"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่ 1”
1. ขอบพระคุณและแสดงความยินดี (1ธส 1:2-10)

            12เราขอบพระคุณพระเจ้าทุกเวลาเพื่อท่านทุกคน ระลึกถึงท่านในคำภาวนา 3เราวอนขอเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดา เฝ้าระลึกอยู่เสมอถึงกิจการซึ่งแสดงความเชื่อของท่าน และระลึกถึงการงานที่แสดงความรักและความพากเพียรซึ่งเกิดจากความหวังในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
              4พี่น้องทั้งหลายผู้เป็นที่รักของพระเจ้า เรารู้ว่าท่านได้รับเลือกสรร 5เพราะข่าวดีที่เราประกาศมาถึงท่าน มิใช่ด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ด้วยพระอานุภาพเดชะพระจิตเจ้า และด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ท่านทั้งหลายรู้ว่าเราปฏิบัติตนอย่างไรในหมู่ท่านเพราะเห็นแก่ท่าน 6และท่านก็ได้ทำตามอย่างเราและตามแบบฉบับขององค์พระผู้เป็นเจ้า โดยท่านได้รับพระวาจาด้วยความทุกข์ยากหลายประการ แต่ท่านก็ยังมีความปีติยินดีที่มาจากพระจิตเจ้า 7ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงเป็นแบบอย่างให้กับผู้มีความเชื่อทุกคนในแคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายา 8พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าดังก้องมาจากท่าน ไม่เพียงแต่ในแคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายาเท่านั้น ความเชื่อของท่านในพระเจ้ายังเลื่องลือไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จนเราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก 9เพราะคนเหล่านั้นพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเราว่า เราได้เริ่มงานในหมู่ท่านอย่างไร และท่านกลับใจละทิ้งรูปเคารพมาหาพระเจ้าอย่างไร เพื่อรับใช้พระเจ้าแท้จริงผู้ทรงชีวิต 10และรอคอยให้พระบุตรของพระองค์เสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูเจ้า ผู้ทรงช่วยเราให้พ้นจากพระพิโรธที่จะมาถึง พระเยซูเจ้านี้ พระเจ้าทรงบันดาลให้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย


a) อธิบายความหมาย
             บ่อยครั้ง โครงสร้างของจดหมายส่วนตัวในภาษากรีกและลาตินโบราณ เริ่มด้วยคำขึ้นต้น และต่อด้วยคำขอบพระคุณแด่เทพเจ้า ในทำนองเดียวกัน โดยปกติ นักบุญเปาโลเริ่มต้นจดหมายที่ท่านเขียนด้วยการขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับกิจการที่พระองค์ทรงกระทำอย่างสม่ำเสมอต่อกลุ่มคริสตชนกลุ่มใหม่ที่เมืองเธสะโลนิกา

- เราขอบพระคุณพระเจ้า คำภาษากรีกที่เราแปลขอบพระคุณ ในรากศัพท์หมายถึงการโปรดปราน ต่อมาเปลี่ยนให้มีความหมายการขอบพระคุณ เราไม่พบคำนี้ในพันธสัญญาเดิมฉบับภาษากรีก และในหนังสืออื่น ๆ ในพันธสัญญาใหม่เราพบไม่กี่ครั้ง ส่วนนักบุญเปาโลใช้หลายครั้ง สำหรับท่านชีวิตเป็นการ ขอบพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอและชื่นชม เพราะพระเจ้าโปรดปรานเราและทรงชื่นชมยินดีในเรา โดยธรรมชาติ มนุษย์มักมองสิ่งที่ขาดมากกว่าสิ่งที่มี จริงอยู่ เรามีขอบเขตจำกัด ขาดบางสิ่งบางอย่างที่เราปรารถนา และพระเจ้าผู้ทรงไม่มีขอบเขตทรงมอบแก่เรา แต่น่าเสียดาย เราค่อนข้างมองไม่เห็นความรักของพระเจ้า เราไม่ตระหนักถึงสิ่งที่มีอยู่ เรามักมองสิ่งไม่ดีและสิ่งที่ขาด ดูเหมือนว่า เราชอบความเป็นจริง แต่โดยแท้จริง เราเป็นคนสายตาสั้น ถูกหลอกลวง โลกของเราที่ปราศจากพระเจ้า ยกตนขึ้นเหมือนเป็นเทพเจ้าเสียเอง ทำให้เป็นคนตาบอด เพราะเราไม่เห็นแสงสว่างของพระวรสาร ฉะนั้น เราสามารถขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับทุกอย่างอยู่เสมอ ดังที่นักบุญเปาโลเขียนจดหมายถึงชาวโรม บทที่ 8 ข้อ 28 ว่า เรารู้ว่าพระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ หมายความว่า ทุกอย่างแม้บาปหรือความชั่วก็ยังเป็นทางที่นำไปสู่ความดี

- ทุกเวลา พระจิตเจ้าซึ่งอยู่ในใจมนุษย์ ทรงสอนเราให้มีความรู้คุณ มีความยินดีตลอดเวลา ไม่ใช่เป็นระยะ ๆ ที่ไม่ต่อเนื่อง ทรงก่อให้เกิดจิตตารมณ์ของการขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดที่เราขอบพระคุณไม่ได้

- เพื่อท่านทุกคน เรามีเหตุผลที่จะขอบพระคุณพระเจ้าอย่างเป็นรูปธรรมอยู่เสมอ สำหรับนักบุญเปาโล ในเวลานั้น เหตุผลที่จะต้องขอบพระคุณพระเจ้าคือพฤติกรรมของชาวเธสะโลนิกา

- ระลึกถึงท่านในคำภาวนา เหตุผลที่จะภาวนาคือการระลึกถึงภารกิจของพระองค์เพื่อมนุษย์ ในอดีต พระเจ้าทรงกระทำกิจการต่าง ๆ เหมือนเป็นพระสัญญาที่นำความรอดพ้นอย่างสมบูรณ์ และเป็นความจริงในพระคริสตเจ้าผู้สิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ ซึ่งเป็นของประทานสำหรับมนุษย์ทุกคน และเรารับกิจการของพระเจ้าในชีวิตประจำวัน

- เราวอนขอเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดา การขอบพระคุณพระเจ้า หมายความว่า เราตั้งใจ ตระหนักว่า เราอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระบิดาเจ้าผู้ประทานความดีทุกประการ สังเกตว่านักบุญเปาโลเรียกพระเจ้าหลายครั้งในไม่กี่บรรทัดว่า “พระบิดาหรือพระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย” ศูนย์กลางของประสบการณ์ชีวิตคริสตชนคือ การที่เรามีพระเจ้าเป็นพระบิดาของเราในองค์พระคริสตเจ้า และการเป็นพี่น้องกันเพราะมีพระบิดาองค์เดียวกัน