"ข้าพเจ้ามีความหวังในพระวาจาของพระองค์" (สดด. 119:74)

รัชสมัยกษัตริย์โฮเชยาแห่งอิสราเอล (732-724 ก่อน ค.ศ.)

17 1ปีที่สิบสองในรัชกาลกษัตริย์อาคัสแห่งยูดาห์ โฮเชยาบุตรของเอลาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลที่กรุงสะมาเรีย และทรงครองราชย์เป็นเวลาเก้าปี 2พระองค์ทรงกระทำความชั่วเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ แต่ยังไม่มากเท่ากับกษัตริย์แห่งอิสราเอลองค์ก่อนๆ

3กษัตริย์ซัลมาเนเสอร์aแห่งอัสซีเรียทรงยกทัพมาทำสงครามกับพระองค์ กษัตริย์โฮเชยาทรงยอมเป็นประเทศราช และถวายบรรณาการ 4แต่กษัตริย์แห่งอัสซีเรียทรงพบว่ากษัตริย์โฮเชยาทรงวางแผนกบฎ โดยทรงส่งทูตไปเฝ้ากษัตริย์โสbแห่งอียิปต์และทรงเลิกส่งบรรณาการแด่กษัตริย์แห่งอัสซีเรียดังที่เคยทรงปฏิบัติทุกปี กษัตริย์แห่งอัสซีเรียจึงทรงสั่งให้จับกษัตริย์โฮเชยาจองจำไว้c

 

กรุงสะมาเรียถูกทำลาย (721 ก่อน ค.ศ.)

5กษัตริย์แห่งอัสซีเรียทรงยกทัพมารุกรานแผ่นดินทั้งหมด เสด็จมาถึงกรุงสะมาเรียและทรงล้อมเมืองเป็นเวลาสามปี 6ปีที่เก้าในรัชกาลกษัตริย์โฮเชยา กษัตริย์แห่งอัสซีเรียทรงยึดกรุงสะมาเรียได้d ทรงกวาดต้อนชาวอิสราเอลไปเป็นเชลยที่อัสซีเรีย ให้ตั้งหลักแหล่งบางส่วนอยู่ที่เมืองคาลาห์ บางส่วนอยู่ที่แม่น้ำคาโบร์ในแคว้นโกซานe บางส่วนอยู่ตามเมืองต่างๆ ของชาวมีเดียf

 

เหตุผลการล่มสลายของอาณาจักรเหนือg

7เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะชาวอิสราเอลทำบาปผิดต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของตน พระองค์ทรงนำเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ พ้นจากมือของกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ แต่เขากลับไปนมัสการเทพเจ้าอื่น 8ปฏิบัติตามประเพณีของชนชาติที่พระยาห์เวห์ทรงขับไล่ออกไปเมื่อชาวอิสราเอลเข้ามาอาศัยอยู่ และปฏิบัติตามประเพณีต่างๆ ที่กษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงนำเข้ามาh 9ชาวอิสราเอลเหยียดหยามพระยาห์เวห์ พระเจ้าของตน สร้างสักการสถานบนที่สูงสำหรับตนไว้ทุกเมือง ตั้งแต่หมู่บ้านเล็กๆ ไปจนถึงเมืองที่มีป้อมปราการ 10เขาตั้งเสาหินและเสาศักดิ์สิทธิ์ของเทพีอาเชราห์ไว้บนยอดเนินสูง และใต้ร่มไม้ทุกแห่ง 11เขาเผากำยานที่นั่นบนที่สูงทุกแห่งตามแบบอย่างของชนชาติที่พระยาห์เวห์ทรงขับไล่ออกไป เพื่อให้เขามาพำนักอาศัยแทน เขาทำสิ่งชั่วร้ายยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์ 12กราบไหว้รูปเคารพที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาเขาไม่ให้ทำเช่นนั้น

13พระยาห์เวห์ทรงใช้บรรดาประกาศกและผู้ทำนายมาเตือนชาวอิสราเอลและชาวยูดาห์ว่า “จงละทิ้งหนทางชั่วร้ายของท่าน จงปฏิบัติตามบทบัญญัติและข้อกำหนด ดังที่มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติที่เรามอบให้แก่บรรพบุรุษของท่าน และตกทอดมาถึงท่านทางบรรดาประกาศกผู้รับใช้ของเรา” 14แต่เขาไม่ยอมเชื่อฟัง มีจิตใจดื้อรั้นเหมือนบรรพบุรุษซึ่งไม่ยอมเชื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของตน 15ดูหมิ่นข้อกำหนดและพันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงทำกับบรรพบุรุษของเขา ดูหมิ่นคำตักเตือนที่ทรงให้ไว้ กลับไปกราบไหว้รูปเคารพที่ไร้ประโยชน์ จนต้องกลายเป็นคนไร้ค่า ดำเนินตามประเพณีของชนชาติต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ ไม่เชื่อฟังพระบัญชาของพระยาห์เวห์ที่ทรงห้ามเขาไม่ให้ทำเช่นนั้น 16เขาละเมิดบทบัญญัติทั้งหมดของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา ทำรูปโคโลหะสองตัวและเสาศักดิ์สิทธิ์ของเทพีอาเชราห์ไว้กราบไหว้ เขายังกราบไหว้ดวงดาวบนท้องฟ้าและกราบไหว้พระบาอัล 17เขานำบุตรชายหญิงเผาเป็นเครื่องบูชา ปรึกษาคนทรงและใช้เวทมนตร์คาถา เขาขายตนเองทำความชั่วร้ายเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ยั่วยุพระพิโรธของพระองค์ 18พระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธชาวอิสราเอลอย่างยิ่ง และทรงผลักไสเขาให้พ้นจากพระพักตร์ เหลือไว้แต่เผ่ายูดาห์เท่านั้น

19แต่เผ่ายูดาห์ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของตน กลับไปปฏิบัติตามประเพณีที่อิสราเอลนำเข้ามา 20พระยาห์เวห์ทรงทอดทิ้งลูกหลานทั้งหมดของอิสราเอล ทรงลงโทษเขาโดยทรงมอบเขาไว้ในมือของผู้ที่เข้ามาปล้น จนในที่สุด พระองค์ทรงผลักไสเขาให้พ้นจากพระพักตร์ 21เมื่อพระองค์ทรงฉีกอิสราเอลไปจากราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด ชาวอิสราเอลได้แต่งตั้งเยโรโบอัมบุตรของเนบัทขึ้นเป็นกษัตริย์ กษัตริย์เยโรโบอัมทรงชักนำชาวอิสราเอลไม่ให้เชื่อฟังพระยาห์เวห์ ทรงนำเขาให้ทำบาปหนัก 22ชาวอิสราเอลได้ทำบาปต่างๆ ที่กษัตริย์เยโรโบอัมทรงทำ ไม่ยอมเลิกทำบาปเหล่านั้น 23ในที่สุด พระยาห์เวห์ทรงผลักไสอิสราเอลให้พ้นไปจากพระพักตร์ ดังที่ทรงเตือนไว้ทางประกาศกผู้รับใช้ของพระองค์ อิสราเอลจึงต้องถูกเนรเทศจากแผ่นดินของตนไปอยู่ที่อัสซีเรีย และอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้

 

ที่มาของชาวสะมาเรียi

24กษัตริย์แห่งอัสซีเรียทรงนำผู้คนจากกรุงบาบิโลน เมืองคูธาห์ อัฟวา คามัท และเสฟารวาอิม เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ในแคว้นสะมาเรียแทนที่ชาวอิสราเอล เขายึดครองแคว้นสะมาเรียและอาศัยอยู่ตามเมืองต่างๆ

25เมื่อแรกที่คนเหล่านี้มาอาศัยอยู่ที่นั่น เขาไม่ได้นมัสการพระยาห์เวห์ พระองค์จึงทรงส่งสิงโตมากัดบางคนตาย 26มีผู้ไปกราบทูลกษัตริย์แห่งอัสซีเรียว่า “ประชาชนที่พระองค์ทรงย้ายไปตั้งหลักแหล่งอยู่ตามเมืองต่างๆ ในแคว้นสะมาเรีย ไม่รู้วิธีนมัสการพระเจ้าแห่งแผ่นดินนั้น พระเจ้าองค์นั้นจึงทรงส่งสิงโตมากัดเขาตาย เพราะเขาไม่รู้จักวิธีนมัสการพระเจ้าแห่งแผ่นดินนั้น” 27กษัตริย์แห่งอัสซีเรียทรงสั่งว่า “จงส่งสมณะคนหนึ่งในบรรดาสมณะที่ท่านทั้งหลายจับมาเป็นเชลย ให้กลับไปอยู่ที่นั่นk เขาจะได้สอนคนเหล่านั้นให้รู้จักวิธีนมัสการพระเจ้าแห่งแผ่นดินนั้น” 28สมณะคนหนึ่งซึ่งถูกจับเป็นเชลยจากกรุงสะมาเรียก็กลับไปอยู่ที่เมืองเบธเอล สั่งสอนประชาชนให้รู้จักวิธีนมัสการพระยาห์เวห์

29แต่ชนชาติเหล่านี้ต่างสร้างรูปเคารพของเทพเจ้าของตน นำไปตั้งไว้ในวิหารที่ชาวสะมาเรียเคยสร้างไว้บนที่สูง ชนแต่ละชาติทำเช่นนี้ในเมืองที่เขาอยู่ 30ชาวบาบิโลนสร้างรูปพระสุคคทเบโนท ชาวคูธาห์สร้างรูปพระเนอรกัล ชาวคามัทสร้างรูปพระอาชิมา 31ชาวอัฟวาสร้างรูปพระนิบคัสและพระทารทัก ชาวเสฟารวาอิมเผาบุตรของตนเป็นบูชาแด่พระอัดรัมเมเลคและอานัมเมเลค ซึ่งเป็นเทพเจ้าของชาวเสฟารวาอิม 32คนเหล่านี้นมัสการพระยาห์เวห์ด้วย และยังแต่งตั้งคนของตนให้เป็นสมณะประจำสักการสถานบนที่สูง เพื่อทำหน้าที่ถวายบูชาที่นั่น 33เขานมัสการพระยาห์เวห์ และกราบไหว้เทพเจ้าของตนตามประเพณีของชนชาติที่เขาถูกจับเป็นเชลย 34เขายังปฏิบัติตามประเพณีเก่าแก่ของตนจนทุกวันนี้

เขาไม่ได้นมัสการพระยาห์เวห์k ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนด พระวินิจฉัย ธรรมบัญญัติและบทบัญญัติซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาแก่บุตรหลานของยาโคบ ที่พระองค์ประทานนามให้ใหม่ว่า “อิสราเอล”

35พระยาห์เวห์ทรงกระทำพันธสัญญากับเขา และทรงบัญชาว่า “จงอย่านมัสการพระเจ้าอื่น อย่ากราบไหว้พระเจ้าเหล่านั้น อย่ารับใช้หรือถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าเหล่านั้น 36แต่จงนมัสการพระยาห์เวห์ผู้ทรงนำท่านทั้งหลายออกจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยพระอานุภาพยิ่งใหญ่ และด้วยพระกรที่เหยียดออก จงกราบไหว้ และถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์ 37ท่านทั้งหลายจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด พระวินิจฉัย ธรรมบัญญัติและบทบัญญัติที่พระองค์ประทานให้ท่านเป็นลายลักษณ์อักษร ท่านจะต้องปฏิบัติตามทุกๆ วัน ไม่นมัสการพระเจ้าอื่นใด 38ท่านทั้งหลายจงอย่าลืมพันธสัญญาซึ่งเราทำไว้กับท่าน ท่านจะต้องไม่นมัสการพระเจ้าอื่น 39แต่จงนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน แล้วพระองค์จะทรงช่วยท่านให้พ้นจากมือของศัตรูทั้งหลาย” 40แต่คนเหล่านั้นไม่ยอมฟัง ยังคงปฏิบัติตามประเพณีดั้งเดิมของตนต่อไป

41ดังนั้น ชนชาติเหล่านี้ก็นมัสการพระยาห์เวห์ แต่ยังคงกราบไหว้รูปเคารพของเทพเจ้าของตนด้วย บุตรหลานของเขาก็ปฏิบัติตามอย่างของบรรพบุรุษจนทุกวันนี้

 

17 a ซัลมาเนเสอร์พระองค์นี้คือซัลมาเนเสอร์ที่ห้า (726-722) ผู้ครองราชย์สืบต่อจากทิกลัทปิเลเสอร์ที่สาม

b “กษัตริย์โส” นาม “โส” นี้ไม่ปรากฏในรายชื่อของกษัตริย์อียิปต์ บางคนคิดว่า “โส” น่าจะเป็นชื่อสถานที่ หมายถึงเมืองสาอิสในบริเวณดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ และเป็นที่ประทับของฟาโรห์เทฟนัคท์ ผู้ร่วมสมัยกับกษัตริย์โฮเชยา

c กษัตริย์โฮเชยาทรงถูกจองจำขณะที่ทรงยกทัพไปสู้รบกับกษัตริย์ซัลมาเนเสอร์ หรือขณะทรงหนีจากกรุงสะมาเรีย เมื่อกรุงสะมาเรียถูกล้อม จึงเป็นการสิ้นสุดรัชสมัยของพระองค์ (ปีที่เก้า)

d กษัตริย์ซัลมาเนเสอร์ทรงล้อมกรุงสะมาเรียในปี 724 แต่เมืองนี้ยังตั้งรับกำลังทัพอัสซีเรียได้จนถึงปี 721 ต้นรัชกาลของกษัตริย์ซาร์โกนที่สอง ผู้สืบราชสมบัติต่อจากชัลมาเนเสอร์

e แคว้นโกซานนี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองฮารานในภาคเหนือของแคว้นเมโสโปเตเมีย

f “ชาวมีเดีย” แคว้นมีเดียอยู่ทางตะวันออกของแคว้นเมโสโปเตเมีย ชาวอิสราเอลถูกนำมาตั้งหลักแหล่งที่นี่แทนที่ชาวพื้นเมืองที่ถูกกษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์กวาดต้อนไปเป็นเชลยที่อื่น * ชาวอิสราเอลในแคว้นมีเดียจะเป็นภูมิหลังของเรื่องเล่าในหนังสือโทบิต

g เหตุผลที่ให้นี้เป็นการพิจารณาทางเทววิทยาเพื่ออธิบายหายนะของชาติให้เป็นบทเรียนแก่ประชากรของพระเจ้า มีโครงสร้างค่อนข้างสับสน เพราะมาจากธรรมประเพณีหลายสาย แต่ความคิดหลักมีดังนี้ (1) บาปของอิสราเอล (ข้อ 7-12) (2) พระยาห์เวห์ทรงใช้ประกาศกมาตักเตือน (ข้อ 13) (3) กล่าวซ้ำถึงบาปของอิสราเอล (ข้อ 14-17) (4) พระพิโรธและการลงโทษทั้งอิสราเอลและยูดาห์จากพระยาห์เวห์ (ข้อ 18-20) (5) สรุปบาปตั้งแต่เยโรโบอัมจนถึงการเนรเทศ (ข้อ 21-23)

h “ที่กษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงนำเข้ามา” บางคนคิดว่าเป็นคำอธิบายเพิ่มเติมของผู้คัดลอก

i ข้อ 24-28 และ 41 ให้ทรรศนะอย่างคร่าวๆ เรื่องการอพยพชนต่างชาติมาตั้งหลักแหล่งในอาณาจักรเหนือ ข้อความนี้เหมารวมว่าประชาชนจากอาณาจักรอิสราเอลทุกคนถูกกวาดต้อนเป็นเชลยไปที่อื่น และประชาชนที่เข้ามาอยู่แทนเป็นชนจากหลายชาติหลายรุ่น เรื่องราวในข้อ 25-28 อธิบายว่ายังมีการนมัสการพระยาห์เวห์หลงเหลืออยู่ในหมู่ประชาชนที่ไม่ใช่ชาวยิวเหล่านี้ รายละเอียดในข้อ 29-34ก คงถูกต่อเติมเมื่อชาวยูดาห์ถูกเนรเทศไปบาบิโลน ข้อความในข้อ 34ข-40 ซึ่งกล่าวถึงบาปของชาวอิสราเอลที่ทำให้เขาพินาศมากกว่าจะกล่าวถึงบาปของชนต่างชาติที่เข้ามาตั้งหลักแหล่งจากที่อื่น น่าจะอยู่ตอนต้นของบทนี้

k “ให้กลับไปอยู่ที่นั่น” แปลตามสำนวนแปลโบราณ ต้นฉบับภาษาฮีบรูไม่ชัดเจน

k “เขาไม่ได้นมัสการพระยาห์เวห์” ดูเหมือนว่าข้อความนี้ขัดกับข้อ 33 ที่ว่า “เขานมัสการพระยาห์เวห์” แต่คำ “นมัสการ” (ตามตัวอักษรว่า “ยำเกรง”) อาจมีความหมายในสองระดับ (1) การนมัสการตามพิธีกรรม (ข้อ 33) หรือ (2) การปฏิบัติตามธรรมบัญญัติที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชา (ข้อ 34) เช่น การกราบไหว้รูปเคารพ

Sunday of the Word of God 2025

Sunday of the Word of God 2025

เช้าวันใหม่ใส่ใจภาวนา

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2025

Sinapis Talk | ซีนาปีส ทอล์ค

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก