเมืองฮาราน ออกเดินทางไปยังแผ่นดินคานาอัน

          6เมื่อเขาทั้งหลายมาถึงแผ่นดินคานาอันแล้ว อับรามก็เดินผ่านแผ่นดินนั้นจนถึงต้นโอ๊กของโมเรห์ที่เชเคม ในเวลานั้นชาวคานาอันยังอยู่ในแผ่นดิน 7พระยาห์เวห์ทรงสำแดงพระองค์แก่อับราม ตรัสกับเขาว่า “เราจะให้แผ่นดินนี้แก่ลูกหลานของท่าน”c อับรามจึงสร้างพระแท่นบูชาที่นั่นถวายแด่พระยาห์เวห์ผู้สำแดงพระองค์แก่เขา 8แล้วเดินทางต่อไปถึงภูเขาทางตะวันออกของเบธเอล และตั้งกระโจมที่นั่น ให้เบธเอลอยู่ทิศตะวันตก ให้อัยอยู่ทิศตะวันออก และยังได้สร้างพระแท่นบูชาถวายแด่พระยาห์เวห์ที่นั่น แล้วขานพระนามพระยาห์เวห์ 9อับรามย้ายกระโจมเดินทางเป็นระยะๆ ไปจนถึงดินแดนเนเกบ

 อับรามในอียิปต์d

          10เกิดความขาดแคลนอาหารขึ้นในแผ่นดิน อับรามจึงลงไปที่อียิปต์เพื่ออาศัยอยู่ที่นั่น เพราะความขาดแคลนอาหารในแผ่นดินรุนแรงมาก 11ขณะที่กำลังจะเข้าอียิปต์ เขาบอกกับนางซารายภรรยาว่า “จงฟังฉัน ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนสวย 12เมื่อชาวอียิปต์เห็นเธอ เขาจะคิดว่า ‘คนนี้เป็นภรรยาของเขา’ แล้วเขาจะฆ่าฉันและไว้ชีวิตของเธอ 13ดังนั้น จงบอกว่าเธอเป็นน้องสาวของฉันe เพื่อเขาจะปฏิบัติต่อฉันอย่างดีเพราะเห็นแก่เธอ และไว้ชีวิตฉันด้วยเพราะเห็นแก่เธอ” 14เมื่ออับรามมาถึงอียิปต์ ชาวอียิปต์เห็นว่าหญิงผู้นั้นสวยมาก 15เมื่อข้าราชบริพารของกษัตริย์ฟาโรห์เห็นนาง เขากล่าวชมเชยต่อกษัตริย์ฟาโรห์ นำนางเข้าไปในพระราชวังของกษัตริย์ฟาโรห์ 16เพราะนางซาราย อับรามจึงได้รับการปฏิบัติอย่างดี ได้รับพระราชทานฝูงแกะ โค ลาเพศผู้ ลาเพศเมีย ทาสชายหญิง และอูฐ 17แต่พระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรงกับกษัตริย์ฟาโรห์และราชวงศ์เพราะนางซารายภรรยาของอับราม 18กษัตริย์ฟาโรห์จึงทรงเรียกอับรามมาเฝ้า ตรัสถามเขาว่า “ทำไมท่านจึงทำกับเราเช่นนี้ ทำไมท่านจึงไม่บอกเราว่า นางเป็นภรรยาของท่าน 19ท่านบอกว่า ‘นางเป็นน้องสาว เราจึงรับนางมาเป็นภรรยา บัดนี้จงรับภรรยาของท่านคืน แล้วไปเสียเถิด’” 20กษัตริย์ฟาโรห์ตรัสสั่งให้ข้าราชบริพารพาอับรามกับภรรยาและข้าวของทั้งหมดของเขาออกเดินทางไป

 

12 a บทที่ 12-13 มาจากตำนานยาห์วิสต์ โดยการเรียบเรียงเพิ่มเติมเล็กน้อยจากตำนานสงฆ์ พระเจ้าทรงเรียกและทรงสัญญาจะให้อับราฮัมมีลูกหลานจำนวนมาก ทำให้อับราฮัมแยกตัวจากวงศ์ตระกูลของตนออกเดินทางพร้อมกับภรรยาที่ไม่มีบุตร (11:30) ไปสู่ดินแดนที่เขาไม่รู้จัก นี่เป็นการแสดงความเชื่อของอับราฮัมเป็นครั้งแรก เขาจะแสดงความเชื่ออีกครั้งหนึ่งเมื่อพระเจ้าทรงรื้อฟื้นพระสัญญา (15:5-6 เชิงอรรถ c) และความเชื่อของเขาได้รับการทดลองเมื่อพระเจ้าทรงขอให้เขาถวายอิสอัค ซึ่งเป็นผลของพระสัญญานั้น (22:1 เชิงอรรถ a) ความเป็นอยู่และชะตากรรมของประชากรที่พระเจ้าเลือกสรรขึ้นอยู่กับความเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไขของอับราฮัม (ฮบ 11:8-9) ไม่เพียงแต่ลูกหลานทางสายโลหิตเท่านั้น แต่ทุกคนซึ่งมีความเชื่อเดียวกันนี้จะเป็นบุตรของอับราฮัมและจะมีส่วนร่วมในชะตากรรมเดียวกัน ดังที่เปาโลกล่าวไว้ใน รม 4; กท 3:7

b สูตรนี้จะพบอีก (โดยมีคำ “เผ่าพันธุ์” หรือ “ชนชาติ”) ใน 18:18; 22:18; 26:4; 28:14; ความหมายตามตัวอักษรของสูตรนี้คือ “เผ่าพันธุ์ต่างๆ จะกล่าวแก่กันและกันว่า ขอให้ท่านได้รับพระพรเหมือนกับอับราฮัม” (ดูข้อ 2 และ 48:20; ยรม 4:2) แต่ บสร 44:21 คำแปลข้อนี้ในฉบับภาษากรีก (LXX) และพันธสัญญาใหม่ แปลสูตรนี้ว่า “ชนทุกชาติจะได้รับพรเพราะท่าน”

c พระเจ้าทรงมอบแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ให้แก่อับราฮัม

d จุดประสงค์ของเรื่องราวจากตำนานยาห์วิสต์นี้ เป็นการยกย่องความงดงามของหญิงต้นตระกูล ความเฉลียวฉลาดของบรรพบุรุษ และการที่พระเจ้าทรงคุ้มครองต้นตระกูล (เราจะพบเรื่องเดียวกับในบทที่ 20 จากตำนานเอโลฮิสต์ และใน 26:1-11 จากตำนานยาห์วิสต์ เมื่อเล่าเรื่องของนางเรเบคาห์) เรื่องนี้สะท้อนความคิดทางจริยธรรมที่ยังไม่พัฒนามากนักเมื่อยังคิดว่าการโกหกทำได้ในบางกรณี และเมื่อยังคิดว่าชีวิตของสามีมีคุณค่ามากกว่าเกียรติของภรรยา พระเจ้าจะค่อยๆ นำมนุษย์ให้เข้าใจกฎศีลธรรมชัดเจนขึ้นในภายหลัง

e การเรียกภรรยาเป็นน้องสาวคงจะเป็นธรรมเนียมในแคว้นเมโสโปเตเมียตอนบน ในหมู่ชนชั้นสูงชาวเฮอร์เรียนในแคว้นฮาราน (“บ้านเกิด” ของอับราฮัม) สามีอาจรับภรรยาของตนเป็นน้องสาวได้ ตามกฎหมายแล้วภรรยาจะได้รับการปกป้อง และมีสถานภาพทางสังคมสูงขึ้น อับราฮัมคงได้ทำเช่นนี้กับนางซาราย และได้อวดกับชาวอียิปต์ ซึ่งไม่เข้าใจธรรมเนียมนี้ (ข้อ 19) ผู้เขียนพระคัมภีร์บันทึกเรื่องนี้ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน (ตามธรรมเนียมของคนไทยเราเป็นเรื่องปกติที่สามีเรียกภรรยาเป็น “น้อง”)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก