“ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง”
89. พระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงสำแดงพระองค์ (มก 16:9-20)
169หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพตอนเช้าตรู่วันต้นสัปดาห์แล้ว พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่มารีย์ชาวมักดาลาเป็นคนแรก นางคือผู้ที่พระองค์เคยทรงไล่ปีศาจเจ็ดตนออกไป 10นางจึงไปบอกผู้ที่กำลังร้องไห้เป็นทุกข์ซึ่งเคยอยู่กับพระองค์ 11เมื่อเขาเหล่านั้นได้ยินนางพูดว่าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่และนางเห็นพระองค์แล้ว เขาก็ไม่เชื่อ
12หลังจากนั้น พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ในรูปแตกต่างไปกับศิษย์สองคนซึ่งกำลังเดินทางไปชนบท 13เขาทั้งสองคนกลับมาเล่าให้คนอื่นฟัง แต่คนเหล่านั้นก็ไม่เชื่อเช่นเดียวกัน
14ในที่สุด พระองค์ทรงสำแดงพระองค์แก่อัครสาวกสิบเอ็ดคนขณะที่เขากำลังร่วมโต๊ะกินอาหารอยู่ ทรงตำหนิพวกเขาที่ไม่ยอมเชื่อและมีใจแข็งกระด้าง เพราะไม่ยอมเชื่อผู้ที่เห็นพระองค์เมื่อทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว 15พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง 16ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ 17ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ๆ ได้ 18จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย”
19เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา 20บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา
ข้อความนี้ดูเหมือนไม่ใช่ข้อเขียนของนักบุญมาระโกโดยตรง เพราะมีลีลาการเขียนต่างกัน และมีลักษณะเป็นการสรุปเรื่องต่างๆ พระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพสำแดงพระองค์ ที่คัดมาจากหนังสืออื่นของพันธสัญญาใหม่คือ
1) พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่มารีย์ชาวมักดาลา (16:9-11)
2) พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่ศิษย์สองคน (16:12-13)
3) พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่อัครสาวกสิบเอ็ดคน (16:14-18)
4) พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ (16:19-20)
สำเนาโบราณเล่าเรื่องเหล่านี้ไว้หลายแบบด้วยกัน เช่น ฉบับหนึ่งสรุปสั้นๆ ว่า “สตรีทั้งสามคนได้รายงานสั้นๆ ให้บรรดาเพื่อนของนักบุญเปโตรทราบถึงเรื่องที่ทูตสวรรค์ได้บอกไว้ หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าพระองค์เองได้ทรงให้บุคคลเหล่านี้ไปประกาศข่าวดีอันศักดิ์สิทธิ์และไม่เลื่อมสลายเรื่องความรอดพ้นนิรันดร จากทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตก” ความแตกต่างในสำเนาโบราณที่กล่าวมานี้ อาจอธิบายได้ว่า ตอนจบของต้นฉบับที่นักบุญมาระโกเขียนได้สูญหายไป หรืออาจเป็นไปได้ว่านักบุญมาระโกต้องการจบพระวรสารในข้อ 8 แต่ต่อมาภายหลัง คริสตชนในสมัยแรกได้นำพระวรสารของนักบุญมาระโกมาเทียบกับ พระวรสารเล่มอื่นแล้วรู้สึกว่า การจบของนักบุญมาระโกในข้อ 8 นี้ เป็นการจบที่ไม่สมบูรณ์และห้วนไป จึงได้ต่อเติม “ตอนจบแบบยาว” (ข้อ 9-20) เพิ่มเข้าไปด้วย
กระนั้นก็ดี พระศาสนจักรถือว่า ตอนจบแบบยาวของนักบุญมาระโกนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์ในสารบบ แม้สำเนาโบราณที่สำคัญหลายฉบับจะไม่มีข้อความตอนนี้
- หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพตอนเช้าตรู่วันต้นสัปดาห์แล้ว พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์ ในต้นฉบับภาษากรีกไม่มีประธานของประโยคคือพระเยซูเจ้า และคำกริยา “ทรงสำแดงพระองค์” (Phaino, to appear = ประจักษ์, แสดงตน) ที่ใช้ในตอนนี้ (มก 16:12, 14) แตกต่างกับกริยาที่ใช้กันในข้อความอื่น ๆ เมื่อพูดถึงพระเยซูเจ้า ทรงสำแดงพระองค์ (Horao, to see = เห็น, เช่น เทียบ มก 16:7; มธ 28:7; ลก 32:34; ยน 20:18, 25, 29; 1 คร 15:5-8)
- แก่มารีย์ชาวมักดาลาเป็นคนแรก อันดับการสำแดงพระองค์ที่เล่าในข้อความนี้ สะท้อนลำดับที่เราพบในพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์นสำหรับการสำแดงครั้งแรกและครั้งที่สาม (เทียบ ยน 20:11-23) ส่วนการสำแดงพระองค์ครั้งที่สอง ได้รับแรงบันดาลใจจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (เทียบ ลก 24:13-35)
- นางคือผู้ที่พระองค์เคยทรงไล่ปีศาจเจ็ดตนออกไป ประโยคนี้คัดมาเกือบคำต่อคำจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา บทที่ 8 ข้อ 2 และดูเหมือนมีการนำเสนอนางมารีย์ชาวมักดาลาเป็นครั้งแรก จริง ๆ แล้ว เราเคยอ่านเรื่องราวของมารีย์ชาวมักดาลาในพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโกถึงสามครั้งแล้ว (15:40-47; 16:1)
- นางจึงไปบอกผู้ที่กำลังร้องไห้เป็นทุกข์ การเป็นทุกข์และการร้องไห้ของบรรดาศิษย์ ทั้งในกรณีที่เขารู้หรือยังไม่รู้ว่าพระคูหาว่างเปล่า เป็นการพิสูจน์ว่าเขาทั้งหลายยังไม่มีความคิดเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าเลย ในทำนองเดียวกัน นักบุญลูกาเล่าว่าศิษย์สองคนที่เดินทางไปหมู่บ้านเอมมาอูส มีความทุกข์โศกเศร้า ทั้ง ๆ ที่เขารู้แล้วว่า สตรีที่ไปยังพระคูหาได้เห็นทูตสวรรค์ผู้ประกาศว่าพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว (เทียบ ลก 24:17)
- ซึ่งเคยอยู่กับพระองค์ หมายถึงกลุ่มบรรดาศิษย์ ไม่เพียงบรรดาอัครสาวกสิบเอ็ดคนเท่านั้น (เทียบ 16:14)
- เมื่อเขาเหล่านั้นได้ยินนางพูดว่าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่และนางเห็นพระองค์แล้ว “ยังทรงพระชนม์” เป็นวลีที่ใช้เพื่อแสดงการกลับคืนพระชนมชีพ แม้ชีวิตใหม่ต่างกับชีวิตที่มีอยู่ก่อนหน้านี้
- เขาก็ไม่เชื่อ ผู้เขียนต้องการเน้นเป็นพิเศษว่า บรรดาศิษย์ไม่เชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ โดยย้ำความคิดนี้สองครั้ง (เทียบ ข้อ13 และ 14) นักบุญลูกาก็เช่นกันเขียนว่า บรรดาอัครสาวกคิดว่าถ้อยคำของสตรีเป็นเรื่องเหลวไหล (เทียบ ลก 24:11) น่าสังเกต เหตุผลที่บรรดาศิษย์ไม่เชื่อนั้น ไม่ขึ้นอยู่กับประเด็นที่ว่าพยานรู้ถึงเหตุการณ์นี้เป็นสตรีผู้ซึ่งรับรู้เร็วต่อความรู้สึก เพราะกรณีที่ชายสองคนที่เดินทางไปหมู่บ้านเอมมาอูสเป็นพยาน บรรดาศิษย์อื่น ๆ ก็ไม่เชื่อเช่นกัน แต่เหตุผลแท้จริงคือ ชาวยิวต่อต้านความคิดเรื่องการกลับคืนชีพ เขาจะยอมรับทัศนะนี้ ก็ต่อเมื่อ มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนและไม่สามารถโต้แย้งได้