"ข้าพเจ้ามีความหวังในพระวาจาของพระองค์" (สดด. 119:74)
วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม 2025
สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม (รม 1:1-7)
จากเปาโล ผู้รับใช้ของพระคริสตเยซู ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกมาเป็นอัครสาวก และทรงมอบหมายให้ประกาศข่าวดี ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาไว้ทางประกาศกในพระคัมภีร์ ข่าวดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์ ซึ่งโดยธรรมชาติมนุษย์ ทรงบังเกิดในเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิด และโดยทางพระจิตเจ้าผู้บันดาลความศักดิ์สิทธิ์ ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระบุตรผู้ทรงอำนาจของพระเจ้าโดยการกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย พระองค์คือพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ด้วยเดชะพระเยซูคริสตเจ้านี้ เราได้รับพระหรรษทานและภารกิจการเป็นอัครสาวก เพื่อนำประชาชาติทั้งหลายให้มาปฏิบัติตามความเชื่อ ทั้งนี้เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระองค์ และท่านทั้งหลายก็อยู่ในบรรดาบุคคลเหล่านี้ ท่านเป็นของพระเยซูคริสตเจ้าแล้ว เพราะพระองค์ทรงเรียก
ถึงทุกท่านในกรุงโรมผู้ที่พระเจ้าทรงรัก และทรงเรียกให้เป็นประชากรศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา สถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด
บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 11:29-32)
เวลานั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกันมากขึ้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “คนยุคนี้เป็นคนชั่วร้าย อยากเห็นเครื่องหมาย แต่จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็น นอกจากเครื่องหมายของประกาศกโยนาห์เท่านั้น โยนาห์เป็นเครื่องหมายสำหรับชาวนีนะเวห์ฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเป็นเครื่องหมายสำหรับคนยุคนี้ฉันนั้น ในวันพิพากษา พระราชินีแห่งทิศใต้จะทรงลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลายแผ่นดิน เพื่อฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ซาโลมอนอีก ในวันพิพากษา ชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นและกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเมื่อได้ฟังคำเทศน์ของประกาศกโยนาห์ แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์อีก
วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม 2025
สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา
บทอ่านจากหนังสือพงษ์กษัตริย์ ฉบับที่สอง (2 พกษ 5:14-17)
ในครั้งนั้น นาอามานชาวซีเรีย ลงไปจุ่มตัวลงในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ดครั้งตามที่คนของพระเจ้าบอก แล้วเนื้อหนังของเขาก็หายจากโรค สะอาดเหมือนผิวของเด็กเล็กๆ นาอามานกับผู้ติดตามทุกคนกลับไปหาคนของพระเจ้า มายืนต่อหน้าเขา กล่าวว่า
“บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดทั่วแผ่นดิน นอกจากพระเจ้าของอิสราเอลเท่านั้น ขอท่านกรุณารับของกำนัลจากผู้รับใช้ของท่านเถิด” เอลีชาตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งข้าพเจ้ารับใช้ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่รับสิ่งใดจากท่านฉันนั้น” นาอามานยังรบเร้าให้เอลีชารับ แต่เขาปฏิเสธไม่ยอมรับ นาอามานจึงขอร้องว่า “ถ้าท่านไม่ยอมรับ ขอให้ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านนำล่อสองตัวบรรทุกดินจากที่นี่กลับบ้าน เพราะผู้รับใช้ของท่านจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาใดๆ แด่พระเจ้าอื่นนอกจากแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น”
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง (2 ทธ 2:8-13)
ลูกที่รักยิ่ง จงระลึกถึง “พระเยซูคริสตเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายทรงสืบเชื้อสายมาจากกษัตรย์ดาวิด” ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศ เพราะข่าวดีนี้เอง ข้าพเจ้าจึงต้องทนทุกข์จนต้องถูกจองจำเหมือนเป็นอาชญากร แต่พระวาจาของพระเจ้าจะถูกจองจำไม่ได้ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงทนทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ได้รับเลือกสรร เพื่อพวกเขาจะได้รับความรอดพ้นซึ่งอยู่ในพระคริสตเยซู พร้อมกับชีวิตในสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดรด้วย
ต่อไปนี้คือถ้อยคำที่เชื่อถือได้ ถ้าเราตายพร้อมกับพระองค์ เราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ ถ้าเราอดทนมั่นคง เราย่อมจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์ ถ้าเราปฏิเสธพระองค์ พระองค์ย่อมจะทรงปฏิเสธเรา ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ พระองค์ก็ยังทรงซื่อสัตย์ต่อไป เพราะพระองค์จะทรงปฏิเสธพระองค์ไม่ได้
บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 17:11-19)
เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์เสด็จผ่านแคว้นสะมาเรียและกาลิลี เมื่อเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนโรคเรื้อนสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ ยืนอยู่ห่างพระองค์ ร้องตะโกนว่า “พระเยซู พระอาจารย์ โปรดสงสารพวกเราเถิด”
พระองค์ทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปแสดงตนแก่บรรดาสมณะเถิด” ขณะที่เขากำลังไป เขาก็หายจากโรค คนหนึ่งในสิบคนนี้ เมื่อพบว่าตนหายจากโรคแล้ว ก็กลับมาพลางร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ซบหน้าลงแทบพระบาท ขอบพระคุณพระองค์ เขาผู้นี้เป็นชาวสะมาเรีย พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ทั้งสิบคนหายจากโรคมิใช่หรือ อีกเก้าคนอยู่ที่ใดเล่า ไม่มีใครกลับมาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้นไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ท่านรอดพ้นแล้ว”
วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม 2025
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา
บทอ่านจากหนังสือประกาศกโยเอล (ยอล 4:12-21)
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “นานาชาติจงรีบขึ้นมายังหุบเขาเยโฮชาฟัทเถิด เพราะที่นั่นเราจะนั่งพิพากษานานาชาติที่อยู่โดยรอบ จงใช้เคียวเกี่ยวเถิด เพราะข้าวที่จะต้องเกี่ยวสุกแล้ว จงมาเถิด จงเหยียบย่ำ เพราะบ่อย่ำองุ่นเต็มแล้ว ถังเก็บน้ำองุ่นล้นแล้ว เพราะความชั่วของเขาทั้งหลายมีมาก มวลชนจำนวนมาก ชนจำนวนมาก อยู่ในหุบเขาการตัดสิน เพราะวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามาแล้วในหุบเขาการตัดสิน”
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มืดไป ดวงดาวก็อับแสง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปล่งพระสุรเสียงจากศิโยน ทรงร้องตะโกนจากกรุงเยรูซาเล็มท้องฟ้าและแผ่นดินสั่นสะเทือน แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยสำหรับประชากรของพระองค์ ทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งสำหรับชาวอิสราเอล แล้วท่านทั้งหลายจะรู้ว่าเราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน
เราพำนักอยู่ในศิโยน ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา กรุงเยรูซาเล็มจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จะไม่มีคนต่างด้าวยึดครองเมืองนี้อีกเลย
เมื่อวันนั้นมาถึง ภูเขาจะหลั่งเหล้าองุ่นใหม่ น้ำนมจะไหลตามเนินเขา ห้วยต่างๆ ของยูดาห์จะมีน้ำไหล น้ำจะไหลออกมาจากพุน้ำในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า และจะรดหุบเขาชิทธีม อียิปต์จะกลายเป็นที่รกร้าง เอโดมจะกลายเป็นถิ่นทุรกันดาร
แห้งแล้ง เพราะความทารุณที่เขาทั้งหลายเคยทำแก่พงศ์พันธุ์ยูดาห์ เขาได้หลั่งโลหิตของผู้บริสุทธิ์ในแผ่นดินของตน แต่ยูดาห์จะมีผู้อาศัยอยู่ตลอดไป กรุงเยรูซาเล็มจะมีผู้อาศัยอยู่ทุกชั่วอายุคน เราจะแก้แค้นแทนโลหิตของเขา จะไม่ปล่อยผู้ทำผิดให้พ้นโทษ และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพำนักในศิโยน
บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 11:27-28)
เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังตรัสอยู่นั้น สตรีผู้หนึ่งร้องขึ้นในหมู่ประชาชนว่า “หญิงที่ให้กำเนิดและให้นมเลี้ยงท่านช่างเป็นสุขจริง” แต่พระองค์ตรัสตอบว่า “คนทั้งหลายที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติตาม ย่อมเป็นสุขกว่านั้นอีก”
วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 2025
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา
บทอ่านจากหนังสือประกาศกโยเอล (ยอล 1:13-15, 2:1-2)
บรรดาสมณะเอ๋ย จงใช้ผ้ากระสอบคาดสะเอวและร้องโอดครวญเถิด ท่านทั้งหลายผู้รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าที่พระแท่นบูชา จงร้องคร่ำครวญ
ท่านผู้รับใช้พระเจ้าของข้าพเจ้า จงมาเถิด จงสวมผ้ากระสอบตื่นเฝ้าทั้งคืน เพราะธัญบูชาและการเทเหล้าองุ่นถวาย หายไปจากพระวิหารของพระเจ้าของท่าน
จงประกาศให้มีการจำศีลอดอาหาร จงเรียกประชาชนมาชุมนุมกัน จงรวบรวมบรรดาผู้อาวุโสและผู้อาศัยทุกคนในแผ่นดิน ให้มายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และจงร้องขอความช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า
“อนิจจาเอ๋ย วันนั้น วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ใกล้แล้ว วันนั้นจะมาถึง เป็นการทำลายจากพระผู้ทรงสรรพานุภาพ”
จงเป่าแตรเขาสัตว์ในศิโยน จงส่งสัญญาณเตือนบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา ให้ทุกคนที่อาศัยในแผ่นดินตัวสั่น เพราะวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะมา
วันนั้นอยู่ใกล้แล้ว เป็นวันแห่งความมืดและความมืดมิด เป็นวันที่มีเมฆและความมืดทึบ ตั๊กแตนจำนวนมากและทรงพลังแผ่กระจายอยู่บนภูเขาต่างๆ เหมือนรุ่งอรุณ อย่างที่ไม่เคยมีมาในอดีต และจะไม่มีอีกในอนาคต จากชั่วอายุคนหนึ่ง ถึงอีกชั่วอายุคนหนึ่ง
บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 11:15-26)
เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงขับผีออกไปแล้ว มีประชาชนบางคนกล่าวว่า “เขาขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเบเอลเซบูล เจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง” บางคนต้องการจับผิดพระองค์ จึงขอให้พระองค์ทรงแสดงเครื่องหมายจากสวรรค์ พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขาจึงตรัสว่า “อาณาจักรใดแตกแยกภายใน อาณาจักรนั้นย่อมพินาศ บ้านเรือนย่อมพังทลายทับกัน ถ้าซาตานแตกแยกกันเอง อาณาจักรของมันจะตั้งอยู่ได้อย่างไร เพราะท่านบอกว่า เราขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเบเอลเซบูล ถ้าเราขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเบเอลเซบูล พวกพ้องของท่านขับไล่มันด้วยอำนาจของใครเล่า พวกพ้องของท่านจะเป็นผู้ตัดสินลงโทษท่าน แต่ถ้าเราขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของพระเจ้า ก็หมายความว่า พระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงท่านแล้ว เมื่อคนแข็งแรงมีอาวุธครบมือ เฝ้าบ้านของตน ทรัพย์สมบัติของเขาก็ปลอดภัย แต่ถ้าผู้ใดแข็งแรงกว่าเข้ามาโจมตี และเอาชนะเขาได้ ก็ย่อมริบอาวุธที่เขามั่นใจนั้น และแบ่งปันข้าวของที่ปล้นได้
ผู้ใดไม่อยู่กับเรา ย่อมเป็นปฏิปักษ์กับเรา ใครไม่รวบรวมสิ่งต่างๆ ไว้กับเราย่อมทำให้สิ่งเหล่านั้นกระจัดกระจายไป
เมื่อปีศาจออกไปจากมนุษย์แล้ว มันท่องเที่ยวไปในที่แห้งแล้งเพื่อหาที่พัก เมื่อไม่พบมันจึงคิดว่า ‘ข้าจะกลับไปยังบ้านที่ข้าจากมา’ เมื่อกลับมาถึง มันพบว่าบ้านนั้นปัดกวาดตกแต่งไว้เรียบร้อย มันจึงไปพาปีศาจอีกเจ็ดตนที่ชั่วร้ายยิ่งกว่ามัน เข้ามาอาศัยที่นั่น สภาพสุดท้ายของมนุษย์ผู้นั้นจึงเลวร้ายกว่าเดิม”
วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม 2025
นักบุญยอห์น เลโอนาร์ดี พระสงฆ์
นักบุญดิโอนีซิโอ พระสังฆราช และเพื่อนมรณสักขี
บทอ่านจากหนังสือประกาศกมาลาคี (มลค 3:13-20ข)
“ท่านทั้งหลายได้พูดใส่ร้ายเรา” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส “แล้วยังมาพูดว่า ‘พวกเราได้พูดใส่ร้ายพระองค์อย่างไร’ ท่านพูดว่า ‘รับใช้พระเจ้าก็เปล่าประโยชน์ ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์หรือเดินไว้ทุกข์เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลมีประโยชน์อะไร บัดนี้ พวกเราเรียกคนอวดดีว่าเป็นสุข แม้เขาทำการชั่วร้าย แต่ก็เจริญรุ่งเรือง แม้เขาได้ทอลองพระเจ้า แต่เขาก็ไม่ได้รับโทษใดๆ’ ”
เวลานั้น ผู้ที่ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าพูดกันถึงเรื่องนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเงี่ยพระกรรณและทรงฟัง มีผู้เขียนหนังสือบันทึกความจำเฉพาะพระพักตร์ บันทึกชื่อของผู้ยำเกรงพระองค์และเคารพพระนามของพระองค์ ในวันนั้น เมื่อเราจะทำ องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส เขาทั้งหลายจะเป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของเรา และเราจะไม่ลงโทษเขาเหมือนคนหนึ่งไม่ลงโทษบุตรที่รับใช้ตน แล้วท่านจะเห็นอีกว่า ผู้ชอบธรรมแตกต่างจากคนอธรรมอย่างไร ผู้รับใช้พระเจ้าแตกต่างจากผู้ไม่รับใช้พระองค์อย่างไร
“ดูซิ วันนั้นกำลังมาถึง คือวันที่จะลุกไหม้เหมือนเตาอบ แล้วคนอวดดีทั้งหลาย และคนทำความชั่วร้ายทุกคนจะเป็นเหมือนซังข้าว วันที่จะมานั้นจะไหม้เขาทั้งหลาย” องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส “จนไม่มีรากหรือกิ่งก้านเหลืออยู่เลย แต่สำหรับท่านทั้งหลายที่ยำเกรงนามของเรา ความเที่ยงธรรมของเราจะขึ้นมาเหมือนดวงอาทิตย์ซึ่งส่องรัศมีรักษาโรคให้หายได้”
บทอ่านจากพระวสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 11:5-13)
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “สมมติว่าท่านคนหนึ่งมีเพื่อนและไปพบเพื่อนนั้นตอนเที่ยงคืนกล่าวว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ให้ฉันขอยืมขนมปังสักสามก้อนเถิด เพราะเพื่อนของฉันเพิ่งเดินทางมาถึงบ้านของฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้เขากิน’ สมมติว่าเพื่อนคนนั้นตอบจากในบ้านว่า ‘อย่ารบกวนฉันเลย ประตูปิดแล้ว ลูกๆ กับฉัน ก็เข้านอนแล้ว ฉันลุกขึ้น ให้สิ่งใดท่านไม่ได้หรอก’ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าคนนั้นไม่ลุกขึ้นให้ขนมปังเพราะเป็นเพื่อนกัน เขาก็จะลุกขึ้นมาให้สิ่งที่เพื่อนต้องการเพราะถูกรบเร้า
เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอเถิดแล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิดแล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูเถิดแล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน เพราะคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่แสวงหาย่อมพบ คนที่เคาะประตูย่อมมีผู้เปิดประตูให้ ท่านที่เป็นพ่อ ถ้าลูกขอปลา จะให้งูแทนปลาหรือ ถ้าลูกขอไข่ จะให้แมงป่องหรือ แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่วยังรู้จักให้ของดีๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานพระจิตเจ้าแก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ”
วันพุธที่ 8 ตุลาคม 2025
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา
บทอ่านจากหนังสือประกาศกโยนาห์ (ยนา 4:1-11)
โยนาห์ไม่พอใจอย่างมากและมีความโกรธเคือง เขาอธิษฐานภาวนาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อข้าพเจ้ายังอยู่ในแผ่นดินของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดแล้วมิใช่หรือว่าจะเป็นไปเช่นนี้ ข้าพเจ้าจึงรีบหนีไปยังเมืองทารชิช เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เมตตาและกรุณา ไม่โกรธง่าย เปี่ยมด้วยความรักมั่นคง และกลับพระทัยไม่ลงโทษ บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ทรงเอาชีวิตของข้าพเจ้าไปเถิด เพราะข้าพเจ้าตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ดีแล้วหรือที่ท่านโกรธ”
โยนาห์จึงออกจากเมืองไปนั่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง เขาสร้างเพิงแล้วไปนั่งในร่มที่นั่น คอยดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเมืองนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงจัดให้ต้นละหุ่งต้นหนึ่งงอกขึ้นมาเหนือโยนาห์เพื่อให้ร่มบังศีรษะของเขา ทำให้เขาคลายความกลัดกลุ้ม โยนาห์จึงยินดียิ่งนักเพราะต้นละหุ่งต้นนี้ แต่วันต่อมา เมื่อตะวันขึ้น พระเจ้าทรงจัดให้หนอนตัวหนึ่งมากัดกินต้นละหุ่งต้นนั้นจนเหี่ยวไป เมื่อตะวันขึ้นแล้ว พระเจ้าทรงจัดให้ลมตะวันออกที่ร้อนจัดพัดมา แสงแดดก็แผดเผาศีรษะของโยนาห์จนเป็นลม เขาจึงทูลขอให้ตาย พูดว่า “ข้าพเจ้าตายเสียก็ยังดีกว่ามีชีวิตอยู่” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับโยนาห์ว่า “ดีแล้วหรือที่ท่านโกรธเพราะต้นละหุ่งต้นนั้น” โยนาห์ทูลตอบว่า “ดีแล้ว พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าโกรธมากจนอยากตาย” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ท่านสงสารต้นละหุ่งต้นนั้นที่ท่านไม่ได้ลงแรงปลูกหรือ ทำให้มันงอกขึ้น มันโตขึ้นในคืนเดียว แล้วก็ตายไปในคืนเดียว แล้วเราจะไม่ต้องสงสารกรุงนีนะเวห์นครยิ่งใหญ่นั้น ซึ่งมีประชาชนมากกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นคนที่แยกไม่ออกว่าข้างไหนมือขวาข้างไหนมือซ้าย และมีสัตว์เลี้ยงจำนวนมากด้วยละหรือ
บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 11:1-4)
วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อทรงอธิษฐานจบแล้ว ศิษย์คนหนึ่งทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐานภาวนาเหมือนกับที่ยอห์นสอนศิษย์ของเขาเถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐานภาวนา จงพูดว่า
‘ข้าแต่พระบิดา พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ
พระอาณาจักรจงมาถึง
โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายทุกวัน
โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
เหมือนข้าพเจ้าทั้งหลายให้อภัยแก่ผู้อื่น
โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ให้แพ้การประจญ’”
วันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2025
ระลึกถึงแม่พระแห่งลูกประคำ
บทอ่านจากหนังสือประกาศกโยนาห์ (ยนา 3:1-10)
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยนาห์อีกครั้งหนึ่งว่า “จงลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์นครใหญ่ และประกาศเรื่องที่เราจะบอกท่านแก่เขา” โยนาห์ก็ลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์ตามพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า กรุงนีนะเวห์เป็นนครใหญ่มาก ถ้าจะเดินข้ามเมืองก็กินเวลาสามวัน โยนาห์เริ่มเดินเข้าไปในเมืองเป็นระยะทางเดินหนึ่งวัน ร้องประกาศว่า “อีกสี่สิบวัน กรุงนีนะเวห์จะถูกทำลาย” ชาวกรุงนีนะเวห์เชื่อฟังพระเจ้า และประกาศให้อดอาหาร สวมเสื้อผ้ากระสอบทุกคน ตั้งแต่คนใหญ่ที่สุดจนถึงคนเล็กที่สุด ข่าวนี้ลือไปถึงกษัตริย์กรุงนีนะเวห์ พระองค์ทรงลุกขึ้นจากพระบัลลังก์ ทรงเปลื้องฉลองพระองค์ออก ทรงสวมเสื้อผ้ากระสอบและประทับนั่งบนกองขี้เถ้า กษัตริย์ทรงประกาศกฤษฎีกาในกรุงนีนะเวห์พร้อมกับข้าราชบริพารชั้นสูงว่า “ทั้งคนและสัตว์ไม่ว่าใหญ่หรือเล็กอย่ากินสิ่งใด อย่ากินหญ้าหรือดื่มน้ำเลย ทั้งคนและสัตว์จงสวมผ้ากระสอบและร้องหาพระเจ้าสุดกำลัง แต่ละคนจงกลับใจจากความประพฤติชั่วและเลิกใช้การกระทำที่รุนแรง ใครจะรู้ได้ พระเจ้าอาจทรงเปลี่ยนพระทัย ทรงพระเมตตา และคลายพระพิโรธที่รุนแรง เพื่อเราจะไม่ต้องพินาศ” พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นความพยายามของเขา ที่จะกลับใจไม่ประพฤติชั่วอีกต่อไป พระเจ้าทรงพระเมตตาไม่ลงโทษตามที่ตรัสไว้ว่าจะทรงลงโทษเขา
บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 10:38-42)
เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินพร้อมกับบรรดาศิษย์ พระองค์เสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง สตรีผู้หนึ่งชื่อมารธารับเสด็จพระองค์ที่บ้าน นางมีน้องสาวชื่อมารีย์ ซึ่งนั่งอยู่แทบพระบาทขององค์พระผู้เป็นเจ้าคอยฟังพระวาจาของพระองค์ มารธากำลังยุ่งอยู่กับการปรนนิบัติรับใช้จึงเข้ามาทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือ ที่น้องสาวปล่อยดิฉันคนเดียวให้ปรนนิบัติรับใช้ ขอพระองค์บอกเขาให้มาช่วยดิฉันบ้าง” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “มารธา มารธา เธอเป็นห่วงและวุ่นวายหลายสิ่งนัก สิ่งที่จำเป็นมีเพียงสิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาส่วนที่ดีที่สุดที่จะไม่มีใครเอาไปจากเธอได้”
วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2025
น.บรูโน พระสงฆ์
บทอ่านจากหนังสือประกาศกโยนาห์ (ยนา 1:1-2:2, 11)
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยนาห์ บุตรของอามิททัยว่า “จงลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์นครใหญ่ และประกาศแก่เมืองนั้นว่าความชั่วของเขาขึ้นมาถึงเรา” แต่โยนาห์ลุกขึ้นหนีจากพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าไปยังเมืองทารชิช เขาลงไปถึงเมืองยัฟฟา และพบเรือลำหนึ่งกำลังไปเมืองทารชิช เขาจึงชำระค่าโดยสาร และลงเรือเดินทางพร้อมกับคนอื่นไปยังเมืองทารชิชให้พ้นจากพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งลมแรงเหนือทะเลจนเกิดพายุใหญ่ในทะเล จนน่ากลัวว่าเรือจะอับปาง บรรดาลูกเรือมีความกลัว ต่างร้องหาเทพเจ้าของตน และโยนข้าวของในเรือลงทะเล เพื่อให้เรือเบาขึ้น ส่วนโยนาห์ลงไปใต้ท้องเรือ นอนลงและหลับสนิท นายเรือมาหาเขา พูดว่า “อะไรกัน ท่านยังนอนหลับได้หรือ จงลุกขึ้น เรียกพระเจ้าของท่าน บางทีพระองค์จะทรงคิดถึงพวกเราบ้าง เราจะได้ไม่ต้องพินาศ” แล้วทุกคนพูดกันว่า “มาเถอะ เราจงจับฉลากกัน เพื่อจะรู้ว่า ใครเป็นเหตุทำให้ภัยนี้เกิดแก่เรา” เขาจึงจับฉลาก ฉลากก็ตกแก่โยนาห์ เขาเหล่านั้นจึงถามโยนาห์ว่า “บอกเราซิว่า ทำไมท่านจึงเป็นเหตุให้ภัยนี้เกิดแก่เรา ท่านทำอาชีพอะไร ท่านมาจากไหน แผ่นดินของท่านอยู่ที่ไหน ท่านเป็นชนชาติใด” เขาจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวฮีบรู ข้าพเจ้านมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของสวรรค์ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดินแห้ง” คนเหล่านั้นมีความกลัวมาก ถามเขาว่า “ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้” เพราะคนเหล่านั้นรู้แล้วว่าโยนาห์กำลังหนีจากพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาได้บอกแล้ว
บรรดาลูกเรือจึงถามเขาว่า “เราจะต้องทำอย่างไรกับท่าน เพื่อทะเลจะได้สงบลงสำหรับเรา” เพราะทะเลยิ่งปั่นป่วนมากขึ้น โยนาห์จึงตอบว่า “จงจับข้าพเจ้าโยนลงไปในทะเล ทะเลก็จะสงบลงสำหรับท่าน เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าเป็นความผิดของข้าพเจ้าที่พายุใหญ่เกิดขึ้นแก่ท่านเช่นนี้” พวกลูกเรือพยายามแจวเรืออย่างสุดกำลังเพื่อนำเรือกลับเข้าฝั่งแต่ไม่สำเร็จ เพราะทะเลยิ่งปั่นป่วนมากขึ้นต้านเขา เขาทั้งหลายจึงร้องหาองค์พระผู้เป็นเจ้า พูดว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ทรงโปรดเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายวอนขอพระองค์อย่าทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องพินาศเพราะชีวิตของชายผู้นี้เลย อย่าให้ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องรับผิดชอบความตายของผู้บริสุทธิ์ เพราะพระองค์ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ทรงทำตามที่พอพระทัย” เขาทั้งหลายจึงจับโยนาห์โยนลงไปในทะเล ความปั่นป่วนของทะเลก็สงบลง คนเหล่านั้นมีความกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งนัก เขาจึงถวายบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและบนบานต่อพระองค์
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดให้ปลาใหญ่ตัวหนึ่งกลืนโยนาห์เข้าไป โยนาห์อยู่ในท้องปลาเป็นเวลาสามวันสามคืน จากท้องปลา โยนาห์อธิษฐานภาวนาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งปลาให้สำรอกโยนาห์ออกไว้บนแผ่นดินแห้ง
บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 10:25-37)
เวลานั้น นักกฎหมายคนหนึ่งยืนขึ้นทูลถามเพื่อจะจับผิดพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำสิ่งใดเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ในธรรมบัญญัติมีเขียนไว้อย่างไร ท่านอ่านว่าอย่างไร” เขาทูลตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดกำลัง และสุดสติปัญญาของท่าน ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงทำเช่นนี้ แล้วจะได้ชีวิต”
ชายคนนั้นต้องการแสดงว่าตนถูกต้อง จึงทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า
“ชายคนหนึ่งกำลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค เขาถูกโจรปล้น พวกโจรปล้นทุกสิ่ง ทุบตีเขา แล้วก็จากไป ทิ้งเขาไว้อาการสาหัสเกือบสิ้นชีวิต สมณะผู้หนึ่งเดินผ่านมาทางนั้นโดยบังเอิญ เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่ง ชาวเลวีคนหนึ่งผ่านมาทางนั้น เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่ชาวสะมาเรียผู้หนึ่ง เดินทางผ่านมาใกล้ ๆ เห็นเขาก็รู้สึกสงสาร จึงเดินเข้าไปหา เทน้ำมันและเหล้าองุ่นลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ นำเขาขึ้นหลังสัตว์ของตน พาไปถึงโรงแรมแห่งหนึ่งและช่วยดูแลเขา วันรุ่งขึ้น ชาวสะมาเรียผู้นั้นนำเงินสองเหรียญออกมามอบให้เจ้าของโรงแรมไว้กล่าวว่า ‘ช่วยดูแลเขาด้วยเงินที่ท่านจะจ่ายเกินไปนั้น ฉันจะคืนให้เมื่อกลับมา’
ท่านคิดว่าในสามคนนี้ ใครเป็นเพื่อนมนุษย์ของคนที่ถูกโจรปล้น” เขาทูลตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปและทำเช่นเดียวกันเถิด”
วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2025
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา
บทอ่านจากหนังสือประกาศกฮาบากุก (ฮบก 1:2-3; 2:2-4)
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องร้องขอความช่วยเหลือนานสักเท่าใด พระองค์จึงจะทรงฟัง ข้าพเจ้าจะร้องเสียงดังทูลพระองค์ว่า “ทารุณ” พระองค์ก็ไม่ทรงช่วยให้รอดพ้น ทำไมพระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าเห็นการทำผิด และทรงนิ่งมองดูการกดขี่ข่มเหง ทั้งการปล้นสะดมและการใช้ความรุนแรงอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า การทะเลาะวิวาทและแตกสามัคคีมีเพิ่มขึ้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบข้าพเจ้าว่า “จงเขียนนิมิตและสลักไว้ให้ชัดเจนบนแผ่นกระดาน เพื่อให้อ่านได้ง่าย ยังไม่ถึงเวลาที่นิมิตนี้จะเป็นจริง แต่จะเป็นจริงในไม่ช้าตามที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน แม้นิมิตนี้จะล่าช้าไปบ้าง ก็จงคอยสักระยะหนึ่ง นิมิตนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนโดยไม่ชักช้า ดูซิ ผู้มีจิตใจไม่ซื่อตรงก็จะล้มลง แต่ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตเพราะความซื่อสัตย์”
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง (2 ทธ 1:6-8, 13-14)
ลูกที่รักยิ่ง ข้าพเจ้าจึงเตือนความจำของท่าน เพื่อให้พระพรพิเศษของพระเจ้า เป็นไฟที่รุ่งโรจน์ขึ้นอีก ท่านได้รับพระพรนี้โดยการปกมือของข้าพเจ้า พระเจ้าไม่ได้ประทานจิตที่บันดาลความขลาดกลัว แต่ประทานจิตที่บันดาลความเข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเองแก่เรา
ดังนั้น ท่านอย่าอายที่จะเป็นพยานถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา หรืออายที่ข้าพเจ้าต้องถูกจองจำเพราะพระองค์ แต่จงเข้ามามีส่วนร่วมทนทุกข์ทรมานกับข้าพเจ้าเพื่อข่าวดีโดยพระอานุภาพของพระเจ้า
จงยึดถือคำสอนที่ถูกต้อง ซึ่งท่านได้ยินมาจากข้าพเจ้าไว้เป็นแบบอย่าง ด้วยความเชื่อและความรักในพระคริสตเยซู จงรักษาของมีค่าที่ได้รับมอบไว้ เดชะพระจิตเจ้าผู้สถิตอยู่ในเรา
บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 17:5-10)
เวลานั้น บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด”
องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า “ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า ‘จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด’ ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน
ท่านผู้ใดที่มีคนรับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อคนรับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับคนรับใช้หรือว่า ‘เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด’ แต่จะพูดมิใช่หรือว่า ‘จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้น เจ้าจึงกินและดื่ม’ นายย่อมไม่ขอบใจผู้รับใช้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งมิใช่หรือ
ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันเมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า ‘ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น’ ”
ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล
หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ
หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ
หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2
หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2
หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์
หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส
หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์
หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกพระคัมภีร์
122/11 Soi Naksuwan, Nonsi Road, Yannawa, Bangkok 10120,Thailand
Tel 0-2681-3900 Ext. 1315 Fax 0-2681-5369-70