"ข้าพเจ้ามีความหวังในพระวาจาของพระองค์" (สดด. 119:74)

วันอาทิตย์พระวาจาของพระเจ้าครั้งที่ 6 (6th Sunday of the Word of God)
วันอาทิตย์พระวาจาของพระเจ้าครั้งที่ 6 (6th Sunday of the Word of God)
หัวข้อ “ข้าพเจ้าหวังในพระวาจาของพระองค์” (สดด. 119:74)
วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2025
โดยสมณสภาเพื่อการประกาศพระวรสาร (Dicastery for Evangelization)

1. ประวัติความเป็นมา
       เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2019 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงประกาศให้ทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ในเทศกาลธรรมดาเป็นวันอาทิตย์พระวาจาของพระเจ้า (Sunday of the Word of God) ส่วนวันพระคัมภีร์ของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยตรงกับวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนธันวาคม มีการตั้งกล่องบริจาคเพื่อส่งเสริมงานด้านพระคัมภีร์ในประเทศไทยด้วย
สำหรับวันพระวาจาของพระเจ้ามีวัตถุประสงค์เพื่อ
          1. ส่งเสริมการอ่านพระวาจาของพระเจ้าและนำไปปฏิบัติตาม
          2. ส่งเสริมบทบาทและหน้าที่ของศาสนบริกร “ผู้อ่านพระคัมภีร์”
          3. ให้พระคัมภีร์เป็นศูนย์กลางของชีวิต พันธกิจ การนมัสการ การเทศน์สอน และการแพร่ธรรมของพระศาสนจักร

2. กิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้พระคัมภีร์เป็นศูนย์กลางและชีวิตของพระศาสนจักร
            สมณสภาเพื่อการประกาศพระวรสารจึงส่งเสริมและสนับสนุนให้คริสตชนทั่วทั้งโลก ให้ความสำคัญกับพระวาจาของพระเจ้าเป็นพิเศษในวันนี้ โดยแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมในชีวิตของพระศาสนจักร เช่น
           1. การเทศน์สอนให้เห็นความสำคัญของพระคัมภีร์ การอ่าน การไตร่ตรอง และการดำเนินชีวิตตามพระวาจาของพระเจ้า
           2. การให้เกียรติพระคัมภีร์ซึ่งเป็นสถานที่เปิดเผยพระวาจาของพระเจ้า ซึ่งสามารถทำได้โดยการแห่เทิดเกียรติพระคัมภีร์ การตั้งแสดงพระคัมภีร์ การแจกหนังสือพระคัมภีร์ การอ่านพระคัมภีร์ การจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับพระคัมภีร์
           3. เน้นย้ำคำสอนเรื่องพระวจนาตถ์ของพระเจ้าทรงรับสภาพมนุษย์ (Incarnation)
           4. การให้ความรู้เกี่ยวกับสังฆธรรมนูญเรื่องการเผยความจริงของพระเจ้า (Dogmatic Constitution on Divine Revelation - Dei Verbum)

3. “ข้าพเจ้าหวังในพระวาจาของพระองค์” (สดด 119:74)
            โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์ยูบีลี 2025 หัวข้อ “บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง” สมณสภาเพื่อการประกาศพระวรสาร (Dicastery for Evangelization) ได้เลือกหัวข้อวันอาทิตย์พระวาจาของพระเจ้า ว่า “ข้าพเจ้าหวังในพระวาจาของพระองค์” (สดด 119:74) เพลงสดุดีนี้ยาวที่สุดในหนังสือเพลงสดุดี คือมีถึง 176 ข้อ แบ่งเป็น 22 ตอนตามจำนวนของอักษรภาษาฮีบรู แต่ละตอน (8 ข้อ) จะขึ้นต้นด้วยอักษรแต่ละตัวเรียงลำดับตามลำดับ

             เพลงสดุดีที่ 119 คำสรรเสริญพระบัญญัติของพระเจ้า เพลงสดุดีนี้ทำให้เราเข้าใจว่า ชาวอิสราเอลให้ความสำคัญกับพระบัญญัติ (Torah) ซึ่งนับได้ว่ามาจากการเปิดเผยของพระเจ้าเป็นอย่างมาก ทั้งในระดับส่วนตัวและส่วนรวม พระบัญญัตินี้ได้กลายเป็นคำสั่ง แนวทางในการดำเนินชีวิต ข้อบังคับ ข้อกำหนด บทบัญญัติ การวินิจฉัย พระวาจาของพระเจ้า จากพระบัญญัตินี้ พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้มนุษย์ได้รู้ เพื่อเป็นหนทางให้มนุษย์เข้ามามีความสัมพันธ์กับพระองค์ได้อย่างใกล้ชิด

             พระเยซูเจ้าตรัสว่า พระองค์ทรงเป็น “หนทาง” ซึ่งหมายความว่า พระองค์ทรงเป็นแนวทางที่บรรดาศิษย์ของพระองค์จะต้องดำเนินตาม นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงเป็นหนทางที่นำไปหาพระบิดาด้วย (ยน 14:6) ในความหมายนี้ พระองค์จึงทรงเป็นเหมือน “ธรรมบัญญัติ” สำหรับบรรดาคริสตชนด้วย พระองค์ยังทรงเป็น “ความจริงและชีวิต” ซึ่งเป็นคำที่พบได้ในเพลงสดุดีบทนี้ด้วย พระองค์ทรงเป็น “พระวาจา” และ “พระดำรัส” ที่พระเจ้าตรัสกับมนุษยชาติ (ฮบ 1:1-4) และทรงเป็นแสงสว่างส่องทางให้มนุษย์เดินไปหาพระบิดาได้
คริสตชนจึงเรียนรู้ได้จากเพลงสดุดีบทนี้ว่า เราจะต้องคิดว่าพระบัญญัติที่พระคริสตเจ้าประทานแก่เรานั้นเป็นของประทานที่ทรงคุณค่า ไม่ใช่เป็นการกดขี่บังคับ แต่เราจะต้องปฏิบัติตามด้วยความยินดี พระองค์ยังทรงตรัสอีกว่า “แอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” (มธ 11:30)

4. พระคัมภีร์คือแหล่งที่มาแห่งความหวัง
           ความทุกข์ยาก ความลำบาก ความโศกเศร้า ความสงสัย ความสับสน ความวิตกกังวล ความท้อแท้ ความไม่เข้าใจ เป็นประสบการณ์หนึ่งของมนุษยชาติและสังคมโลก เราทูลต่อพระเจ้าและฝากความหวังทั้งหมดไว้ในพระองค์ ความหวังนี้ไม่ใช่ความคิดที่เป็นนามธรรม หรือการมองโลกอย่างไร้เดียงสา แต่เป็นคนที่มีชีวิตอยู่และอยู่ในชีวิตของทุกคน พระคริสตเจ้าผู้ถูกตรึงกางเขนและกลับคืนพระชนมชีพเพียงผู้เดียว ผู้ไม่เคยทอดทิ้งเรา เทววิทยาของนักบุญเปาโลมีความชัดเจนอย่างยิ่งในประเด็นนี้ว่า “พระคริสตเยซูผู้ทรงเป็นความหวังของเรา” (1 ทธ 1:1)

           นี่คือความแน่นอนที่วางไว้บนเส้นทางของเรา เราต้องเติบโตโดยไม่ต้องละสายตาจากพระเจ้าด้วยความสัตย์ซื่อ “เราจงยึดมั่นโดยไม่หวั่นไหวในการประกาศความหวังที่เรามีอยู่ เพราะว่าพระองค์ผู้ประทานพระสัญญานั้นทรงซื่อสัตย์” (ฮบ 10:23) ตลอดพันธสัญญาเดิมถึงพันธสัญญาใหม่ และด้วยเหตุนี้ เราจึงสามารถเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีและความมั่นใจ ด้วยความแน่นอนในการปฏิบัติตามคำสัญญา ความหวังของคริสตชนจึง “ไม่ทำให้ผิดหวัง” (รม 5:5)

           โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์ยูบีลี 2025 “บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง” เป็นโอกาสดีที่เราคริสตชนจะได้พิจารณาถึงพลังแห่งพระวาจาของพระเจ้าเพื่อเป็นกำลังใจในการก้าวข้ามปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่กำลังผ่านเข้ามาในชีวิต พระวาจาของพระเจ้าไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวอักษรที่อยู่บนกระดาษเท่านั้น แต่ทรงชีวิตและจับต้องได้ ท้าทายทุกคนไม่เพียงแต่ประกาศพระวาจาเท่านั้น แต่สื่อสารด้วยความมั่นใจว่า พระวาจานั้น “นำความหวังไปสู่ผู้ฟัง” อาศัยการเปิดใจรับด้วยหัวใจที่เรียบง่าย ความหวังนี้พระเจ้าประทานมาให้กับเราอาศัยพระจิตเจ้า

           เช่นเดียวกับอัครสาวกเปโตรที่กล่าวว่า “พระอาจารย์ พวกเราทำงานหนักมาทั้งคืนแล้ว จับปลาไม่ได้เลย แต่เมื่อพระองค์มีพระดำรัส ข้าพเจ้าก็จะลงอวน” (ลก 5:5) ซึ่งแสดงให้เห็นความไว้วางใจอันเกิดจากความเชื่อมั่นในองค์พระเยซูเจ้าอย่างแท้จริง ผู้ทรงกระทำตามที่ทรงสัญญาไว้เสมอ (บทนำของพระอัครสังฆราชริโน ฟิซิเชลลา สมณมนตรีของสมณสภาเพื่อการประกาศพระวรสาร คู่มือพิธีกรรมและอภิบาลวันอาทิตย์พระวาจาของพระเจ้าปี 2025 หน้า 3)

5. การอ่านพระคัมภีร์ในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งความหวัง
           โอกาสวันพระวาจา ทำให้เราได้พิจารณาถึงความสำคัญของพระคัมภีร์ที่เป็นพระวาจาของพระเจ้า เป็นแหล่งที่มาของความหวังของเรา เราจึงมีความหวังว่า “เราจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า แม้ในความทุกข์” เพราะเรารู้ว่า “ความทุกข์ก่อให้เกิดความพากเพียร ความพากเพียรก่อให้เกิดคุณธรรม คุณธรรมก่อให้เกิดความหวัง และ “ความหวังนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง” เพราะพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานให้เรา ได้หลั่งความรักของพระเจ้าลงใจจิตใจของเรา และพระเยซูเจ้าก็ได้สิ้นพระชนม์เพื่อเรา อาศัยพระโลหิตของพระองค์ เราจึงได้รับความรอดพ้นจากการถูกพระเจ้าลงโทษอาศัยการคืนดีกับพระเจ้าในพระเยซูคริสตเจ้า (ดู โรม 5:1-10)

           1. ขอให้เราได้อ่านพระคัมภีร์มากยิ่งขึ้นในปีศักดิ์สิทธิ์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระวาจาประจำวัน เพื่อค้นพบความหวัง เป็นพลังในการดำเนินชีวิต เช่นเดียวกับที่เป็นความหวังให้กับหลายคนในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร บรรดามรณสักขีเป็นแบบอย่างในเรื่องนี้ การยอมสละชีวิตของตนเองในโลกนี้พร้อมกับความทุกข์ทรมาน เพราะพวกเขามีความหวังอย่างแท้จริงในองค์พระเยซูเจ้า
           2. ความเชื่อของนายร้อยที่เข้ามาหาพระเยซูเจ้าเพื่อขอการรักษาคนรับใช้ของเขาที่เป็นอัมพาต กล่าวว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่สมควรให้พระองค์เสด็จเข้ามาในบ้านของข้าพเจ้า แต่ขอพระองค์ตรัสเพียงคำเดียวเท่านั้น ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าก็จะหายจากโรค” (มธ 8:8) คำพูดนี้แสดงให้เห็นถึงความหวังอย่างแท้จริงในพระเยซูเจ้า และพลังแห่งพระวาจาของพระองค์ ที่มีอำนาจเหนือทุกสิ่ง
           3. นักบุญเปโตรยังเข้าใจเรื่องความหวังนี้ในช่วงเวลาที่อาจสิ้นหวัง เพราะทุกคนละทิ้งพระเยซูเจ้าไปหมด มีเพียงศิษย์ไม่กี่คนที่ยังคงอยู่กับพระองค์ แสดงให้เห็นว่าพระวาจาของพระเจ้าได้เข้าถึงจิตใจของท่าน พระวาจาของพระเจ้าไม่ใช่คำสัญญาในบางสิ่ง แต่เป็นคำสัญญาของใครบางคนถึงคนที่ตนเองรักอย่างสุดชีวิต เป็นความรักอันทรงพลัง ผู้ทรงยอมทำทุกสิ่งเพื่อผู้รักและไว้วางใจในพระองค์
           4. ผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าอย่างผิวเผิน อาจไม่สามารถยอมรับพระวาจาของพระองค์ได้ ดังเช่นผู้คนในศาลาธรรมที่เมืองคาเปอรนาอุมที่กล่าวว่า “ถ้อยคำนี้ขัดหูจริง ใครจะฟังได้” (ยน 6:60) เหตุใดคำพูดของพระเยซูจึงเป็นเหตุให้พวกเขาต้องจากไป ในเมื่อนักบุญเปโตรและศิษย์คนอื่น ๆ เป็นเพียงเหตุผลเดียวที่จะอยู่กับพระองค์? ความจริงก็คือว่า ฝ่ายแรกได้ยินพระวาจาโดยแยกออกจากแหล่งที่มาซึ่งก็คือพระเยซูเจ้าเอง แต่นักบุญเปโตรทราบว่าพระเยซูเจ้าเป็นใคร จึงพูดออกมาว่า “พระเจ้าข้า พวกเราจะไปหาใครเล่า พระองค์มีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร (ยน 6:68) พระวาจาของพระเยซูเจ้ายังคงเป็นความหวังสุดท้ายในชีวิตที่พวกเขาจะหวังได้จากพระเจ้าเท่านั้น ดังนั้น นักบุญเปโตรจึงติดตามพระเยซูเจ้าไปตลอดชีวิตของท่าน
          5. พระวาจาของพระเจ้าช่วยหล่อเลี้ยงความหวังของเราในปัจจุบัน เพราะเป็นพระวาจาของผู้ที่ไม่เคยล้มเหลว เป็นพระสัญญาซึ่งไม่เพียงแต่ผู้สัญญาจะซื่อสัตย์เท่านั้น แต่ยังได้รวมตนเองอยู่ในพระสัญญาด้วย เพราะพระองค์ทรงสัญญาเอาไว้ก่อนเสด็จสู่สวรรค์ว่า “จงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ” (มธ 28:20) พระสัญญานี้แสดงความเกี่ยวข้องระหว่างพระเยซูเจ้าเองกับชีวิตของเราแต่ละคน ไม่เพียงแต่ในวาระสุดท้ายเท่านั้น แต่ทุกวัน และทุกช่วงเวลาของชีวิต

              ตลอดปีศักดิ์สิทธิ์ 2025 “บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง” ทำให้เราได้ทบทวนความเชื่อที่เราได้ประกาศ ความเชื่อที่เราสามารถค้นพบได้ในพระคัมภีร์และคำสั่งสอนของพระศาสนจักร ความหวังอันเกิดจากความเชื่อที่ทำให้เราได้มีสันติสุขทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า ความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเราและที่เราควรปฏิบัติกับผู้อื่น ความรักสูงสุดเห็นได้จากการให้อภัยซึ่งกันและกันเหมือนดังที่พระเจ้าทรงอภัยบาปให้กับเราอย่างไม่มีเงื่อนไข

             ดังนั้น เพื่อที่จะทำให้เราได้รับการหล่อเลี้ยงความหวังที่เรามีต่อพระเยซูเจ้าอยู่เสมอ ขอให้เราได้รักที่จะอ่านพระวาจาของพระองค์ ด้วยท่าทีแห่งการไว้วางใจและเรียบง่าย เพื่อเปิดใจรับพระหรรษทานจากพระจิตเจ้า จะช่วยทำให้เราได้เข้าในพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตปัจจุบันของเรา และก้าวไปข้างด้วยความหวังเสมอ เพราะ “ความหวังนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง” (รม 5:5)
(สรุปย่อจากบทความ “THE WORD OF GOD: A SOURCE OF HOPE” โดยคุณพ่อเมาโร-จูเซปเป้ เลโปรี (Dom Mauro-Giuseppe Lepori) อัคราธิการคณะซิสเตอร์เซียน และบทความ “I HOPE IN YOUR WORD” (PS 119:74) - LECTIO DIVINA โดยอาจารย์โรซาลบา มาเนส (Prof. Rosalba Manes) มหาวิทยาลัยเกรโกเรียน กรุงโรม คู่มือพิธีกรรมและอภิบาลวันอาทิตย์พระวาจาของพระเจ้าปี 2025 หน้า 4-7)

โดย แผนกพระคัมภีร์ สังฆมณฑลจันทบุรี
23 มกราคม 2025


Sunday of the Word of God 2025

Sunday of the Word of God 2025

เช้าวันใหม่ใส่ใจภาวนา

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2025

Sinapis Talk | ซีนาปีส ทอล์ค

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก