“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

II. หนังสือบันทึกคำปลอบโยนประชากรอิสราเอลa

 

คำทำนายว่าประชากรจะพ้นจากการเนรเทศb

40 1พระเจ้าของท่านทั้งหลายตรัสว่า

                        “จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของเราเถิด

          2จงพูดกับกรุงเยรูซาเล็มให้ประทับใจ

                    จงร้องบอกเมืองนั้นว่า

          เวลาการเป็นทาสสิ้นสุดแล้ว

                    ความผิดของเมืองนั้นได้รับการอภัย

          เมืองนั้นได้รับโทษจากพระหัตถ์พระยาห์เวห์

เป็นสองเท่าแล้วเพราะบาปทั้งหมดของตนc          

3เสียงหนึ่งdร้องว่า “จงเตรียมทางของพระยาห์เวห์ในถิ่นทุรกันดาร

จงเปิดทางตรงในทุ่งเวิ้งว้างสำหรับพระเจ้าของเราเถิดe

4จงถมหุบเขาทุกแห่งให้เต็ม

จงปรับภูเขาและเนินเขาทุกแห่งให้เรียบ

ที่ขรุขระจะราบเสมอกัน

ที่สูงๆ ต่ำๆ จะราบเรียบ

5แล้วพระยาห์เวห์จะทรงสำแดงพระสิริรุ่งโรจน์ให้ปรากฏ

มนุษย์ทุกคนจะได้เห็นทั่วกัน

เพราะพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์ตรัสไว้ดังนี้”

6เสียงหนึ่งfกล่าวว่า “จงร้องซิ” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าจะต้องร้องว่าอย่างไร”

เสียงนั้นกล่าวว่า “มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนต้นหญ้า

ความรุ่งเรืองทั้งหมดของเขาเป็นเหมือนดอกไม้ในทุ่ง

7เมื่อพระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้ลมพัดผ่าน

หญ้าก็จะเหี่ยวแห้ง ดอกไม้ก็จะร่วงโรย                      

แน่ทีเดียว ประชากรเป็นเสมือนต้นหญ้า

8หญ้าเหี่ยวแห้ง ดอกไม้ร่วงโรย

แต่พระวาจาของพระเจ้าของเราคงอยู่ตลอดไป”

9“ท่านผู้นำข่าวดีมายังศิโยนเอ๋ย จงขึ้นไปบนภูเขาสูงเถิด

ท่านผู้นำข่าวดีมาให้กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องตะโกนให้สุดเสียงเถิด

จงร้องตะโกน อย่ากลัวเลย

จงประกาศแก่เมืองต่างๆ แห่งแคว้นยูดาห์ว่า

‘พระเจ้าของท่านทรงอยู่ที่นี่’

10ดูซิ พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาด้วยพระอานุภาพ

พระกรของพระองค์ทรงอำนาจปกครอง

ดูซิ รางวัลชัยชนะอยู่กับพระองค์

ประชากรที่ทรงกอบกู้เดินนำหน้าพระองค์

11พระองค์ทรงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์เช่นคนเลี้ยงแกะg

ทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมพระกร

ทรงอุ้มไว้แนบพระอุระ

และทรงนำแม่แกะอย่างทะนุถนอม”

พระมหิทธานุภาพของพระเจ้าh

          12ผู้ใดเล่าเคยใช้อุ้งมือตวงน้ำทั้งทะเลi

                    หรือใช้ฝ่ามือวัดท้องฟ้า

          ผู้ใดเล่าเคยนำฝุ่นของแผ่นดินมาใส่ไว้ในถังใบเดียว

                    หรือชั่งภูเขาบนตาชั่ง และชั่งเนินเขาบนตราชู           

13ผู้ใดหยั่งรู้พระจิตของพระยาห์เวห์

                    หรือเป็นผู้ให้คำปรึกษาแด่พระองค์

                14พระองค์ทรงปรึกษาผู้ใดเพื่อจะได้ความรู้

                    ผู้ใดสอนพระองค์ให้ดำเนินตามทางแห่งความยุติธรรม

          ผู้ใดเล่าสอนพระองค์ให้มีความรู้

                    และแสดงให้ทรงเห็นว่าต้องเข้าใจอย่างไร

                15ดูซิ นานาชาติเป็นเหมือนน้ำหยดหนึ่งจากถัง

                    และหนักเท่าผงชิ้นหนึ่งบนตาชั่ง

          ดูซิ ชนชาติบนเกาะห่างไกลjเบาเหมือนฝุ่น

                16ต้นไม้ทั้งหลายบนภูเขาเลบานอนไม่พอใช้เป็นฟืน

                    และสัตว์ทั้งหลายที่นั่นก็ไม่พอใช้เป็นเครื่องเผาบูชา

17นานาชาติเป็นเหมือนความว่างเปล่าเฉพาะพระพักตร์

พระองค์ทรงคิดว่าเขาเหล่านั้นไม่มีค่าเลยk เป็นเพียงความว่างเปล่า

18ท่านทั้งหลายจะเปรียบพระเจ้ากับผู้ใด

หรือเปรียบพระองค์กับภาพลักษณ์ใดl

19ช่างหล่อหลอมรูปเคารพ

ช่างทองนำทองคำหุ้มไว้

และหลอมเงินเป็นสร้อยให้รูปนั้น

20ผู้ยากจนที่ไม่อาจถวายเช่นนี้ได้m

ย่อมเลือกไม้ที่ไม่ผุ

แสวงหาช่างที่มีฝีมือ

มาทำเป็นรูปเคารพที่ไม่เคลื่อนไหว

21ท่านไม่รู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ

ไม่มีผู้ใดบอกท่านตั้งแต่แรกแล้วหรือ

ท่านไม่เข้าใจว่าแผ่นดินตั้งอยู่บนรากฐานอย่างไร

22พระองค์ประทับเหนือขอบฟ้าของแผ่นดิน

พระองค์ทรงขึงท้องฟ้าเหมือนขึงม่าน

ทรงกางท้องฟ้าออกเหมือนกางกระโจมที่อาศัย

23พระองค์ทรงทำให้เจ้านายเป็นความว่างเปล่า

และทรงทำให้ผู้ปกครองแผ่นดินไม่มีความหมาย

24เขาเป็นเหมือนต้นไม้อ่อนที่เพิ่งปลูก เพิ่งหว่าน

ยังไม่ทันหยั่งรากลงในดิน

พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขา เขาก็เหี่ยวแห้งไป

ลมพายุพัดเขาไปเหมือนฟางข้าว

25พระผู้ศักดิ์สิทธิ์nตรัสว่า

“ท่านจะเปรียบเรากับผู้ใด

ใครเล่าเท่าเทียมเรา”

26จงแหงนหน้าขึ้นดูว่าผู้ใดเนรมิตสร้างดวงดาวเหล่านี้o

พระองค์ผู้ทรงอานุภาพและทรงพลังเข้มแข็ง

ทรงนำดวงดาวทั้งหมดออกมาตามจำนวน

ทรงเรียกชื่อดาวทุกดวง

ซึ่งไม่ขาดไปแม้แต่ดวงเดียว

27ยาโคบเอ๋ย ทำไมท่านจึงพูดว่า

อิสราเอลเอ๋ย ทำไมท่านจึงย้ำว่า

“ทางเดินของข้าพเจ้าถูกซ่อนไว้จากพระยาห์เวห์

สิทธิของข้าพเจ้าถูกพระเจ้าของข้าพเจ้ามองข้ามไป”p

28ท่านไม่รู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ

พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้านิรันดร

เป็นพระผู้เนรมิตสร้างแผ่นดินจนถึงปลายสุด

พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย

พระดำริของพระองค์เหลือที่จะหยั่งรู้ได้

29พระองค์ประทานกำลังแก่ผู้อ่อนเปลี้ย

ทรงเพิ่มเรี่ยวแรงแก่ผู้ไม่มีกำลัง

30แม้คนหนุ่มจะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย

แม้ชายฉกรรจ์จะสะดุดและล้มลง

31แต่ผู้มีความหวังในพระยาห์เวห์จะได้รับพลังใหม่

เขาจะกางปีกบินขึ้นเหมือนนกอินทรี

เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย

เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย

 

40 a “หนังสือ...อิสราเอล” ภาคที่สองของหนังสืออิสยาห์ (บทที่ 40-55) ได้รับชื่อนี้มาแต่โบราณ เพราะเริ่มต้นด้วยคำว่า “จงปลอบโยน” การปลอบโยนเป็นความคิดหลักของข้อความในบทต่างๆ เหล่านี้ ต่างจากถ้อยคำทำนายถึงการลงโทษในภาคแรก (บทที่ 1-39) นักวิชาการเรียกประกาศกนิรนามผู้เขียนภาคที่สองนี้ว่า “อิสยาห์ที่สอง” (Deutero-Isaiah) ซึ่งเป็นประกาศกในช่วงปลายของเวลาที่ชาวอิสราเอลถูกเนรเทศอยู่ที่กรุงบาบิโลน (ดู “ความรู้เรื่องประกาศก” ข้อ 9)

b หนังสือภาคที่สองนี้เปรียบได้กับเพลงประสานเสียงที่มีผู้ขับร้องหลายคน ประกาศถึงการปลดปล่อยประชากรอิสราเอลจากการเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลนว่า เป็นเสมือนการอพยพครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นโดยมีพระเจ้าทรงเป็นผู้นำ เราพบความคิดหลักนี้ทั่วไปในหนังสือภาคนี้ และจะย้ำเป็นพิเศษตอนปลาย ใน อสย 55:12-13

c ชาวกรุงเยรูซาเล็มถูกบังคับให้รับใช้ชาวบาบิโลนเสมือนทาส เขาได้ใช้โทษความผิดเป็นสองเท่าเหมือนกับโทษที่ขโมยต้องชดใช้สิ่งของที่ได้ขโมยมา (เทียบ อพย 22)

d ประกาศกจงใจไม่บอกว่าเสียงนี้เป็นเสียงของผู้ใด ผู้นิพนธ์พระวรสารจะอ้างข้อความนี้ตามคำแปลภาษากรีกฉบับ LXX ว่า “คนคนหนึ่ง (หรือ “เสียงหนึ่ง”) ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า...” (ดู มธ 3:3 //; ยน 1:23)

e ข้อเขียนของชาวบาบิโลนกล่าวถึงขบวนแห่ฉลองชัยชนะที่จัดขึ้นสำหรับกษัตริย์หรือเทพเจ้า โดยใช้สำนวนคล้ายๆ กันนี้ ในที่นี้ประกาศกกล่าวถึง “ทาง” ที่พระยาห์เวห์เสด็จนำประชากรผ่านถิ่นทุรกันดารเหมือนในสมัยอพยพออกจากอียิปต์ ประกาศกเคยกล่าวถึงอัศจรรย์ในสมัยอพยพแล้วใน อสย 10:25-27 เพื่อแสดงว่าพระเจ้าทรงปกป้องประชากรของพระองค์จริงๆ บรรดาประกาศกในสมัยเนรเทศมักขยายความคิดนี้ว่าพระเจ้าจะเสด็จมาช่วยประชากรของพระองค์ (อสย 46:3-4; 63:9) โดยทรงรื้อฟื้นการอัศจรรย์ต่างๆ ในสมัยอพยพจากอียิปต์อีกครั้งหนึ่ง

f “เสียงหนึ่ง” คือเสียงจากสวรรค์ซึ่งทดแทนการสำแดงพระองค์ของพระเจ้าเมื่อทรงเรียกประกาศก (อสย 6:8-13; ยรม 1:4-10; อสค 1-2) การกล่าวถึง “เสียง” ลึกลับที่ผู้เขียนไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด แสดงว่าเขามีจิตสำนึกถึงพระเจ้าผู้ทรงอยู่เหนือทุกสิ่งในโลก ประกาศกจึงเพียงแต่ทูลถามว่าตนจะต้องปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายนี้อย่างไร

g การเปรียบเทียบความเอาพระทัยใส่ของพระเจ้าต่อประชากร เหมือนกับความเอาใจใส่ของ “ผู้เลี้ยงแกะที่ดี” ต่อฝูงแกะของตน ซึ่งยังพบได้อีกใน ยรม 23:1-6 จะได้รับการพัฒนายิ่งขึ้นใน อสค 34 พระเยซูเจ้าก็จะทรงพัฒนาภาพเปรียบเทียบนี้อีกใน มธ 18:12-14 //; ยน 10:11-18

h วรรณกรรมประเภทปรีชาญาณมักกล่าวถึงความแตกต่างระหว่างความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า กับความอ่อนแอของมนุษย์ (โยบ 28; 38-39; สภษ 8:22ฯ; 30:4) แต่หนังสือปรีชาญาณเหล่านี้มักจะกล่าวว่าพระปรีชาญาณของพระเจ้ามีบทบาทในการเนรมิตสร้างและการบำรุงรักษาสิ่งสร้างทั้งหมดไว้ (โยบ 28:23-27; สภษ 8:22-31; บสร 1:1-3)

i “น้ำทั้งทะเล” แปลตามสำเนาโบราณซึ่งพบที่กุมราน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “น้ำทั้งหลาย”

j “ชนชาติบนเกาะห่างไกล” แปลตามตัวอักษรว่า “เกาะทั้งหลาย” แต่เมื่อคำนี้ใช้ควบคู่กับคำ “นานาชาติ” จึงหมายถึง “ชนชาติบนเกาะเหล่านั้น” ซึ่งหมายถึงบรรดาเกาะและดินแดนชายทะเลต่างๆ รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

k “ไม่มีค่าเลย” ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “น้อยกว่าไม่เป็นอะไรเลย”

l ข้อนี้บอกให้เรารู้ว่าไม่มีสิ่งใดเทียบเท่าพระเจ้าเที่ยงแท้ได้ (เทียบ 25:1) ความคิดนี้เป็นเหตุผลในพระบัญญัติสิบประการ และในสมัยต่อมา จึงมีการห้ามมิให้สร้างรูปใดๆ ของพระองค์ ข้อ 19-20 ถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลัง และจะกล่าวถึงการสร้างรูปเคารพต่อไปใน 41:6-7 (เทียบ ข้อความเพิ่มเติมยืดยาวใน 44:9-20) อย่างไรก็ตาม ความคิดต่อต้านเทพเจ้าอื่นที่ไม่ใช่พระยาห์เวห์เป็นความคิดหลักในภาคสองของหนังสือประกาศกอิสยาห์ (เทียบ 41:21 เชิงอรรถ i; 42:8,17; 45:16,20; 46:5-7; ดู สดด 115:3-8; ปชญ 13:11-15; ยรม 10:1-6; 51:15-19; บรค 6 อีกด้วย)

m “ผู้ยากจนที่ไม่อาจถวายเช่นนี้ได้” เราไม่แน่ใจว่าคำแปลเช่นนี้ถูกต้อง แต่คิดว่าความคิดในบรรทัดนี้ตรงข้ามกับความคิดในข้อก่อนหน้านี้

n “พระผู้ศักดิ์สิทธิ์” อิสยาห์ที่สองยอมรับพระสมญา “พระผู้ศักดิ์สิทธิ์” ที่เคยมีใช้บ่อยๆ ในภาคแรกด้วย (ดู 41:14 ฯลฯ) ประกาศกอิสยาห์เลือกพระสมญานี้เพื่อหมายถึงพระเจ้าของอิสราเอล (ดู 6:3 เชิงอรรถ g)

o “ดวงดาวเหล่านี้” แปลตามตัวอักษรว่า “สิ่งเหล่านี้” ดวงดาวต่างๆ นับเป็น “กองทัพ” หรือ “เครื่องประดับท้องฟ้า” (เทียบ 34:4; ฉธบ 17:3; 2 พกษ 17:16; ยรม 8:2 ฯลฯ) ที่กรุงบาบิโลนซึ่งเป็นสถานที่เขียนคำประกาศพระวาจาตอนนี้ ดวงดาวได้รับความเคารพนับถือเป็นเหมือน “เทพเจ้า”

p “ยาโคบ – อิสราเอล” หมายถึงประชากรที่ทรงเลือกสรร ที่ตรงนี้ ผู้ถูกเนรเทศที่กรุงบาบิโลนคิดว่า บางทีพระยาห์เวห์อาจทรงลืมประชากรของพระองค์แล้วก็เป็นได้ (เทียบ อสค 37:11 ซึ่งเขียนขึ้นในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นด้วย)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก