วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม 2012
บทเทศน์สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต (ปี B)
บทอ่าน : ปฐก. 22:1-2, 9ก, 10-13, 15-18 ; รม. 8:31-34 ; มก. 9:2- 10
พระวรสารสัมพันธ์กับ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC) 151, 552, 459, 649
จุดเน้น การนบนอบคำสั่งของพระคริสตเจ้า เป็นการทดสอบความเชื่อ และเป็นเครื่องหมายแห่งความรัก
อะไรเป็นวิธีดีที่สุดที่จะแสดงความรักต่อใครคนหนึ่ง มอบดอกกุหลาบให้สักหนึ่งโหล ให้ช็อกโกแลต หรือกอดสักครั้ง หรือการกางแขนให้กว้างที่สุดและกล่าวว่า ฉันรักเธอเท่านี้ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเครื่องหมายแสดงความรักน่าประทับใจ อย่างไรก็ดี เครื่องหมายแสดงความรักที่ดีที่สุดและแน่นอนที่สุด อาจธรรมดากว่าสิ่งเหล่านั้น แค่นบนอบเชื่อฟัง
ความนบนอบสามารถเป็นการทดสอบความรักที่แน่นอน เป็นพิเศษในวันนี้และสมัยนี้ ในสังคมของเรา ความนบนอบต่อเจ้าหน้าที่ดูเหมือนเป็นเรื่องยิ่งทียิ่งล้าสมัย เราได้ยิน จงเป็นตัวของตัวเอง ลัทธิสัมพัทธ์นิยม (Relativism) และปัจเจกนิยม (Individualism) มีอิทธิพลต่อเราแต่ละคน ทัศนคติเช่นนี้เบี่ยงเบนมากจนทำให้ผู้ที่เชื่อฟัง ถูกคนอื่นตัดสินว่าเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก (ไม่จริงใจ) ตัวอย่าง พระบัญญัติเรื่องการถือวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งๆ ที่น่าจะเห็นว่าคนที่น่ารัก คือ ผู้ที่พยายามดำเนินชีวิตตามความเชื่อของตน มหาพรตเป็นเวลาสำคัญสำหรับเรา ยึดมั่นเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเป็นเจ้า พระบัญญัติของพระศาสนจักร และแม้กฎหมายของบ้านเมือง ให้เราพิจารณาเรื่องความนบนอบจากบทอ่านวันนี้
อับราฮัมนบนอบอย่างน่าตกใจ ท่านเชื่อและรักพระเป็นเจ้าอย่างมาก จนดูเหมือนทำให้อับราฮัมลำบาก เพียงเราฟังพระคัมภีร์ตอนนี้ และคิดว่าหากทดสอบเราเอง ใครๆ ที่ฟังพระคัมภีร์ตอนนี้ อาจตั้งคำถามได้ว่า ใครจะนบนอบเชื่อฟังแบบตาบอดเช่นนี้ ยิ่งไตร่ตรองต่อ เราอาจตั้งคำถามได้ว่า พระเจ้าเป็นใคร? พระเจ้าไม่รู้กำลังความเชื่อของอับราฮัมหรือ? ทำไมจึงต้องทดสอบด้วย? แน่นอน เราไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์พระคัมภีร์มากเกินไป ลองพิจารณาคุณค่าบทสอนจากเรื่องนี้ พระเจ้าสั่ง อับราฮัม
นบนอบเชื่อฟัง นี่เป็นบทเรียนที่ทำให้โลกได้รับพระพรมากมายตราบจนทุกวันนี้ อับราฮัมเชื่อฟัง ไว้วางใจในพระเจ้า พระองค์ทรงอวยพรอับราฮัมอย่างมาก เพราะอับราฮัมเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้า
ความเชื่อของบรรดาอัครสาวกถูกทดสอบเช่นกัน แม้มิได้กล่าวชัดๆ พระวรสารเรื่องการแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ เป็นการเปิดเผยพระองค์ ที่ทดสอบความเชื่อของบรรดาศิษย์ เรารู้ว่าก่อนการแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ พระองค์ได้ตรัสทำนายครั้งแรกถึงพระทรมานและการสิ้นพระชนม์ ยิ่งกว่านั้น
พระเยซูเจ้าทรงสอนบรรดาศิษย์ชัดเจนว่า ใครต้องการติดตามพระองค์ ต้องเลิกนึกถึงตนเอง ให้แบกไม้กางเขนของตน และติดตามพระองค์ หมายความว่า พระเยซูเจ้าท้าทายบรรดาศิษย์ให้ตายต่อตนเอง “ผู้ใดเสียชีวิตของตนเพราะเรา และเพราะข่าวดี ก็จะรักษาชีวิตได้” (มก. 8:35) การแสดงพระวรกายของพระเยซูเจ้า ทำให้บรรดาศิษย์มั่นใจว่าพระเยซูเจ้าเป็นใคร เป็นการช่วยให้กำลังใจพวกเขา เวลาถูกทดสอบซึ่งกำลังจะมาถึง
คำสั่งของพระบิดาจากก้อนเมฆ คือ “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด” การแบกไม้กางเขน ความทุกข์ทรมาน การต่อต้านและความตาย สิ่งเหล่านี้ทดสอบความเชื่อของบรรดาอัครสาวก พวกเขาได้เลือกเชื่อฟังพระเยซูเจ้า เราได้รับเรียกให้เชื่อฟังเช่นกัน
มหาพรตเป็นเวลาเหมาะสมที่จะพิจารณาความเชื่อ ว่าเราถูกทดสอบอย่างไร เราคิดว่าพระเจ้าทรงทดสอบโดยตรง หรือเพียงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความเชื่อสั่นไหว ขอให้เรามองภาพการแสดง
พระวรกายของพระเยซูเจ้า ให้เทศกาลมหาพรต เป็นการตระหนักว่า เราเห็นพระเยซูเจ้าอย่างรุ่งโรจน์ เป็นความปรารถนาและผลลัพธ์ของความนบนอบต่อคำสั่งของพระเจ้า
พระสังฆราชวีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
จาก Homilies โดย Catholic Diocese of Lansing,
(Jan. - Mar. 2012 Vol. 45 No. 1), หน้า 105-107.