"ข้าพเจ้ามีความหวังในพระวาจาของพระองค์" (สดด. 119:74)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2017
สัปดาห์ที่สิบเจ็ด เทศกาลธรรมดา
มธ 13:54-58…
53เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสเรื่องอุปมาเหล่านี้จบแล้ว พระองค์เสด็จออกจากที่นั่น 54มายังถิ่นกำเนิดของพระองค์ ทรงสั่งสอนในศาลาธรรมของชาวยิว ประชาชนต่างประหลาดใจและพูดว่า “คนนี้เอาปรีชาญาณและอำนาจทำอัศจรรย์มาจากที่ใด 55เขาเป็นลูกช่างไม้มิใช่หรือ แม่ของเขาชื่อมารีย์ พี่ชายน้องชายของเขามิใช่ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาหรือ

56พี่สาวน้องสาวทุกคนของเขาก็อยู่กับเรามิใช่หรือ เขาไปได้สิ่งเหล่านี้มาจากที่ใด” 57คนเหล่านี้รู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำเนิดและในบ้านของตน” 58พระองค์ทรงทำอัศจรรย์ที่นั่นไม่มากนัก เพราะเขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• พระวรสารโดยท่านนักบุญมัทธิว เล่าเรื่องพระเยซูเจ้าเทศน์สอนเรื่องพระอาณาจักรสวรรค์จบแล้ว พระองค์ประทับสอนเป็นอุปมา สอนอย่างต่อนเนื่องถึงอุปมาเจ็ดเรื่องอย่างที่เราได้ไตร่ตรองกันมาก่อนหน้านี้แล้ว... มัทธิวบทที่ 13 จบลงด้วยเรื่องเล่าถึงพันธกิจต่อไป... พ่ออยากให้พี่น้องสังเกตว่า พระเยซูเจ้าในพระวรสาร มีสองอย่างที่ทรงกระทำ คือ
o ทรงเทศน์สอน ประกาศ “พระวาจา” Word
o ทรงกระทำ “พันธกิจ” ควบคู่ไปกับการเทศน์สอน Works of Deeds

• พระวารสารจะเล่าเรื่อง “การประกาศพระวาจา และควบคู่กับกิจการ” เสมอๆมา โดยเราอ่านมาตลอด แต่วันนี้พ่ออยากให้เราได้แยกแยะให้ชัดเจนว่ามีสองอย่างคู่กันจริงๆ

• ตลอดเวลาในชีวิตของพระเยซูเจ้า และพระองค์เป็นที่ยอมรับเสมอในกิจการอัศจรรย์มากมาย ทรงรักษาผู้เจ็บป่วยมากมายด้วยทุกโรคภาย ทรงให้กำลังคนง่อย พิการในรูปแบบสารพัด และทรงขับไล่ปีศาจจำนวนมากมายจริงๆที่รบกวนชีวิตประชาชน... กิตติศัพท์ ของพระองค์แผ่นขยายกระจายไปทั่วอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ คำสอนของพระองค์ก็เป็นที่น่าทึ่งเหลือเกินในอุปมา ในคำสั่งสอนในรูปแบบต่างๆ

• พระวาจาวันนี้เล่ามาถึงการที่ทรงเสด็จกลับมาถึงบ้านเมืองเล็กๆที่พระองค์เติบโตมา และแน่นอนตั้งแต่เด็ก พระองค์ก็เป็นเด็กชายเยซูในเมืองนาซาแร็ธ และคงเข้าออกศาลาธรรม (ศูนย์กลางของนาซาแร็ธ) เป็นประจำ เป็นที่รู้จักของใครต่อใคร.. และทุกคนก็รู้ว่าเจ้าเด็กน้อยเยซูเป็นลูกมารีย์ กับยอแซฟ... อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ดีๆอีกทีสิครับจะเห็นภาพการโจษจันวิจารณ์และไม่ยอมรับ หรือสะดุดใจที่จะรับ
o “พระองค์เสด็จออกจากที่นั่นมายังถิ่นกำเนิดของพระองค์ ทรงสั่งสอนในศาลาธรรมของชาวยิว ประชาชนต่างประหลาดใจและพูดว่า “คนนี้เอาปรีชาญาณและอำนาจทำอัศจรรย์มาจากที่ใด (มีคำโจษจัน และสะดุดในใจหลายประการ...)
1. เขาเป็นลูกช่างไม้มิใช่หรือ
2. แม่ของเขาชื่อมารีย์ พี่ชายน้องชายของเขามิใช่ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาหรือ
3. พี่สาวน้องสาวทุกคนของเขาก็อยู่กับเรามิใช่หรือ เขาไปได้สิ่งเหล่านี้มาจากที่ใด”
o คนเหล่านี้รู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์

• อ่านมาถึงตรงนี้ พ่อก็เห็นบรรยากาศในศาลาธรรมที่นาซาแรธทันที วันนั้น พระองค์ที่มีชื่อเสียงมากๆ มากจริงๆ มากกว่าบรรดาประกาศกใดๆในอดีต มากกว่าทุกคนในประวัติศาสตร์ของเมืองเล็กๆห่างไกลความเจริญเช่น “นาซาแร็ธ” เป็นเมืองชาวยิวเล็กๆ สังคมปิดๆ ประมาณการของนักวิชาทางโบราณคดีคาดกันว่า... เมืองนาซาแร็ธสมัยพระองค์ทรงพระเยาว์และเติบโตนั้น มีประชากรไม่น่าจะเกินหนึ่งพันคนเท่านั้นอย่างมากที่สุด ไม่เกินแปลว่าไม่ถึงพัน ซึ่งอาจหมายถึงไม่กี่ร้อยคน ไม่กี่ครอบครัว และในสภาพที่ชาวยิวมีลูกมากๆใช้ได้ในอดีตกาล บางทีอาจไม่ถึงเจ็ดสิบหลังคาเรือน และที่สำคัญ ชาวยิวเป็นญาติวงศ์วานกันทั้งหมู่เหล่าครับ “พี่ชายน้องชายของเขามิใช่ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดา... พี่สาวน้องสาวทุกคนของเขาก็อยู่กับเรามิใช่หรือ”
o ประโยคนี้ที่ทำให้พี่น้องที่ปฏิเสธเรื่องความเชื่อในพรมจรรย์ของแม่พระเลือกมาใส่กันเต็มเหนี่ยว... เน้นว่าพระเยซูมีพี่น้องชายหญิงอีกหลายคนจากแม่มารีย์...
o ตรงนี้หลงไปเลย เพราะคำว่าพี่น้องในหมู่ชาวยิวเขาเรียกกันทั้งวงศ์วาน... ญาติกันก็เรียก “พี่น้อง” พี่น้องกันทั้งหมู่บ้านเลย... แบบคนไทยญวณหรืออีสานบ้านเรา... (พ่อบวชมายังมีพี่น้องเต็มหมู่บ้านเจ้าเจ็ดเลย เรียงญาติเจอกัน เรียกพี่น้องกันหมด)

• แต่ประเด็นปัญหาของพระเยซูเจ้าซึ่งเป็นที่ยอมรับเหลือเกินทั่วแคว้นกาลิลีและแม้แต่กิตติศัพท์ที่ไปถึงยูเดีย...และฟาโน้นของแม่น้ำจอร์แดน... พระคัมภีร์ชัดเจนที่สุด..
o แต่ แต่ แต่ มาสะดุดที่นาซาแร็ธนี่เอง บ้านที่พระเยซูเจ้าทรงเติบโตมา อันที่จริง ชาวยิวจำนวนหนึ่งก็ไม่เคยยอมรับพระองค์ตลอดมาในพระวรสาร
o ถ้าอ่านอย่างครบถ้วน สังเกตดีๆ โดยเฉพาะชาวฟาริส ซัดดุสี บรรดาธรรมาจารย์ ผู้ทรงเกียรติในศาสนาและสังคม ไม่ค่อยเคยยอมรับพระองค์อยู่แล้ว และเราก็รู้ว่า พวกนี้หาทางกำจัดพระองค์มาโดยตลอด... วางแผนเล่นงาน ใส่ร้าย และวางแผนฆ่าด้วย...
o เหตุผลสำคัญที่สุด เพราะเรื่องเดียว เรื่องเดียวจริงๆคือ “ความอิจฉา” ที่อำนาจศาสนาของพวกตนที่ “หากินกันมาเคร่งกันมาแบบเพื่อตนเอง เก็บซ่อนความเท็จหมดเม็ดทางศาสนาและสังคม เพราะความเห็นแก่ตัวและฐานะทางสังคมกำลังถูกบันทอนจาก... “ความจริง” “องค์ความจริง”

• พระวรสารวันนี้ ทำให้เราเห็นว่า บรรดาธรรมจารย์ ฟาริสี สะดุดที่จะยอมรับพระองค์เพราะพวกเขาเหมือนเป็นเจ้าของศาลาธรรม พวกเขารู้ถึงเทือกเถาเหล่ากอของพระเยซูเจ้า พวกเขายากที่จะยอมรับ และอันที่จริง ที่นาซาแร็ธนี้ ประชาชนเคยโกรธพระองค์เคยคิดจะผลักพระองค์ตกจากหน้าผาของเมืองนาซาแร็ธด้วย...ศาสนาที่มีเรื่องของอำนาจ เรื่องของสิ่งที่เรียกว่า “อำนาจทางศาสนา” ก็เป็นแบบนี้
o บรรดาธรรมาจารย์และฟาริสี หรือผู้มีอำนาจทางศาสนาบ่อยครั้งก็เป็นเช่นนี้ ยากที่จะยอมรับคนอื่น หรือคิดว่าตนเองมีอำนาจทางศาสนาหรืออำนาจในการเป็นเจ้าของสิทธิอำนาจมากกว่าใครๆ ยากที่จะยอมรับคนอื่นๆ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของอำนาจแบบที่เคยๆเห็นก็มักจะเห็นว่า อำนาจทางศาสนา อำนาจการสอน เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส บ่อยๆ ก็เป็นอย่างนี้ เกจิอาจารย์ คนคงแก่เรียน มีอาวุโส บ่อยครั้งก็มักจะถูกจัดว่าเป็นผู้มีอำนาจ มีความถูกต้องสูงสุด... ซึ่งบางทีก็ยากที่จะยอมรับผู้น้อยได้...

• ไม่แปลกที่สิ่งนี้เกิดกับพระเยซูเจ้าที่บ้านเมืองของพระองค์... ตามที่พระวรสารย้ำว่า “คนเหล่านี้รู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์”

• แต่พี่น้องที่รัก... พ่อทึ่งกับความจริงของพระเยซูเจ้าและความจริงที่พ่อได้พบในพระคัมภีร์และอยากจะสรุปวันนี้
o พระเยซูเจ้าเองทรงเป็นผู้ที่ถ่อมพระองค์ ถ่อมตนที่สุด ถึงกับมาจากพระเจ้าสูงสุดมาสู่ความเป็นมนุษย์ต่ำต้อยและโตมาในเมืองเล็กๆ ชื่อนาซาแร็ธ เกิดจากหญิงพรมจารีย์ที่แสนต่ำน้อยและเล็กน้อยคือมารีย์ พระแม่ที่ได้ตอบทูตสวรรค์กาเบรียลว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า”
o พระเยซูเจ้าเองทรงสอนเราให้ต้อนรับ “เด็กเล็กๆ” หลายอย่างในศาสนาหลายศาสนาถือว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก แต่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ในศาสนา แต่พระเยซูเจ้าสอนว่า “การต้อนรับเด็กเล็กๆ คือการต้อนรับพระองค์” และทรงสอนว่า “ผู้ได้ไม่ต้อนรับพระอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆจะไม่ได้เข้าพระอาณาจักรของพระเจ้าเลย”
o พระเยซูสอนเราให้เลือกเดินในหนทางแห่งความถ่อมตน เลือกเดินเข้าประตูแคบ และศาสนาของเราได้ย้ำว่า “การกระทำความดีแก่ผู้เล็กน้อยคนหนึ่งเท่ากับกระทำต่อพระองค์เอง”

• สรุป ความยิ่งใหญ่ของความเชื่อ ศาสนาของพระเยซูคริสตเจ้า คือ ความอ่อนน้อม สุภาพ ถ่อมตน ไม่ได้ยิ่งใหญ่ตามแบบโลก ไม่ใช่อำนาจมากมายตามแบบผู้ใหญ่ฝ่ายโลกเลย แต่เป็นการยอมสละความยิ่งใหญ่แบบโลก มารับสภาพความสุภาพถ่อมตนและอ่อนโยน

• พี่น้องครับ วันนี้ พ่อคิดว่า คำสอนดีมากสำหรับเราคือการเปิดใจ รับฟัง ยอมรับ และพร้อมจะรับฟังแม้เสียงเล็กๆของเด็ก ของผู้ยากไร้ หรือคนเล็กน้อย จริงๆนะครับ ศาสนาของเราเป็นแบบนี้ครับ คนที่เป็นใหญ่ต้องรับใช้ ถ่อมตนจริงๆ น่ารักจริงๆ นะครับ.. ขอพระเจ้าอวยพรครับ

Sunday of the Word of God 2025

Sunday of the Word of God 2025

เช้าวันใหม่ใส่ใจภาวนา

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2025

Sinapis Talk | ซีนาปีส ทอล์ค

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก