“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์

“พระเยซูเจ้าตรัสว่า เราเป็น”  
78. พระเยซูเจ้าทรงถูกพิจารณาคดีในสภาซันเฮดริน (3)
b) ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
          1. นักบุญมาระโกได้เขียนพระวรสารเพื่อตอบคำถามที่ว่า "พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ใด" ดังนั้น ในตอนแรก ทุกครั้งเมื่อเล่าอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงกระทำ เขาบอกเสมอว่าประชาชนหรือบรรดาศิษย์ตั้งคำถามว่า "ผู้นี้เป็นใคร" และในตอนกลางของพระวรสาร พระเยซูเจ้าตรัสถามบรรดาอัครสาวกว่า "ท่านล่ะ ว่าเราเป็นใคร" (8:29) ในข้อความนี้ พระองค์ทรงตอบคำถามโดยตรง ทรงประกาศเอกลักษณ์ของพระองค์ว่า ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ พระบุตรของพระเจ้า ผู้จะเสด็จมาพิพากษามนุษยชาติ หลังจากพระวาจาตอนนี้แล้ว พระองค์ไม่ตรัสอะไรอีกเลย นักบุญมาระโกบันทึกเพียงคำตอบสั้น ๆ ที่พระองค์ตรัสกับปีลาต (15:2) และเสียงร้องดังสองครั้งบนไม้กางเขน (15:34, 37)

          2. "จงทายซิ" คนหนึ่งจะสั่งอีกคนหนึ่งให้นั่งลง ใช้ผ้าปิดใบหน้า ชกต่อย แล้วให้เดาว่าใครเป็นคนตี นี่เป็นการละเล่นของเด็ก ๆ ที่เลียนแบบการกระทำอันโหดร้ายของผู้ใหญ่ พระเยซูเจ้าทรงทราบผู้ที่ชกต่อยพระองค์ คือไม่ใช่เพียงคนที่ถูกดูหมิ่นและผิดหวัง หรือผู้คิดแก้แค้นความชั่วร้ายที่เขาได้รับเท่านั้น แต่เป็นความชั่วร้ายทั้งหมดในโลกที่พุ่งเข้าใส่พระองค์

          3. "จงทายซิ" พระพักตร์ของบุตรแห่งมนุษย์ที่ถูกผ้าปิดไว้ เป็นการประกาศข่าวดี เป็นพระวาจาทรงฤทธิ์ของพระเจ้าที่เปิดเผยความเป็นจริงของพระองค์และของมนุษย์ พระพักตร์นี้เองถามเราทุกคนว่า “ท่านรู้ไหมว่า เราเป็นผู้ใดและใครเป็นผู้ชกต่อยเรา จงทายซิ” เราทุกคนได้รับเรียกให้หันมองว่า พระองค์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าและผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้น ส่วนเราเป็นผู้ชกต่อยพระเยซูเจ้า นักบุญเปโตร เช่นเดียวกับเราแต่ละคน จะถูกทดสอบความเชื่อต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์

          4. ทุกวันนี้ การพิจารณาคดีที่พระเยซูเจ้าทรงถูกเผชิญต่อหน้าผู้นำประชากรชาวยิว ยังคงดำเนินต่อไปด้วยการวิพากษ์วิจารณ์พระองค์จากคนสมัยใหม่ หัวหน้าประชากรถามพระองค์เกี่ยวกับกิจการที่ทรงกระทำแต่เขาไม่เข้าใจในคำตอบที่ได้รับ ที่สุด เขาถามพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับเอกลักษณ์ของพระองค์ ว่าทรงเป็นพระคริสตเจ้า พระเมสสิยาห์ ผู้ทรงช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น ดังที่เขารอคอยอย่างแท้จริงหรือ ทุกวันนี้ยังมีผู้ตั้งคำถามเกี่ยวกับกิจการและเอกลักษณ์ของพระเยซูเจ้าอีกด้วย คริสต์ศาสนาซึ่งเป็นผลงานของพระองค์ หลังจากประวัติศาสตร์ตลอดสองพันปีได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง มนุษย์ได้รับการทรมานและต้องตายเหมือนอดีตมิใช่หรือ มนุษย์เป็นอิสระจากสภาพจิตใจที่ผิดเพี้ยน หรือจากความอยุติธรรมมิใช่หรือ กิจการของพระเยซูเจ้าเคยมีประสิทธิผลอะไรบ้างในชีวิตมนุษย์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น ทรงเป็นผู้ตอบสนองความหวังของเขาที่จะมีอิสรภาพ ความยุติธรรม และชีวิตอย่างเต็มเปี่ยมจริงหรือไม่

          5. การตัดสินของบรรดาหัวหน้าสมณะ โดยพิจารณาจากเหตุผลอันสมควรของมนุษย์และตามศาสนาของธรรมบัญญัติ ซึ่งเรียกร้องเครื่องหมายแสดงอำนาจก็เป็นไปในแง่ลบ เขาทั้งหลายไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับพระคริสตเจ้า ในทำนองเดียวกัน คนปัจจุบัน โดยพิจารณาจากเกณฑ์ของเหตุผลและประสิทธิภาพทางประวัติศาสตร์ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับและกับกิจการของพระองค์ เกณฑ์ที่ใช้ตัดสินพระคริสตเจ้าและกิจการของพระองค์ก็เป็นเกณฑ์เดียวกันอยู่เสมอคือ เกณฑ์ของปรีชาญาณมนุษย์และเกณฑ์ของอำนาจ ซึ่งหมายถึงอัศจรรย์และประสิทธิภาพ บนพื้นฐานของมาตรการมนุษย์เหล่านี้ พระคริสตเจ้าไม่ทรงมีสิทธิ์ที่จะดำรงอยู่อีกต่อไป พระองค์ไม่ทรงมีเหตุผลและอำนาจใด ๆ เลย มนุษย์มักจะละทิ้งสิ่งที่ไม่เข้ากับการคำนวณเหตุผลของตน และกับสิ่งที่ไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการมีอำนาจได้ เพราะเหตุนี้ พระคริสตเจ้าจึงทรงถูกปฏิเสธและทรงถูกทอดทิ้ง เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ พระเจ้าที่แท้จริงของมนุษย์คือเหตุผลอันสมควรของเขา ซึ่งจัดการทุกสิ่งและอำนาจซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือ

          6. พระปรีชาญาณและพระอานุภาพของพระคริสตเจ้าที่ปรากฏบนไม้กางเขน เป็นความโง่เขลาและข้อขัดข้องมิให้รับไว้ได้ ซึ่งปรีชาญาณและอำนาจใด ๆ ทำให้ไร้คุณค่า พระคริสตเจ้าทรงโต้แย้งกฎเกณฑ์ของมนุษย์สำหรับปรีชาญาณและอำนาจ ซึ่งเป็นรากฐานของความชั่วร้ายในมนุษย์ พระองค์ทรงคว่ำกฎเกณฑ์การตัดสิน และทรงสำแดงพระองค์เป็นบุคคลต่างจากมนุษย์ในโลกนี้ พระคริสตเจ้าทรงเป็นการตัดสินลงโทษโลกและกฎเกณฑ์ของโลก พระองค์ผู้ทรงถูกพิพากษากลับกลายเป็นผู้พิพากษา และโลกซึ่งเป็นผู้พิพากษาก็กลับกลายเป็นผู้ถูกพิพากษา เพราะเป็นสถานที่ซึ่งไม่มีความเชื่อและไม่ต้อนรับการเปิดเผยของพระเจ้า พระคริสตเจ้าพร้อมกับพระชนมชีพและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ แม้อยู่ภายใต้เครื่องหมายของความโง่เขลาและความไร้อำนาจ ก็เป็นการพิพากษาของพระเจ้าที่มีต่อโลก พระองค์ทรงบังคับโลกให้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่า จะเลือกพระองค์หรือไม่

          7. การที่พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์เป็นผู้พิพากษา ขณะที่ทรงถูกสภาซันเฮดรินพิจารณาคดี ก็เป็นการพลิกคุณค่าต่าง ๆ จากหน้ามือเป็นหลังมือ เฮเกล นักปรัชญาชาวเยอรมัน อธิบายความคิดนี้ไว้เป็นอย่างดีว่า “ในกรณีนี้ ไม้กางเขนซึ่งหมายถึงการไร้เกียรติในสังคมถูกเปลี่ยนโฉม คือไม้กางเขนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการไร้เกียรติมากที่สุด และเป็นเครื่องมือของความอัปยศอดสูในมือของผู้มีอำนาจปกครอง กลับกลายเป็นสิ่งที่สูงส่งมากที่สุด ดังนั้น สิ่งที่ถือว่าเลวร้ายที่สุดจึงกลายเป็นสิ่งที่สูงส่งที่สุด เราจำเป็นต้องเห็นการแสดงออกของการปฏิรูปเพื่อต่อต้านทุกสิ่งที่เป็นอยู่ และต่อสิ่งที่มีคุณค่าในความคิดเห็นของมนุษย์ เนื่องด้วยความอัปยศอดสูกลายเป็นเกียรติยศสูงสุด ความสัมพันธ์ทั้งหลายของสังคมมนุษย์ก็ถูกโจมตี สั่นคลอน และถูกทำลายโดยสิ้นเชิง”

          8. เราควรขอโทษพระเยซูเจ้า ที่เราไม่รู้จักพระองค์ดังที่ทรงเป็น คือพระองค์ทรงเป็นบุคคลผู้อุทิศตนสำหรับมนุษย์ทุกคนที่หลงทาง เรายังคงมีความสามารถที่จะตื่นเฝ้าและอธิษฐานภาวนาอย่างเงียบ ๆ ต่อหน้าพระเยซูเจ้าผู้ทรงมอบพระองค์แก่เรา ซึ่งเป็นของประทานถาวรที่ไม่เรียกร้องค่าตอบแทน เราต้องขอบพระคุณพระเยซูเจ้า ผู้ทรงแบกความชั่วร้ายของเรา และทรงยอมถูกตัดสินลงโทษแทนเรา นี่เป็นความรักยิ่งใหญ่ที่เราไม่สมควรจะได้รับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก