“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

VI. ภาคผนวกa

กรุงเยรูซาเล็มถูกทำลาย - กษัตริย์เยโฮยาคีนทรงได้รับอภัยโทษ

52 1เศเดคียาห์ทรงเป็นกษัตริย์เมื่อพระชนมายุยี่สิบเอ็ดพรรษา และทรงครองราชย์เป็นเวลาสิบเอ็ดปีที่กรุงเยรูซาเล็ม พระมารดาทรงพระนามว่าฮามุทาล เป็นบุตรหญิงของเยเรมีย์ชาวลิบนาห์b 2พระองค์ทรงกระทำความชั่วเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ดังที่กษัตริย์เยโฮยาคิมทรงกระทำ 3เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับชาวกรุงเยรูซาเล็มและชาวยูดาห์เพราะพระพิโรธของพระยาห์เวห์ จนพระองค์ทรงกำจัดเขาให้พ้นจากพระพักตร์

          กษัตริย์เศเดคียาห์ทรงเป็นกบฏต่อกษัตริย์แห่งบาบิโลน 4ปีที่เก้าในรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์ วันที่สิบเดือนสิบc กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนทรงยกทัพมาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม ทรงตั้งค่ายอยู่หน้าเมือง และทรงสร้างเนินดินขึ้นโดยรอบเพื่อปีนกำแพงเมือง 5เมืองถูกล้อมอยู่จนถึงปีที่สิบเอ็ดในรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์ 6วันที่เก้าเดือนสี่d เกิดความอดอยากอย่างใหญ่หลวงในเมืองจนไม่มีอาหารสำหรับประชาชนของแผ่นดิน 7ชาวบาบิโลนพังกำแพงเมืองส่วนหนึ่ง ทหารทุกคนeต่างหลบหนีผ่านทางประตูระหว่างกำแพงใกล้พระราชอุทยานเวลากลางคืน ทั้งๆ ที่ชาวเคลเดียกำลังล้อมเมือง มุ่งไปทางลุ่มแม่น้ำจอร์แดน 8กองทัพชาวเคลเดียไล่ตามกษัตริย์เศเดคียาห์ไปทันที่บริเวณที่ราบใกล้เมืองเยรีโค ทหารของพระองค์ต่างละทิ้งพระองค์ไว้แล้วหลบหนีไป 9ชาวเคลเดียจับกุมกษัตริย์เศเดคียาห์เป็นเชลย และนำไปเฝ้ากษัตริย์แห่งบาบิโลนที่เมืองริบลาห์ในแผ่นดินคามัท พระองค์ทรงถูกพิพากษาที่นั่น 10กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงสั่งให้ประหารชีวิตพระโอรสของกษัตริย์เศเดคียาห์เฉพาะพระพักตร์พระบิดา และยังทรงสั่งให้ประหารชีวิตเจ้านายแห่งยูดาห์ทุกคนที่เมืองริบลาห์ 11แล้วทรงสั่งให้ควักพระเนตรของกษัตริย์เศเดคียาห์ กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงพันธนาการพระองค์นำไปยังกรุงบาบิโลน และทรงจองจำไว้ในคุกจนถึงวันสิ้นพระชนม์

          12วันที่เจ็ดเดือนห้าf ปีที่สิบเก้าในรัชกาลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารองครักษ์ ข้าราชบริพารของกษัตริย์แห่งบาบิโลน ยกพลเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม 13เขาเผาพระวิหารของพระยาห์เวห์ พระราชวัง และบ้านเรือนทั้งหมดในกรุงเยรูซาเล็มg 14กองทหารชาวเคลเดียซึ่งอยู่กับผู้บัญชาการทหารองครักษ์ทำลายกำแพงรอบกรุงเยรูซาเล็ม

          15เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารองครักษ์กวาดต้อนประชาชนที่ยากจนบางคน และhผู้คนที่เหลืออยู่ในเมือง รวมทั้งทุกคนที่หนีไปอยู่กับกษัตริย์แห่งบาบิโลนและบรรดาช่างฝีมือที่เหลือไปเป็นเชลย 16แต่ผู้บัญชาการทหารองครักษ์ปล่อยคนยากจนของแผ่นดินไว้บางส่วน เพื่อทำงานในสวนองุ่นและทำไร่ไถนา

          17ชาวเคลเดียทุบเสาทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ในพระวิหารของพระยาห์เวห์ รื้อฐานติดล้อและอ่างทะเลทองสัมฤทธิ์ ซึ่งอยู่ในพระวิหารของพระยาห์เวห์ นำทองสัมฤทธิ์ไปกรุงบาบิโลน 18เขายังนำอ่างใส่เถ้า ทัพพี กรรไกรตัดไส้ตะเกียง ชาม และภาชนะทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดที่ใช้ในพิธีกรรมไปด้วย 19ผู้บัญชาการทหารองครักษ์ขนชาม ที่เผากำยาน อ่างใส่เลือดประพรม หม้อ เชิงตะเกียง ถ้วย จาน และทุกสิ่งที่ทำด้วยทองคำและเงินไปด้วย 20เสาสองต้น อ่างทะเล รูปโคทองสัมฤทธิ์สิบสองตัวที่รองรับอ่างi และฐานติดล้อซึ่งกษัตริย์ซาโลมอนทรงสร้างไว้สำหรับพระวิหารของพระยาห์เวห์นั้น ล้วนเป็นทองสัมฤทธิ์มีน้ำหนักมากจนชั่งไม่ได้ 21เสาต้นหนึ่งสูงเก้าเมตร วัดโดยรอบได้หกเมตร หนาสี่นิ้ว ภายในกลวง 22หัวเสาเป็นทองสัมฤทธิ์ สูงหนึ่งเมตรครึ่ง รอบหัวเสามีลวดลายผลทับทิมประดับ ทั้งหมดทำด้วยทองสัมฤทธิ์ เสาอีกต้นหนึ่งก็เช่นเดียวกัน มีผลทับทิมประดับj 23ผลทับทิมโดยรอบมีจำนวนเก้าสิบหกผล ผลทับทิมรอบลวดลายมีจำนวนทั้งหมดหนึ่งร้อยผลk

          24ผู้บัญชาการทหารองครักษ์จับเสไรยาห์หัวหน้าสมณะ เศฟันยาห์สมณะผู้ช่วย และสมณะผู้เฝ้าประตูพระวิหารอีกสามคนไปเป็นเชลย 25เขายังจับนายทหารคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทหาร รวมทั้งเลขานุการแม่ทัพ ซึ่งรับผิดชอบการเกณฑ์ทหาร และคนสำคัญอีกหกสิบคนที่ยังอยู่ในเมือง 26เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารองครักษ์นำคนเหล่านี้ไปเฝ้ากษัตริย์แห่งบาบิโลนที่เมืองริบลาห์ 27กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงสั่งให้ประหารชีวิตคนเหล่านี้ที่เมืองริบลาห์ในแผ่นดินคามัท ชาวยูดาห์จึงถูกกวาดต้อนจากแผ่นดินของตนไปเป็นเชลย

          28ต่อไปนี้เป็นจำนวนประชาชนที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงกวาดต้อนไปเป็นเชลยl คือชาวยูดาห์สามพันยี่สิบสามคนในปีที่เจ็ด 29ปีที่สิบแปดในรัชสมัยของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ประชาชนแปดร้อยสามสิบสองคนถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยจากกรุงเยรูซาเล็ม 30ปีที่ยี่สิบสามในรัชสมัยของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารองครักษ์กวาดต้อนชาวยูดาห์เจ็ดร้อยสี่สิบห้าคนไปเป็นเชลย รวมทั้งหมดเป็นจำนวนสี่พันหกร้อยคนm

                31ปีที่สามสิบเจ็ด หลังจากที่กษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์ทรงถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย เอวิลเมโรดัคทรงเป็นกษัตริย์ปกครองกรุงบาบิโลน วันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนสิบสอง ปีนั้นn กษัตริย์เอวิลเมโรดัคทรงพระกรุณาปล่อยกษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์ออกจากที่คุมขัง 32กษัตริย์เอวิลเมโรดัคมีพระกรุณาต่อพระองค์ ทรงยกย่องให้กษัตริย์เยโฮยาคีนมีเกียรติยศกว่ากษัตริย์อื่นๆ ที่เป็นเชลยอยู่กับพระองค์ที่กรุงบาบิโลน 33กษัตริย์เยโฮยาคีนทรงถอดชุดนักโทษ ร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารกับกษัตริย์เอวิลเมโรดัคตลอดพระชนมชีพ 34พระองค์ทรงรับสิ่งต่างๆ ตามความจำเป็นจากกษัตริย์แห่งบาบิโลนทุกวันจนสิ้นพระชนม์o

 

52 a บทที่ 52 นี้เป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์ซ้ำกับ 2 พกษ 24:18–25:30 โดยมีข้อความเพิ่มเติมบ้างเล็กน้อย (ดู เชิงอรรถ) และในบางส่วนก็ซ้ำกับ ยรม 39:1-10 ข้อความทั้งสามตอนนี้ได้ข้อมูลมาจากแหล่งข้อมูลเดียวกัน ข้อความเหล่านี้ถูกเพิ่มเข้ามากับหนังสือเยเรมีย์ เช่นเดียวกับ อสย 36-39 ถูกเพิ่มเข้ามากับหนังสือประกาศกอิสยาห์ เป็นการพิสูจน์ว่าข้อความที่ประกาศกกล่าวคุกคามไว้นั้นได้เป็นจริง และจบลงโดยให้ความหวังสำหรับอนาคตเหมือน 2 พกษ ดังที่ประกาศกเยเรมีย์ได้กล่าวไว้แล้วเช่นเดียวกัน

b “ลิบนาห์” เป็นเมืองในเขตของชนเผ่ายูดาห์ (ยชว 15:42) ในปัจจุบันน่าจะตรงกับ Tell es-Safi ซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองกัทของชาวฟีลิสเตีย

c ตรงกับปลายเดือนธันวาคม ปี 589 ก่อน ค.ศ.

d ตรงกับเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม ปี 587 ก่อน ค.ศ.

e บางคนเสริมคำ “กษัตริย์” โดยคาดคะเนไว้ก่อนคำว่า “ทหารทุกคน” (เทียบ 39:4 และข้อ 8)

f ตรงกับเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ปี 587 ก่อน ค.ศ.

g ที่ตรงนี้ และใน 2 พกษ 25:9 มีข้อความที่ผู้คัดลอกเสริมเข้ามาว่า “อาคารของบุคคลสำคัญทุกหลังถูกไฟเผา”

h “ประชาชนที่ยากจนบางคนและ” ข้อความนี้มีใน 39:5; 2 พกษ 25:11 อาจถูกยกมาจากข้อ 16

i “รูปโค...รองรับอ่าง” วลีนี้ไม่พบใน 2 พกษ 25:16 รูปโคทองสัมฤทธิ์เหล่านี้ถูกเคลื่อนย้ายไปแล้วในรัชสมัยกษัตริย์อาคัส (2 พกษ 16:17)

j “มีผลทับทิมประดับ” วลีนี้ไม่พบในต้นฉบับภาษากรีก

k ข้อความในข้อนี้ดูออกจะสับสน และมีคำแปลหลายแบบ คำแปลนี้จึงเป็นเพียงโดยคาดคะเน

l บัญชีจำนวนผู้ถูกกวาดต้อนเป็นเชลยในข้อ 28-30 พบในหนังสือเยเรมีย์เท่านั้น ดูเหมือนว่าจะถูกยืมมาจากแหล่งข้อมูลของชาวบาบิโลน และน่าจะหมายถึงจำนวนชายฉกรรจ์เท่านั้น จำนวนปีในรัชสมัยของกษัตริย์คำนวณตามธรรมเนียมของชาวบาบิโลน คือไม่นับเศษของปีที่ทรงขึ้นครองราชย์

m ปีที่กล่าวถึงในบัญชีนี้จึงตรงกับปี 598, 587 และในที่สุด ปี 582 ก่อน ค.ศ. การกวาดต้อนเป็นเชลยครั้งสุดท้ายในปี 582 นี้คงเป็นเพราะแคว้นอัมโมนและโมอับได้เป็นกบฏ ซึ่งอาจมีผู้สนับสนุนอยู่ในแคว้นยูดาห์ด้วย

n “ปีนั้น” ได้แก่ปี 561 ก่อน ค.ศ.

o การที่กษัตริย์เยโฮยาคีนทรงได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ เป็นสัญลักษณ์ว่าการเนรเทศได้จบสิ้นแล้ว

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก