“จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่ 1”
2. ขอบพระคุณและแสดงความยินดี (2)
- เฝ้าระลึกอยู่เสมอถึงกิจการซึ่งแสดงความเชื่อของท่าน เหตุผลแรกที่นักบุญเปาโลขอบพระคุณพระเจ้าคือ การระลึกถึงความเชื่อของชาวเธสะโลนิกา ความเชื่อเป็นของประทานจากพระเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงกระทำก่อนมนุษย์จะทำสิ่งใด ในเวลาเดียวกัน ก็เป็นกิจการของมนุษย์ที่ยอมรับของประทานจากพระเจ้า ความเชื่อเป็นทั้งกิจการของพระเจ้าและกิจการของมนุษย์ เป็นกิจการเลิศของพระเจ้า (ดู ยน 6:29) ดังนั้น กิจการของพระเจ้าและกิจการของมนุษย์ไม่ขัดแย้งกัน แต่กิจการของพระเจ้าต้องมาก่อน และเป็นต้นเหตุของการกระทำอิสระของมนุษย์ที่จะตอบสนองพระเจ้า นักบุญเปาโลจึงต้องการบอกว่า ความเชื่อของชาวเธสะโลนิกาเกิดผล หมายความว่าแสดงออกในกิจการ บางคนทำให้ความเชื่อและกิจการขัดแย้งกัน แต่ที่จริงแล้ว ไม่ขัดแย้งกัน ดังที่นักบุญยากอบอธิบายในบทที่ 2 ข้อ 14-26 ว่า กิจการแสดงถึงความเชื่อของเรา ความเชื่อคือการยอมรับว่าพระเยซูเจ้าคือพระบุตรของพระเจ้า และจากความเชื่อนี้ก็เกิดกิจการที่แสดงความเชื่อที่ยอมประพฤติตามพระวาจาของพระองค์อย่างสมเหตุสมผล
- และระลึกถึงการงานที่แสดงความรัก ความรักมาจากพระบิดาและนำไปสู่พระบิดา ความรักปรากฏชัดในหมู่พี่น้องที่อุทิศตนและเสียสละ หลายครั้ง สำหรับนักบุญเปาโลความรักนี้หมายถึงความเหน็ดเหนื่อยในการประกาศข่าวดี เช่นเดียวกับผู้ทำงานเพื่อเลี้ยงพี่น้องด้วยอาหาร แต่บรรดาอัครสาวกที่เหน็ดเหนื่อยในการประกาศแก่บรรดาพี่น้องด้วยพระวาจา ก็แสดงความรักสูงสุดเพราะทุกคนต้องการอาหารฝ่ายจิตนี้
- และความพากเพียรซึ่งเกิดจากความหวังในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ชาวเธสะโลนิกามีความพากเพียร อดทนและยอมรับความยากลำบากในปัจจุบัน เพราะเขามีความหวังในพระเยซูเจ้า เราอาจจะเปรียบเทียบได้กับการหายใจ เมื่อเราหายใจก็ต้องหายใจเข้าและออก ความเชื่อก็เช่นกัน การนำอดีตเข้ามาเป็นการหายในเข้า ส่วนความหวังทำให้เรามุ่งไปสู่อนาคตทำให้เราหายใจออก ฉะนั้น การหายใจเข้าและออกทำให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ฉันใด ความเชื่อและความหวังก็ทำให้เรามีชีวิตอยู่ที่นี่ฉันนั้น ความรักต่อพระเจ้าและความรักต่อมนุษย์ ความเชื่อ ความหวัง และความรักเป็นคุณธรรมทางเทววิทยาคือ เป็นคุณธรรมที่มาจากพระเจ้าและมุ่งไปสู่พระเจ้า ทำให้เราสัมผัสกับพระเจ้าพระผู้สร้างโดยตรง และอาศัยพระองค์เราสัมผัสกับสิ่งสร้างทั้งปวง นักบุญเปาโลอธิบายว่าคุณธรรมทั้ง 3 นี้ มาด้วยกันอยู่เสมอ แม้ความรักยิ่งใหญ่กว่าความเชื่อและความหวัง (เทียบ 1 คร 13:13)
- พี่น้องทั้งหลาย คริสตชนได้ชื่อว่า “พี่น้อง” และก็เป็นเช่นนั้นจริง ดังที่นักบุญยอห์นเขียนในจดหมายฉบับที่ 1 “จงดูเถิดว่า ความรักที่พระบิดาประทานให้เรานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เพื่อทำให้เราได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า และเราก็เป็นเช่นนั้นจริง” (1 ยน 3 :1) การเป็นพี่น้องกันนี้ไม่จำกัดอยู่ระหว่างผู้ที่มีสายเลือดเดียวกัน แต่เกิดขึ้นกับทุกคน เดชะพระจิตเจ้า
- ผู้เป็นที่รักของพระเจ้า นี่เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของมนุษย์ เพราะความรักของพระเจ้าตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่จะมีคนรักเขา เป็นพื้นฐานของความสามารถที่เขาจะรักผู้อื่นได้ พระเยซูเจ้าพระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาในโลกนี้เพื่อเปิดเผยความรักของพระบิดา เมื่อเรามีความเชื่อจริง ๆ ว่า เราแต่ละคนได้รับความรักจากพระบิดาเช่นเดียวกับพระบิดาทรงรักพระบุตร ดังที่พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาแด่พระบิดาขณะที่ทรงรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายว่า “พระองค์ทรงรักเขาเช่นเดียวกับที่ทรงรักข้าพเจ้า”(ยน 17:23) เราแต่ละคนเป็นคนประเสริฐเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และมีศักดิ์ศรีเพราะพระองค์ทรงรักเรา (เทียบ อสย 13:4) เราเป็นเหมือนปาฏิหาริย์เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าซึ่งเป็นมารดาของเราด้วย ดังที่เราอ่านในเพลงสดุดีว่า “พระองค์ทรงปั้นส่วนต่าง ๆ ภายในของข้าพเจ้า ทรงถักทอข้าพเจ้าในครรภ์มารดา ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงสร้างข้าพเจ้าให้เป็นดังปาฏิหาริย์ พระราชกิจของพระองค์น่าพิศวง พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้าอย่างดี” (สดด 139:13-14)
ความต้องการลึกซึ้งของเราก็คือ การที่มีใครสักคนที่รักเราโดยไม่มีเงื่อนไข รักเราดังที่เราเป็นทุกอย่าง ผู้ที่มีประสบการณ์เช่นนี้ก็จะรู้จักตนเองและรู้จักรักผู้อื่น ดังที่เขาได้รับความรักและเพราะได้รับความรัก ผู้ที่มีประสบการณ์เช่นนี้ ดำเนินชีวิตอิสระอย่างแท้จริง คือไม่เป็นทาสของความต้องการที่จะขอความรักเล็กน้อยเหมือนคนขอทาน
พระเจ้าเท่านั้นทรงตอบสนองความต้องการของเราที่จะมีความรักเช่นนี้ นอกจากพระองค์แล้ว เราเป็นเพียงรูปเครารพที่เราสร้างขึ้นเอง มนุษย์สมัยนี้ไม่มีอิสระและมีความกังวลใจมากมาย กลัวที่จะไม่พบกับความต้องการของตน คือความต้องการที่สมบูรณ์หมายถึงพระเจ้า เขานำจึงสิ่งที่จำกัดอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นพระเจ้าของตน แต่การกระทำเช่นนี้เท่ากับว่าเป็นการทำลายตนเอง ในจดหมายฉบับที่ 1 นักบุญยอหน์เขียนไว้ว่า “เรารู้และเชื่อในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา” (ยน 4:16) นี่คือข้อสรุปสำคัญของคริสตชน เราเป็นที่รักของพระเจ้า หนังสือพันธสัญญาเดิมบันทึกว่า มีเพียงบางคนเป็นที่รักของพระเจ้า เช่น โมเสส ( บสร 15:1) เบนจามิน (ฉธบ 33:12) ซาโลมอน (2 ซมอ 12:25) แต่หลังจากที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกนี้แล้ว ทุกคนก็เป็นที่รักของพระเจ้า ความรักและความเอ็นดูของพระเจ้ามีสำหรับทุกคน เพราะทุกคนเป็นบุตรของพระองค์