"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเธสะโลนิกาฉบับที่ 1”
1.คำขึ้นต้น (2)

-ที่เมืองเธสะโลนิกา ในสมัยของนักบุญเปาโล “เมืองเธสะโลนิกา” เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในแคว้นมาซิโดเนียของจักรวรรดิโรมัน มีประชากรประมาณ 200,000 คน มีชาวยิวหลายคนอาศัยอยู่ในเมืองนี้ ทางหลวงสำคัญที่สุดของโรมันซึ่งเชื่อมกรุงโรมกับประเทศตะวันออกตัดผ่านเมืองเธสะโลนิกา ทางหลวงกับการเป็นเมืองท่าที่รุ่งเรืองทำให้เธสะโลนิกาเป็นศูนย์กลางการค้าที่มั่งคั่งและรุ่งเรืองที่สุดในจักรวรรดิโรมัน เพราะเป็นเมืองอิสระจึงได้รับการยกเว้นข้อบังคับต่าง ๆ ที่รัฐบาลโรมันตั้งไว้สำหรับเมืองในปกครอง แต่ผลตามมาของการเป็นเมืองนานาชาติคือ ศาสนามากมายและวัฒนธรรมหลายหลากมีอิทธิพลท้าทายความเชื่อของคริสตชนใหม่

              นักบุญเปาโลและเพื่อนร่วมทางคงจะมาถึงเมืองเธสะโลนิกาตอนต้นฤดูร้อนปี ค.ศ. 50 ระหว่างการเดินทางเพื่องานธรรมทูตครั้งที่สอง เขาตั้งกลุ่มคริสตชนแรกในเมืองนี้ แล้วก็จากไปอย่างเร่งรีบ เพราะชาวยิวบางคนแสดงตนเป็นศัตรู คุกคามจะเอาชีวิตนักบุญเปาโล (กจ 17:1-10) เขาจึงเดินทางต่อไปยังเมืองเบโรอาและจากที่นั่นไปถึงกรุงเอเธนส์และเมืองโครินธ์ เมื่อหยุดพักที่เมืองโครินธ์ นักบุญเปาโลก็ส่งทิโมธีกลับไปเมืองเธสะโลนิกาเพื่อดูว่า ผู้มีความเชื่อใหม่ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง ทิโมธีกลับมาหานักบุญเปาโลพร้อมกับแจ้งข่าวที่น่ายินดีว่า แม้คริสตชนที่เมืองเธสะโลนิกาต้องถูกเบียดเบียนก็ยังมั่นคงในความเชื่อและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

              นักบุญเปาโลคงจะเขียนจดหมายฉบับนี้ในช่วงฤดูหนาวปี ค.ศ. 50-51 เพื่อชมเชยคริสตชนเหล่านี้ที่ซื่อสัตย์ต่อพระคริสตเจ้า และเพื่อตอบข้อสงสัยบางเรื่อง ปัจจุบันเมืองเธสะโลนิกามีชื่อว่า “เทสซาโลนิกิ” เป็นเมืองท่าอยู่ทางเหนือและเป็นเมืองใหญ่ลำดับสองของประเทศกรีซ   

-ซึ่งอยู่ในพระเจ้าพระบิดา และในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า

              แม้กลุ่มคริสตชนที่เมืองเธสะโลนิกามีจำนวนน้อย แต่เป็นหมู่คณะของผู้มีความเชื่อว่า เขามีความสัมพันธ์กับพระบิดาและพระคริสตเจ้า ความคิดที่ว่าคริสตชนอยู่ใน “พระคริสตเจ้า” ในฐานะอวัยวะของพระองค์ผู้เป็น “พระวรกาย” เป็นความคิดที่เราพบครั้งแรกในนักบุญเปาโลและเป็นเอกลักษณ์ของเขา (เทียบ 1 คร 12:12-27) น่าสังเกตว่า พระนามที่นักบุญเปาโลใช้ในวลีนี้คือ

              - พระเจ้าหมายถึง “พระบิดาของพระเยซูคริสต์” พระบิดาทรงเลือกพระเยซูเจ้า ทรงมอบภารกิจแด่พระองค์ ทรงบันดาลให้พระองค์กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย บัดนี้ ทรงเทิดทูนพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ ผู้ยอมรับข่าวดีของพระเยซูเจ้าและมอบตนแด่พระองค์ด้วยความเชื่อก็จะได้รับวิถีชีวิตใหม่ นี่คือความหมายของวลี “ในพระคริสตเจ้า” ที่นักบุญเปาโลใช้บ่อย ๆ

              - คำว่า "พระเยซู" ในภาษาฮีบรูแปลว่า "พระเจ้าทรงช่วยให้รอดพ้น" เมื่อทูตสวรรค์คาเบรียลแจ้งสารแก่พระนางมารีย์ว่า จะทรงเป็นมารดาของพระบุตรผู้จะได้ชื่อว่า "เยซู" พระนามนี้แสดงทั้งเอกลักษณ์และพันธกิจของพระบุตร

              - พระนาม “พระคริสตเจ้า” หมายถึง "กษัตริย์ผู้ได้รับเจิม" หรือ  "พระเมสสิยาห์" "พระเจ้าทรงเจิมพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธด้วยอานุภาพเดชะพระจิตเจ้า" (กจ 10:38) นักบุญอีเรเนโอ (Ireneus) อธิบายว่า “ผู้ทรงเจิมคือพระบิดา ผู้ได้รับการเจิมคือพระบุตร และพระบุตรทรงได้รับการเจิมในพระจิต ผู้เป็นองค์แห่งการเจิม”

              - พระนาม "องค์พระผู้เป็นเจ้า" หมายถึง “ผู้ทรงอำนาจสูงสุด” เป็นพระนามที่พระเยซูเจ้าทรงได้รับเมื่อทรงกลับคืนพระชนมชีพ คริสตชนที่ประกาศยืนยันหรืออธิษฐานภาวนาต่อพระเยซูเจ้าในฐานะองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็แสดงความเชื่อในพระเทวภาพของพระองค์

-ขอพระหรรษทานและสันติสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด

              - พระหรรษทานเป็นคำที่มีรากศัพท์จากภาษาฮีบรู หมายถึง “ความสวยงาม เสน่ห์ ความกรุณา การให้เปล่า ความรัก” ความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับเรามีลักษณะดังกล่าวนี้ มนุษย์เป็นคนเศร้าโศก ไม่มีความสวยงาม น่ารังเกลียด เป็นคนบาป กระนั้นก็ดี เราก็ดีใจเพราะรู้ว่าพระเจ้าพอพระทัยและโปรดปรานเรา ทรงทำให้เรามีความงดงามเฉพาะพระพักตร์พระองค์และแน่ใจว่าพระองค์ทรงรักเรา

              - สันติ เป็นคำทักทายของชาวกรีกหมายถึง “จงชื่นชมยินดี” ในเวลาเดียวกันเป็นคำภาษากรีกที่แปล “Shalom” ในภาษาฮีบรู คำว่า Shalom เป็นการทักทายของชาวยิว  นักบุญเปาโลรวมทั้ง 2 คำ ความสัมพันธ์ของพระเจ้าจึงไม่เป็นการสาปแช่ง การแข่งขัน การชิงดี หรือการต่อต้าน แต่ตรงกันข้ามเป็นความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าคือพันธสัญญา มิตรภาพ พระองค์ทรงต้องการให้เรารุ่งเรือง ให้มีความสุข เมื่อเรารวมรวมคำว่าพระหรรษทานและสันติที่เป็นของพระเมสสิยาห์แสดงว่า เราอยู่กับพระเจ้าเมื่อมีคุณสมบัติดังกล่าว ถ้าเราไม่อยู่ในสภาพเช่นนี้ เราก็เป็นคนที่น่าสมเพชและใจของเราก็ไม่สงบ นักบุญเปาโลเพิ่มการทักทาย “พระหรรษทาน”