"ข้าพเจ้ามีความหวังในพระวาจาของพระองค์" (สดด. 119:74)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 18 เมษายน 2016

สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา 

ธรรมเนียมแท้จริง คือ ความรัก ความรักไม่มีพรมแดน....

กจ 11:1-18
1บรรดาอัครสาวกและพี่น้องที่อยู่ในแคว้นยูเดียรู้ว่าคนต่างศาสนาได้ยอมรับพระวาจาของพระเจ้าด้วย 2เมื่อเปโตรขึ้นไปที่กรุงเยรูซาเล็ม บรรดาผู้มีความเชื่อที่เข้าสุหนัตตำหนิเขา 3ถามว่า “ทำไมท่านเข้าไปในบ้านของผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัตและกินอาหารร่วมกับเขาเล่า” 4เปโตรจึงเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เขาฟังตามลำดับว่า 5”วันหนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังอธิษฐานภาวนาอยู่ที่เมืองยัฟฟา ข้าพเจ้าเข้าสู่ภวังค์และเห็นนิมิต สิ่งหนึ่งคล้ายผ้าผืนใหญ่ ถูกมัดไว้ทั้งสี่มุมกำลังถูกหย่อนลงจากท้องฟ้า มาที่ข้าพเจ้า

6ข้าพเจ้าจ้องดูสิ่งนั้นอย่างตั้งใจ ก็เห็นนกในท้องฟ้า และสัตว์สี่เท้าของแผ่นดิน คือ สัตว์สี่เท้า สัตว์ป่าและสัตว์เลื้อยคลาน 7ข้าพเจ้าได้ยินเสียงหนึ่งกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “เปโตรเอ๋ย จงลุกขึ้น ฆ่าสัตว์เหล่านี้กินซิ” 8ข้าพเจ้าทูลตอบว่า “ทำไม่ได้ พระเจ้าข้า เพราะสิ่งมีมลทินและไม่สะอาดไม่เคยเข้าปากข้าพเจ้าเลย” 9เสียงจึงตอบจากท้องฟ้าเป็นครั้งที่สองว่า “สิ่งที่พระเจ้าทรงชำระให้สะอาดแล้ว ท่านอย่าเรียกว่ามีมลทินเลย” 10เสียงจากท้องฟ้านี้เกิดขึ้นถึงสามครั้ง แล้วทุกสิ่งก็ถูกดึงขึ้นไปบนท้องฟ้า

11”ทันใดนั้นมีชายสามคนมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านที่ข้าพเจ้าพัก เขาถูกส่งจากเมือง ซีซารียามาพบข้าพเจ้า 12พระจิตเจ้าทรงบอกข้าพเจ้าให้ไปกับเขาโดยไม่ต้องลังเล พี่น้องหกคนเหล่านี้ไปพร้อมกับข้าพเจ้าด้วย เราเข้าไปในบ้านของโครเนลิอัส 13เขาเล่าให้เราฟังว่า เขาเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งปรากฏมาในบ้านของเขาพูดว่า “จงส่งคนไปที่เมืองยัฟฟา ไปเชิญซีโมนที่รู้จักกันในนามว่าเปโตรมาที่นี่ 14เขาจะกล่าวถ้อยคำที่จะนำความรอดพ้นมาให้ท่านและทุกคนในครอบครัวของท่าน”

15”ขณะที่ข้าพเจ้าเริ่มพูด พระจิตเจ้าก็เสด็จลงมาเหนือเขาเหล่านั้น เหมือนกับที่ได้เสด็จลงมาเหนือเราในตอนแรก 16ข้าพเจ้าจึงระลึกถึงพระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ว่า “ยอห์นทำพิธีล้างด้วยน้ำ แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับการล้างเดชะพระจิตเจ้า” 17ในเมื่อพระเจ้า ประทานพระพรแก่เขาเช่นเดียวกับที่ประทานแก่เรา ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเป็นใครเล่าที่จะขัดขวางพระเจ้าได้”

18เมื่อได้ยินดังนี้ ทุกคนก็เลิกคัดค้าน แต่สรรเสริญพระเจ้าว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ พระเจ้าก็ประทานให้คนต่างศาสนากลับใจมารับชีวิตด้วยเช่นเดียวกัน”

อรรถาธิบายเปรียบเทียบ
• เคยได้ยินเพลงเก่าแก่เพลงหนึ่งสมัยเป็นเด็กคุ้นหูมาก เป็นเพลงเล่าเรื่องความรัก ชื่อ “บุพเพสันนิวาส” มีทำนองคำร้องเพราะครับ
o ตอนหนึ่งคือ “ความรักศักดิ์ศรี รักไม่มีพรมแดน รักไม่มีศาสนา....”
o จำได้ว่าได้ยินบ่อยมากๆ และชอบตอนนี้ ดูเหมือนว่าความรักของมนุษย์อันที่จริง ไม่มีพรมแดน ไม่มีเขตกัน ไม่มีแม้แต่ศาสนาแปลว่า ศาสนาไหนๆต่างกันแค่ไหนก็รักกันได้ครับ...

• วันนี้คิดถึงเพลงนี้เพราะมาเข้าใจตอนนี้จริงๆ ศาสนาที่ยิ่งใหญ่คือศาสนาที่มีความรักเสมอ และความรักหรือเมตตา ก็เป็นธรรมชาติเสมอ

• ขณะเดียวกันพ่อก็คิดถึงการสร้างศาสนาเท็จเทียมเพื่อปกครองควบคุม อ้างความเชื่อลุ่มหลงและก่อความรุนแรงแบบขาดความรัก...
o ศาสนาแท้ขาดความรักไม่ได้ ไม่มีความรักต่อชีวิตมนุษย์เมื่อใด...นั่นไม่ใช่ศาสนาแต่เป็นความบ้าคลั่งที่อ้างศาสนา เป็นความงมงายอย่างเป็นระบบที่น่าเกลียดชังที่สุด...
o เมื่อใดก็ตามที่มีการอ้างศาสนาเพื่อทำลายชีวิตมนุษย์... โอ...นั่นคือความเป็นศาสนาเท็จเทียมเป็นที่ยิ่ง ไม่ได้มีพระเจ้าเที่ยงแท้แต่เป็นพระเท็จเทียมที่พระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมมักจะเรียกว่าเป็น “พระเท็จเทียมที่เหมือนนกโสโครกและอัปยศที่สุด เป็นสิ่งที่เรียกว่า น่าสะอิดสะเอียนของความงมงายและเรียกตนเองว่าเป็นศาสนาหรือเทพเจ้า ในพระคัมภีร์มีเยอะครับ โดยเฉพาะการบูชาพระเท็จเทียมแบบพระนางเยเซเบล...คือความโสโครกและหมักหมมทางความคิดงมงายและความชั่วร้ายที่สั่งสมอย่างเป็นระบบที่หล่อหลอมให้ลุ่มหลงงงงวยกันไป” ธรรมเนียมต่างๆ มากมายก็ไม่สำคัญเท่ากับความรักจริงๆ นะครับ

• อ่านพระวาจาและคิดถึงความจริงของศาสนาวันนี้ พ่อก็มาถึงบางอ้อจริงๆ “Deus Caritas Est” พระเจ้าเป็นความรัก ผู้ที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นความรัก...
o คำสอนจากจดหมายนักบุญยอห์นฉบับที่หนึ่ง ใช่แล้ว พระเจ้าเป็นความรัก
o ความรักของพระเจ้าไม่มีพรมแดนจริงๆ
o พระองค์รักมนุษย์ทุกคน
o เพราะพระองค์เป็นความรัก “รักไม่มีพรมแดน” จริงๆ พระเจ้ารัก พระเยซูเจ้าทรงรักและข่าวดีของพระองค์ไม่มีพรมแดนแห่งธรรมเนียมประเพณีใดๆมาขวางกันความรักได้เลย ความรักทะลุทะลวงหัวใจจริงๆ

• ธรรมเนียมของชาวยิวมีมากมาย ลายละเอียดมหาศาล แต่ข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้า และการสถิตอยู่ของพระจิตเจ้า “ความรัก” ไม่มีอะไรขวางกันได้
o เรื่องการกิน การดื่ม ธรรมเนียมยิวสมัยพระเยซูเจ้า มีมากเหลือเกิน ทำอะไรก็ต้องระวังเพราะจะเป็นมลทิน
o แต่อันที่จริง พระเจ้าตรัสกับเปโตรที่เมืองจัฟฟา “สิ่งที่พระเจ้าทรงชำระให้สะอาดแล้ว ท่านอย่าเรียกว่ามีมลทินเลย”....

• อ่านกิจการอัครสาววันนี้แล้วเข้าใจจริงๆ ครับ
o ไม่มีธรรมเนียมของมนุษย์ใดๆ เหนือกว่าพระเจ้าได้เลย พระเจ้าเป็นความรัก ธรรมเนียมในศาสนามักมีมากมายเรื่องการกินการดื่ม ระเบียบห้ามโน่นนี่นั่นนี้นู่นโน้นเน้นๆๆๆ กันเข้าไป ล้างมือ ล้างเท้า (แต่ไม่ค่อยล้างปากล้างใจ) เอากันเข้าไป... เยอะ เยอะมาก
o พี่น้อที่รัก... พ่อมั่นใจจากพระคัมภีร์ จากพระเยซูเจ้า...
o ธรรมเนียมหรือวัฒนธรรมของพระเจ้ามีเพียงประการเดียวครับ “ธรรมเนียมหรือวัฒนธรรมแห่งความรัก” (Civilization of Love)
o ความรักสามารถ ไม่มีพรมแดน พระเจ้า พระจิตเจ้าสถิตอยู่ทุกแห่ง กับทุกคน เพียงแต่เราต้องแสวงหาพระองค์ด้วยจริงใจ และหัวใจที่เปิดกว้าง
o และที่สำคัญ ยอมรับการเผยแสดงของพระองค์ในพระวาจา ในพระศาสนจักร และในชีวิตที่เปี่ยมด้วยความรักของพระเจ้าครับ....

• การประกาศพระวาจาของพระเยซูเจ้า “พระเจ้าองค์ความรัก” จึงไม่มีธรรมเนียมใดๆ ปิดกันได้ เพราะความรักคือธรรมชาติจริงๆ ครับ
o เราถูกสร้างมาเพื่อรักพระองค์ รักเพื่อนมนุษย์ ไม่ใช่เพื่อเกลียดชังแน่นอนครับ แม้แต่ลูกโจรที่ร้ายกาจที่สุด เกิดมาเขายังรักโจรผู้พ่อเลยครับ แสดงว่า คนเราเกิดมาพร้อมกับความรัก เพื่อความรักจริงๆ...
o แต่ความเห็นแก่ตัวก็ใช่ย่อย มันคล้ายความรักมากๆจริงๆ เป็นความปลอมของความรักที่ปลอมได้เกือบเหมือนจริงแต่เลวและเทียมสุดๆ จนบางทีแยกกันไม่ออก
o ความรักที่ปลอมคือความรักแต่ตัวเองคนเดียว “เห็นแก่ตัว”
o แต่ความรักแท้คือรักตนเองและรักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง หรือบางทียอมตายได้เพื่อคนที่รัก นั่นคือรักแท้ และพระเยซูเจ้าก็เป็นเช่นนั้น “ยอมตายเพื่อเรา”

• อ่านพระวาจาวันนี้นะครับ จะรู้ว่า รักของพระเจ้า ไม่มีพรมแดน ไม่มีธรรมเนียมมากมาย ความรักมาจากพระเจ้าเพราะพระเจ้าเป็นความรักครับ....และพระจิตของพระเจ้าองค์ความรัก สถิตเหนือทุกคนที่แสวงหาพระองค์

• ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านให้การประกาศข่าวดีด้วยชีวิตเกิดขึ้นทุกวัน คือรักเพื่อนพี่น้องทุกวันจริงๆ ไม่ปลอมๆ นะครับ

วันนี้พ่ออยากให้อ่านการฟื้นฟูการประกาศข่าวดีใหม่... จากกฤษฎีกาสมัชชาฯฉบับที่รอทางสันตะสำนักอนุมัติแล้วครับ... น่าสนใจ ชีวิตศาสนาที่ต้องฟื้นฟู

บทที่ 4 ขอบฟ้าเพื่อฟื้นฟูการประกาศข่าวดีขึ้นใหม่

พระศาสนจักรที่ยากจนเพื่อคนยากจน

26. พระศาสนจักรต้องเลือกอยู่ข้างคนยากจนเป็นอันดับแรก เรื่องนี้จะต้องเป็น “เทววิทยาชีวิต” (Theology of life) ของพระศาสนจักรมากกว่าเป็นเพียงความคิดหรืองานบริการสังคม การเลือกเช่นนี้เป็นวิถีชีวิตของพระศาสนจักรที่ต้องไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอื่น เรื่องนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงเลือกที่จะฟื้นฟูพระศาสนจักรอย่างจริงจังให้อยู่ข้างคนยากจน โดยให้พระศาสนาจักรดำเนินชีวิตยากจนเพื่อคนยากจน พระคริสตเจ้าทรงเป็นต้นแบบที่ล้ำค่าที่สุดในเรื่องการถ่อมพระองค์ลงมา ทรงบังเกิดอย่างยากจน ทรงทิ้งความร่ำรวยสูงสุด ลงมารับสภาพดุจทาสเป็นมนุษย์เหมือนเรา และทรงรักมนุษย์จนกระทั่งยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อกอบกู้พวกเขาให้รอดพ้น (เทียบ ฟป 2: 7-8)
พระศาสนจักรต้องไม่สะสมความร่ำรวย และสถาบันของพระศาสนจักรต้องเป็นประจักษ์พยาน ต้องปรับเปลี่ยนตนเองให้มีพื้นที่ที่เปิดกว้างต้อนรับคนยากจน พระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวชและคริสตชนทุกคนต้องเลือกที่จะดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย สมถะ พอเพียง มีเมตตากรุณา รักและรับใช้ อยู่เคียงข้างคนจน เน้นความยุติธรรมในสังคม กล้าละทิ้งความสะดวกสบายและความมั่นคงส่วนตน เพื่อเป็นประจักษ์พยานที่มีประสิทธิภาพและประกาศข่าวดีได้อย่างแท้จริง

การเคารพศักดิ์ศรีมนุษย์

27. เพราะ “พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์ พระองค์ทรงสร้างเขาตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า พระองค์ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง” (ปฐก 1: 27) มนุษย์ทุกคนจึงมีคุณค่าและศักดิ์ศรีในฐานะลูกของพระเจ้า ดังนั้น พระศาสนจักรต้องตระหนักว่าพันธกิจรักและรับใช้ด้วยชีวิตที่เป็นประจักษ์พยานจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อชีวิตและศักดิ์ศรีของมนุษย์ได้รับการเคารพตั้งแต่การปฏิสนธิและสิ้นสุดเมื่อความตายตามธรรมชาติมาถึง พระศาสนจักรมีพันธกิจที่จะต้องปกป้องชีวิต ส่งเสริมชีวิต มุ่งพัฒนาชีวิตและศักดิ์ศรีของมนุษย์แบบองค์รวม โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้โลกเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง

พระศาสนจักรทุกภาคส่วนต้องมองเห็นความสำคัญและร่วมมือกันปกป้องสิทธิมนุษยชน ยอมรับ ยกย่องให้เกียรติและเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน โดยส่งเสริมสนับสนุน พัฒนาคุณภาพชีวิต ศักดิ์ศรีและสิทธิของครอบครัว เด็ก เยาวชน สตรี บุรุษ ผู้สูงอายุและสมาชิกกลุ่มพิเศษในสังคม ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ๆ ของความยากจนและความอ่อนแอ เช่น บรรดาผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย กลุ่มชาติพันธุ์ ชนพื้นเมือง ผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ผู้ติดยาเสพติด ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้พิการ ผู้ต้องขัง บรรดาผู้สูงอายุที่อยู่โดดเดี่ยวและถูกทอดทิ้ง เด็กและสตรีที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากสถานการณ์ที่ถูกทอดทิ้ง ถูกทารุณ ถูกทำร้ายด้วยความรุนแรง ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกละเมิดทางเพศและถูกล่วงละเมิดในรูปแบบอื่นๆ ตลอดจนบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ และคนไร้สัญชาติ

นอกจากนั้นพระศาสนจักรทุกภาคส่วนยังต้องร่วมมือกันปกป้องสิทธิและช่วยเหลือประชากรที่ประสบปัญหาในมิติต่างๆ เช่น เกษตรกรรายย่อย แรงงานในสถานประกอบการต่างๆ ทั้งในบริบทสังคมชนบทและชุมชนเมือง ฯลฯ พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยต้องให้การอภิบาลด้วยการสร้างโอกาส พัฒนาศักยภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาและฟื้นฟูชีวิตของพวกเขาให้มีความภูมิใจในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เป็นลูกของพระเจ้า ตระหนักในบทบาทและหน้าที่ของตน เพื่อให้บุคคลทั้งหลายนั้นได้ “มีชีวิต และมีชีวิตอย่างสมบูรณ์” (เทียบ ยน 10: 10) มนุษย์และ “ความเป็นมนุษย์ใหม่” ต้องเป็นศูนย์กลางหรือหัวใจสำคัญของชีวิตและพันธกิจของพระศาสนจักร

รักษ์สิ่งสร้าง

28. พระเจ้าทรงมอบหมายให้มนุษย์มีหน้าที่รักษาดูแลโลกและสรรพสิ่งซึ่งเป็น “บ้านส่วนรวม” (Our common home) ของมนุษยชาติ (เทียบ ปฐก 1 ดู Laudato si’) ดังนั้น มนุษย์จึงต้องทำงานร่วมกับพระผู้สร้าง สานต่อกิจการสร้างโลกโดยทำให้สิ่งสร้างสมบูรณ์ มั่นคงและเติบโตอยู่เสมอ เราจึงมีหน้าที่ต้องเคารพและสำนึกรู้คุณต่อพระผู้สร้าง โดยไม่ละเมิดหรือทำลายระบบนิเวศและความงดงามของโลก มีการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติแบบมีส่วนร่วม โดยเอาใจใส่ทำนุบำรุงดูแลและเยียวยาสภาพแวดล้อมด้วยโลกทัศน์และภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน เป็นหน้าที่สำคัญของพระศาสนจักรที่จะต้องรับผิดชอบ เอาใจใส่ดูแล รณรงค์ ส่งเสริม ปลูกฝัง และเรียกร้องให้คริสตชนและทุกภาคส่วนของสังคม ตระหนักถึงพันธกิจแห่งการคุ้มครองรักษาโลก ใช้ทรัพยากรต่างๆ อย่างคุ้มค่าโดยคำนึงถึงความดีงามส่วนรวม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

คำถามสุดท้ายสำหรับพ่อวันนี้คือ “เอาจริงป่ะ....พระศาสนจักรที่ยากจนเพื่อคนยากจน เคารพศักดิ์ศรีของมนุษย์ และรักษ์สิ่งสร้าง” เอาจริงป่ะ

 

Sunday of the Word of God 2025

Sunday of the Word of God 2025

เช้าวันใหม่ใส่ใจภาวนา

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2025

Sinapis Talk | ซีนาปีส ทอล์ค

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก