“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

III. คำประกาศพระวาจาขณะที่กรุงเยรูซาเล็มถูกล้อมและหลังจากถูกล้อมa

ประกาศกทำหน้าที่คนยาม

     33. 1พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่าb 2“บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงพูดกับบรรดาบุตรของประชากรของท่านและบอกเขาว่า ‘ถ้าเราส่งดาบมาต่อสู้กับแผ่นดินหนึ่ง และประชาชนของแผ่นดินนั้นเลือกชายคนหนึ่งจากพวกเขา และตั้งเขาให้เป็นคนยาม 3ถ้าเขาเห็นดาบกำลังเข้ามาต่อสู้กับแผ่นดินนั้น เขาย่อมเป่าเขาสัตว์เพื่อเตือนประชาชน 4ถ้าผู้ที่ได้ยินเสียงเขาสัตว์ไม่สนใจเสียงเตือน ดาบนั้นจะมาถึงและทำลายเขา เขาจะต้องรับผิดชอบความตายของตน 5เขาได้ยินเสียงเขาสัตว์ แต่ไม่สนใจเสียงเตือน เขาเองต้องรับผิดชอบความตายของตน ถ้าเขาได้ฟังเสียงเตือน เขาคงจะได้ช่วยชีวิตของตนให้รอดพ้น

          6แต่ถ้าคนยามเห็นดาบกำลังมา แล้วไม่เป่าเขาสัตว์ ประชาชนจึงไม่ได้รับเสียงเตือน ดาบก็มาและคร่าชีวิตคนใดคนหนึ่งไป คนนั้นถูกฆ่าเพราะความผิดของตน แต่เราจะเอาผิดกับคนยามเพราะความตายของคนนั้น

          7บัดนี้ บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เราแต่งตั้งท่านให้เป็นคนยามสำหรับพงศ์พันธุ์อิสราเอล ท่านได้ยินถ้อยคำจากปากของเราเมื่อใด ท่านก็จงตักเตือนเขาแทนเราเถิด 8ถ้าเราบอกคนชั่วร้ายว่า “คนชั่วร้ายเอ๋ย ท่านจะต้องตายแน่ๆ” แต่ท่านไม่พูดตักเตือนคนชั่วร้ายให้ละทิ้งความประพฤติของเขา คนชั่วร้ายนั้นจะต้องตายเพราะความผิดของตน แต่เราจะเอาผิดกับท่านเพราะความตายของเขา 9แต่ถ้าท่านได้ตักเตือนคนชั่วร้ายให้ละทิ้งความประพฤติของตน แล้วเขาไม่ยอมกลับใจ เขาจะต้องตายเพราะความผิดของตน แต่ท่านจะรอดชีวิต’”

ทุกคนต้องรับผิดชอบความประพฤติของตน

          10“บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงบอกพงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘ท่านทั้งหลายเคยพูดอยู่เสมอว่า “การล่วงละเมิดและบาปของเราอยู่เหนือเรา เราค่อยๆอ่อนแรงจนตายเพราะสิ่งเหล่านี้ เราจะมีชีวิตรอดอยู่ได้อย่างไร”’c 11ท่านจงพูดกับเขาว่า ‘เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด – พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส – เราไม่ยินดีในความตายของคนชั่วร้าย แต่ยินดีในการกลับใจของคนชั่วร้ายที่ละทิ้งความประพฤติของตนและมีชีวิต ท่านทั้งหลายจงกลับใจ จงกลับใจละทิ้งความประพฤติชั่วของท่าน พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ทำไมท่านจึงต้องตายเล่า’”

          12“บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย ท่านจงบอกบุตรหลานประชากรของท่านว่า ‘ความชอบธรรมของผู้ชอบธรรมจะไม่ช่วยเขาให้รอดพ้นถ้าเขาล่วงละเมิด ความชั่วร้ายของคนชั่วร้ายจะไม่ทำให้เขาต้องพินาศ ถ้าเขาหันกลับจากความชั่วร้ายของตน คนชอบธรรมก็จะไม่มีชีวิตอยู่ได้เพราะความชอบธรรมของตนถ้าเขาทำบาป 13ถ้าเราบอกผู้ชอบธรรมว่าเขาจะมีชีวิตอยู่แน่ๆd แต่ถ้าเขาวางใจในความชอบธรรมของตนและทำความผิด เราจะไม่ระลึกถึงการกระทำชอบธรรมของเขาอีกเลย เขาจะต้องตายเพราะความผิดซึ่งเขาได้ทำ 14แต่ถ้าเราบอกคนชั่วร้ายว่า ‘ท่านจะต้องตายแน่ๆ’ และเขาละทิ้งบาป กลับมาปฏิบัติสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรม 15ถ้าเขาeคืนของประกัน คืนสิ่งที่ได้ขโมยมา ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ให้ชีวิต และไม่ทำความผิดอีก เขาจะมีชีวิตอย่างแน่นอน เขาจะไม่ต้องตาย 16บาปทั้งหมดที่เขาเคยทำจะไม่ถูกจดจำไว้เพื่อเอาโทษเขา เขาได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรม เขาจะมีชีวิตแน่ๆ”

          17“แต่บุตรหลานของประชากรของท่านพูดว่า ‘วิธีการขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ถูกต้อง’  - การกระทำของเขาต่างหากไม่ถูกต้อง 18เมื่อผู้ชอบธรรมละทิ้งความชอบธรรมของตนและทำผิด เขาจะต้องตายเพราะความผิดนั้น 19แต่ถ้าคนชั่วร้ายละทิ้งความชั่วร้ายและทำสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรม เขาจะมีชีวิตเพราะการกระทำนี้ 20แต่ท่านทั้งหลายพูดว่า ‘วิธีการขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ถูกต้อง’ - พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราจะพิพากษาท่านแต่ละคนตามวิธีการของเขา”

กรุงเยรูซาเล็มถูกยึด

            21วันที่ห้า เดือนสิบ ปีที่สิบสองfหลังจากที่เราได้ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย ผู้หนีทัพคนหนึ่งจากกรุงเยรูซาเล็มมาพบข้าพเจ้า พูดว่า “เมืองแตกแล้ว” 22เย็นวันก่อนที่ผู้หนีทัพจะมา พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ได้อยู่เหนือข้าพเจ้า วันรุ่งขึ้น ก่อนที่ผู้หนีทัพจะมาถึง พระองค์ทรงเปิดปากของข้าพเจ้า ปากของข้าพเจ้าจึงเปิด ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นใบ้อีกg

บ้านเมืองถูกปล้นสะดม

            23พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า 24“บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย ผู้ที่ยังอาศัยอยู่ในซากปรักหักพังของแผ่นดินอิสราเอลมักพูดว่า ‘อับราฮัมเคยอยู่คนเดียว แต่ก็ยังได้รับแผ่นดินนี้เป็นกรรมสิทธิ์ พวกเราอยู่กันหลายคน พระเจ้าจะต้องประทานแผ่นดินนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์แน่ๆ’h

          25ดีแล้ว จงบอกเขาว่า พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ท่านทั้งหลายกินเนื้อที่ยังมีเลือดi ท่านเงยหน้าขึ้นนมัสการรูปเคารพของท่าน ท่านหลั่งโลหิต แล้วยังจะอ้างเอาแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์อีกหรือ 26ท่านวางใจในดาบ ทำสิ่งน่าสะอิดสะเอียน แต่ละคนทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านเป็นมลทิน แล้วยังจะอ้างเอาแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์อีกหรือ 27จงบอกเขาดังนี้ พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ผู้ที่ยังอยู่ในซากปรักหักพังจะต้องล้มลงด้วยดาบ ผู้ที่อยู่กลางแจ้ง เราจะมอบเขาให้เป็นอาหารแก่สัตว์ป่า ผู้ที่อยู่ในป้อมปราการและอยู่ในถ้ำจะตายด้วยโรคระบาด 28เราจะทำให้แผ่นดินเป็นที่ร้างไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ และความหยิ่งผยองในอำนาจของแผ่นดินจะสิ้นสุด ภูเขาแห่งอิสราเอลจะรกร้างไม่มีผู้ใดเดินผ่าน 29แล้วทุกคนจะรู้ว่าเราเป็นพระยาห์เวห์ เมื่อเราทำให้แผ่นดินเป็นที่ร้างไม่มีผู้ใดอาศัย เพราะสิ่งน่าสะอิดสะเอียนที่เขาได้ทำ”

ถ้อยคำของประกาศกไม่เกิดผล

            30“บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย ขณะที่บุตรหลานของประชากรของท่านที่อยู่บนกำแพงเมืองและตามประตูบ้านพูดถึงท่าน เขาพูดกันว่า ‘มาเถิด จงฟังพระวาจาที่ออกมาจากพระยาห์เวห์’ 31เขามาพบท่านเป็นกลุ่มใหญ่ ประชากรของเรามานั่งเบื้องหน้าท่านเพื่อฟังถ้อยคำของท่าน แต่แล้วก็ไม่ปฏิบัติตาม เพราะเขาพูดว่าอยากฟัง แต่ใจของเขามุ่งแสวงหาผลกำไร 32ดูซิ ท่านเป็นเหมือนคนร้องเพลงรักให้เขาฟัง มีเสียงไพเราะคลอเสียงดนตรีน่าฟัง เขาฟังถ้อยคำของท่าน แต่ไม่ปฏิบัติตาม 33เมื่อเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น – บัดนี้ กำลังเกิดขึ้นแล้ว – เขาทั้งหลายจะรู้ว่ามีประกาศกอยู่ในหมู่เขา”

33 a ภาคที่สามของหนังสือรวบรวมคำประกาศพระวาจาหลังจากที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เข้าโจมตีปาเลสไตน์ - คำประกาศพระวาจาอื่นๆที่กล่าวโทษนานาชาติพบได้ในภาคที่สองของหนังสือ

b เมื่อเริ่มช่วงเวลาประกาศพระวาจาอีกช่วงหนึ่ง ประกาศกได้รับพันธกิจเช่นเดียวกับที่เคยได้รับหลังจากได้เห็นนิมิตครั้งแรก (3:17-21) โดยใช้ถ้อยคำเกือบจะเหมือนกันทีเดียว

c “เราจะมีชีวิตรอดอยู่ได้อย่างไร” – ชาติอิสราเอลหมดหวัง รู้สึกว่าบาปของตนเป็นเหมือนภาระหนักที่ต้องแบก และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ประกาศกเอเสเคียลบอกว่าเขายังอาจกลับใจได้ – ความคิดเช่นนี้พัฒนาขึ้นในข้อ 10-20 ซึ่งเป็นความคิดที่กล่าวถึงแล้วใน 18:21-31.

dเขาจะมีชีวิตอยู่” (เป็น Indirect speech) – ตามต้นฉบับภาษาฮีบรู – สำนวนแปลโบราณบางสำนวนแปลว่า “ท่านจะมีชีวิตอยู่” (เป็น Direct speech)

e “เขา” – ต้นฉบับภาษาฮีบรูยังเสริมคำว่า “คนชั่วร้าย” – สำนวนแปลต่างๆละคำนี้

f ตรงกับเดือนธันวาคม ปี 586 – เดือนมกราคม ปี 585 ก.ค.ศ. แต่วันเดือนปีนี้น่าสงสัย เพราะกรุงเยรูซาเล็มแตกใน “เดือนที่สี่ ปีที่สิบเอ็ด รัชสมัยกษัตริย์เศเดคียาห์” (2 พกษ 25:3; ยรม 39:2) ดังนี้ ข่าวนี้คงต้องใช้เวลาถึง 17 เดือนเพื่อจะเดินทางมาถึงประกาศกเอเสเคียล ทั้งๆที่ตามปรกติกองคาราวานใช้เวลาเดินทางเพียง 4 เดือนเท่านั้น (ดู อสร 7:9; 8:31) – บางทีข้อความที่ถูกต้องอาจถูกบันทึกไว้ในเอกสารคัดลอกภาษาฮีบรูและกรีกบางฉบับ และในต้นฉบับภาษาซีเรียค ซึ่งอ่านว่า “ปีที่สิบเอ็ด” (ไม่ใช่ “ปีที่สิบสอง” อย่างที่เขียนอยู่ในต้นฉบับ)

g ประกาศกเอเสเคียลถูก “พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์” ทำให้เป็นใบ้หลายครั้ง – เทียบ 3:24-27; 24:27.

h ข้อสังเกตนี้แสดงว่าประชากรมีความรักผูกพันต่อแผ่นดิน – แม้แต่หลังหายนะในปี 587 ก.ค.ศ. เขาก็ยังมีความหวังลมๆแล้งๆถึงอนาคตของตนอยู่อีก

i “กินเนื้อที่ยังมีเลือด” – ตามตัวอักษรว่า “กินเลือด” – บางทีน่าจะแก้วลีนี้ว่า “ท่านกิน(เลี้ยง)บนภูเขา” (เทียบ 18:6).

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก