วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2017
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา
บทอ่าน ฮบ 12: 4-7 ,11-15 / มก 6:1-6
พระเยซูเจ้าได้ทรงสั่งสอนในศาลาธรรมที่เมืองนาซาเร็ธในวันสะบาโต ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจในปรีชาญาณของพระองค์ แต่พวกเขาบางคนไม่ยอมรับพระองค์ เพราะพวกเขารู้จักพื้นเพของครอบครัวของพระองค์ ที่เป็นเพียงแต่ช่างไม้ธรรมดา มารดาและญาติของพระองค์ ก็เป็นเพียงคนธรรมดาในหมู่บ้านเดียวกับพวกเขา
พวกเขาจึงต่อต้านพระองค์ อคติของพวกเขาได้ทำให้ตาของพวกเขาบอดมืด ที่จะรับข่าวดีของความรอด ที่พระเยซูเจ้าทรงนำมาให้ แต่พวกเขาไม่อาจขัดขวางพระองค์ เพื่อทำพันธกิจ ด้วยการเทศน์สอน และด้วยการรักษาโรค เมื่อพระเยซูเจ้าทรงรู้สึกว่าพระองค์ถูกปฏิเสธโดยคนหมู่บ้านเดียวกันกับพระองค์ จึงได้ตรัสว่า”ประกาศกย่อมมิได้รับเกียรติเฉพาะในถิ่นกำเนิด ท่ามกลางญาติมิตรในบ้านของตน” พระองค์รู้สึกสะเทือนใจ
”พระองค์ทรงประหลาดพระทัย ต่อความไม่เชื่อของพวกเขา แล้วเสด็จไปเทศน์สั่งสอนตามหมู่บ้านต่างๆในบริเวณนั้น”...
ความอิจฉาริษยา คือ ความรู้สึกไม่มีความสุข หรือ โกรธ “เมื่ออยากได้สิ่งที่คนอื่นมี”
นักจิตวิทยาได้อธิบายว่า
“ความอิจฉาริษยาเป็นเครื่องหมายของความไม่มั่นใจภายใน และของความอ่อนแอ”
คนที่ไม่มีความมั่นใจ รู้สึกไม่ดีเมื่อมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับคนอื่น
เพราะคนที่อ่อนแอเชื่อว่า “คุณสูงขึ้น แต่ฉันตกต่ำลง”
และ “ความสำเร็จของคุณ คือ ความล้มเหลวของฉัน”
อาจเป็นไปได้ว่า พวกเขาบางคนมีความอิจฉาริษยาพระองค์
ข้อคิดสำหรับเรา
เมื่อเราถูกคนใกล้ชิดปฏิเสธไม่ยอมรับสถานภาพ
ความสามารถ และต้นตระกูลของเรา เรารู้สึกอย่างไร?
แต่ตัวอย่างของพระเยซูเจ้า ได้ช่วยให้ท่านมีแรงบันดาลใจและมีพลัง
ที่จะทำหน้าที่ต่อไปหรือไม่? เพราะว่าการตัดสินของคนอื่นมิใช่ตัวกำหนดว่าท่านเป็นใคร แต่เป็นตัวท่านเองต่างหากที่กำหนดว่าท่านเป็นใคร ใช่หรือไม่?...
ท่านต้องไม่เสียศรัทธาต่อมนุษยชาติ
มนุษยชาติก็คือ มหาสมุทร
ถ้าหยดน้ำในมหาสมุทรไม่กี่หยดเปรอะเปื้อน
มหาสมุทรนั้นก็หาได้สกปรกด้วยไม่...
อย่าใช้ตาต่อตาโต้ตอบ
เพราะมันจะทำให้โลกทั้งมวลมืดบอด