“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“เชิญพระศพลงมา วางพระศพในคูหา”  
87. การฝังพระศพของพระเยซูเจ้า (มก 15:42-47)

1542วันนั้นเป็นวันเตรียม คือวันก่อนวันสับบาโต 43ครั้นถึงเวลาเย็น โยเซฟชาวอาริมาเธียซึ่งเป็นสมาชิกน่านับถือคนหนึ่งของสภาซันเฮดรินและกำลังรอคอยพระอาณาจักรของพระเจ้า กล้าเข้าไปพบปีลาต ขอพระศพของพระเยซูเจ้า 44ปีลาตประหลาดใจที่พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว จึงเรียกนายร้อยมาถามว่าพระองค์สิ้นพระชนม์นานแล้วหรือ 45เมื่อรู้จากนายร้อย จึงมอบพระศพให้โยเซฟ 46โยเซฟซื้อผ้าป่านมาผืนหนึ่ง เชิญพระศพลงมา ห่อด้วยผ้าป่าน วางพระศพในคูหาที่ขุดไว้ในหิน แล้วกลิ้งก้อนหินปิดทางเข้าคูหา 47มารีย์ชาวมักดาลา และมารีย์มารดาของโยเสทคอยมองดูว่าเขาวางพระศพไว้ที่ใด


            ชาวโรมันไม่สนใจเรื่องการฝังศพนักโทษที่ถูกประหารชีวิต แต่กฎหมายของชาวยิวกำหนดให้ฝังศพผู้ถูกประหารก่อนพระอาทิตย์ตกดิน (เทียบ ฉธบ 21:22-23) ธรรมประเพณีสมัยแรก ๆ ของคริสตชน ให้ความสำคัญพอสมควรกับการฝังพระศพของพระเยซูเจ้า เพื่อเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์อย่างแท้จริง


- วันนั้นเป็นวันเตรียม คือวันก่อนวันสับบาโต หมายถึงวันศุกร์เพราะในวันนั้นมักจะเตรียมสิ่งจำเป็นเพื่อใช้ฉลองวันสับบาโต เพราะวันสับบาโตต้องหยุดทำงานอย่างสิ้นเชิง

- ครั้นถึงเวลาเย็น พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์เวลา “บ่ายสามโมง” (15:34) ดังนั้น จึงมีเวลาไม่มากเพื่อจัดการฝังพระศพก่อนพระอาทิตย์ตกดินคือประมาณหกโมงเย็น เป็นเวลาที่ชาวยิวเริ่มนับว่าเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์นอธิบายว่า วันนั้นเป็นวันเตรียมฉลองปัสกา (เทียบ ยน 19:14) และในปีนั้นวันฉลองปัสกาตรงกับวันสับบาโตด้วย (เทียบ ยน 19:31, 42)

- โยเซฟชาวอาริมาเธีย พระวรสารทั้งสี่ฉบับมีการอ้างถึงบุคคลนี้เมื่อเล่าการฝังพระศพของพระเยซูเจ้า โดยไม่เคยพูดถึงโยเซฟมาก่อน แต่นักบุญยอห์นแจ้งผู้อ่านให้ทราบว่าผู้นี้เคยเป็น “ซึ่งเป็นศิษย์ลับๆ คนหนึ่งของพระเยซูเจ้า” (ยน 19:38) เและนักบุญลูกาเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับผู้นี้ว่า “เป็นคนดีและชอบธรรม เขาไม่เห็นด้วยกับมติและการกระทำของสภา” (ลก 23:50-51) บ้านเกิดของเขาคืออาริมาเธีย ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในแคว้นยูเดีย ในศตวรรษที่ 4 นักบุญเอวเซบิโอและนักบุญเยโรมคิดว่า เมืองนี้คือเมืองรามาธาอิม ซึ่งเป็นบ้านเกิดของประกาศกซามูเอล (เทียบ 1 ซมอ 1:1) อยู่ทางทิศเหนือฝั่งตะวันออกของเมือง Lod (Lydda)

- ซึ่งเป็นสมาชิกน่านับถือคนหนึ่งของสภาซันเฮดริน หรือ “สภาสูง” ของชาวยิว โดยแท้จริงแล้ว คำที่นักบุญมาระโกใช้หมายถึงเพียงผู้ปรึกษา โดยไม่บอกว่าเป็นที่ปรึกษาของสภาท้องถิ่นหรือสภาสูงสุด แต่รายละเอียดอื่น ๆ ชวนให้คิดว่าเขาเป็นผู้ร่ำรวยและมีอิทธิพล

- และกำลังรอคอยพระอาณาจักรของพระเจ้า เขาเชื่อในคำเทศน์สอนของพระเยซูเจ้าเรื่องพระอาณาจักรที่กำลังจะมาถึงเช่นเดียวกับบรรดาศิษย์อื่น ๆ แต่มีความแตกต่างจากคนเหล่านั้นคือ เขากล้าไปขอรับพระศพ เพื่อทำให้แผนการของชาวยิวที่จะฝังพระศพในหลุมฝังศพรวมจะล้มเหลว (เทียบ ยน 19:31)

- กล้าเข้าไปพบปีลาต ขอพระศพของพระเยซูเจ้า กฎหมายของชาวยิวกำหนดไม่อนุญาตให้ศพของผู้ถูกแขวนคอค้างอยู่ตลอดทั้งคืน ต้องฝังก่อนพระอาทิตย์ตกดิน แต่สำหรับกฎหมายของชาวโรมันศพเหล่านั้นต้องแขวนอยู่จนกระทั่งเน่าเปื่อย ยกเว้นในกรณีที่ญาติพี่น้องหรือมิตรสหายได้รับอนุญาตให้นำไปฝัง โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง คำร้องของโยเซฟชาวอาริมาเธีย จึงถูกต้องตามกฎหมาย โดยผู้ว่าราชการโรมันไม่จำเป็นต้องอนุโลม

- ปีลาตประหลาดใจที่พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว จึงเรียกนายร้อยมาถามว่าพระองค์สิ้นพระชนม์นานแล้วหรือ เมื่อรู้จากนายร้อย จึงมอบพระศพให้โยเซฟ โดยปกติผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน จะรับทรมานอย่างช้า ๆ และบางครั้งอาจคงอยู่หลายวันจึงจะเสียชีวิต ส่วนพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์หลังได้รับทรมานเพียงไม่กี่ชั่วโมง เหตุผลเพราะพระองค์ทรงหมดแรง ดังที่บรรดาทหารสังเกตเห็น เมื่อเขาเกณฑ์ซีโมนชาวไซรีนให้ช่วยแบกกางเขนแทนพระองค์ (เทียบ 15:21) การที่โยเซฟชาวอาริมาเธีย ขอรับพระศพ การที่นายร้อยรับรองว่าพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์จริง และการที่ปีลาตมอบพระศพ ดังนั้น เราจึงมีหลักฐานอย่างเป็นทางการ

- โยเซฟซื้อผ้าป่านมาผืนหนึ่ง เชิญพระศพลงมา ห่อด้วยผ้าป่าน นักบุญมาระโกกล่าวถึงกิจการทั้งหมดของโยเซฟชาวอาริมาเธียตามลำดับโดยไม่เน้นรายละเอียด กิจการแรกคือการซื้อผ้าป่านสีขาวที่มีราคาค่อนข้างแพง เพราะมักใช้เพื่อตัดอาภรณ์ของสมณะ นักบุญมาระโกใช้คำว่า “ซื้อ” ผ้าป่านซึ่งแสดงว่าวันฉลองยังไม่เริ่มขึ้น มิฉะนั้นแล้ว ร้านค้าทั่วไปคงจะปิดทำการ กิจการที่สองเกิดขึ้นที่ภูเขากัลป์วารีโอคือ ห่อพระศพด้วยผ้าป่าน และวางไว้ในคูหา กิจการนี้โยเซฟคงจะทำคนเดียวไม่ได้ พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์นบันทึกอีกว่านิโคเดมัสเป็นผู้ช่วย การที่ไม่เจิมพระศพเพราะเป็นวันศุกร์ก่อนวันฉลองที่ห้ามทำงาน

- วางพระศพในคูหาที่ขุดไว้ในหิน เจ้าของคูหาเช่นนี้เป็นของครอบครัวที่ร่ำรวย ทุกวันนี้เรายังเห็นได้ในสถานที่ต่าง ๆ บริเวณกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งมักประกอบด้วยสองห้อง ห้องแรกเป็นเหมือนห้องโถง และเข้าไปข้างในอีกห้องหนึ่งเป็นที่วางพระศพ ช่องเข้ามีหินกลมก้อนใหญ่ที่กลิ้งอยู่ในร่องสำหรับเลื่อนเปิด – ปิด

- แล้วกลิ้งก้อนหินปิดทางเข้าคูหา เช้าตรู่วันอาทิตย์ บรรดาสตรีถามตนเองว่า “ใครจะกลิ้งก้อนหินออกจากทางเข้าพระคูหาให้เรา” (16:3)

- มารีย์ชาวมักดาลา และมารีย์มารดาของโยเสทคอยมองดูว่าเขาวางพระศพไว้ที่ใด สตรีเหล่านี้อยู่เมื่อพระศพของพระเยซูเจ้าถูกฝังไว้ เขาเหล่านั้นเป็นประจักษ์พยานรับรองว่าพระเยซูเจ้าพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ การมองของเขาที่รอคอยอยู่ใกล้พระคูหา เพื่อเก็บความทรงของสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงถูกฝังไว้ เป็นการเตรียมจิตใจอย่างแท้จริงสำหรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันต้นสัปดาห์

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก