"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก”
90. การค้นพบเค้าโครงเรื่องของพระวรสาร

          เมื่อเราได้อ่านและอธิบายตัวบททั้งหมดของพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโกแล้ว ก็ควรศึกษาเค้าโครงเรื่องที่เขาเขียนเพื่อเรียบเรียงเนื้อหาที่ต้องการถ่ายทอดแก่ผู้อ่าน 

           การเล่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะประสบความสำเร็จ ก็ต่อเมื่อเรื่องนั้นมีขั้นตอนที่ดีคือ มีขั้นตอนเริ่มเรื่อง  ขั้นตอนการดำเนินเรื่อง และขั้นตอนจบของเรื่อง พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโกมีลักษณะเช่นนี้

          ขั้นตอนเริ่มเรื่องเป็นการประกาศยืนยันว่า ผู้เขียนอธิบายแหล่งที่มาของข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสตเจ้าและพระบุตรของพระเจ้า (ข้อ 1) โดยการอ้างข้อความจากพระคัมภีร์ (ข้อ 2-3) การเป็นพยานของนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้าง (ข้อ 4-8) การเป็นพยานของพระเจ้าโดยตรงซึ่งเป็นเสียงมาจากสวรรค์ (ข้อ 9-11)  และการมีชัยชนะของพระเยซูเจ้าเหนือซาตาน (ข้อ 12-13)

           อารัมภบทนี้ทำให้พระเยซูเจ้าทรงเป็นศูนย์กลางของเรื่องเล่า พะองค์เสด็จเข้ามาในฉากอย่างกะทันหัน  ทรงประกาศว่าพระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงแล้ว (ข้อ 14-15) นี่คือการเริ่มต้นขั้นตอนกลางของการดำเนินเรื่อง ซึ่งเล่าเหตุการณ์หลายเรื่องในพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงพบปะกับบุคคลต่างๆ จากประชากรอิสราเอล จากครอบครัวของพระองค์ และจากบรรดาศิษย์  พระองค์ทรงทำเครื่องหมายอัศจรรย์หลายประการและทรงสั่งสอนโดยใช้อุปมาเรื่องต่าง ๆ ต่อจากนั้น พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด นักบุญเปโตรทูลตอบในนามของบรรดาศิษย์ว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า” (ข้อ 8:29)

            เรื่องราวดำเนินต่อไปว่า พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนบรรดาศิษย์ให้ติดตามพระองค์ ไม่ว่าจะต้องเสียสละตนสักเพียงใด  พระองค์ทรงถกเถียงกับบรรดาหัวหน้าชาวอิสราเอล จนทรงถูกจับกุม ทรงถูกพิพากษาและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แต่ผู้อ่านจะได้รู้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระคริสตเจ้าไม่จบลงเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ

            ขั้นตอนจบของเรื่อง เล่าว่าบรรดาสตรีได้พบพระคูหาว่างเปล่า และได้ยินการประกาศการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่พระคูหา (16:1-8) ส่วน (มก 16:9-20) ดูเหมือนไม่ใช่ข้อเขียนของนักบุญมาระโกโดยตรง เพราะมีลีลาการเขียนต่างกัน และมีลักษณะเป็นการสรุปเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงสำแดงพระองค์ ที่คัดมาจากพระวรสารฉบับอื่น ๆ

 

91. เค้าโครงเรื่องโดยสังเขปของพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก

           เราเห็นว่าพระวรสารฉบับนี้มีแก่นสำคัญของเรื่อง 4 ภาค คือ

            1. (1:1-13) อารัมภบทของพระวรสาร เหตุการณ์ก่อนที่พระเยซูเจ้าทรงเริ่มเทศนาสั่งสอน

ผู้เล่าเรื่องแจ้งให้ผู้อ่านรู้ตั้งแต่แรกว่า พระเยซูเจ้าเป็นพระคริสต์และพระบุตรของพระเจ้า ต่อจากนั้น ผู้เล่าอ้างถึงพระวาจาในหนังสือประกาศกอิสยาห์  พระเจ้าทรงประกาศว่า จะทรงส่งผู้นำสารเพื่อเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้าจึงเป็นมากว่าพระเมสสิยาห์ (พระคริสตเจ้า) เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า

            ผู้เล่าอธิบายว่ายอห์น ผู้ทำพิธีล้าง บุคคลที่ดำเนินชีวิตบำเพ็ญตบะ เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะส่ง แล้วเราได้ยินเสียงของยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง เขาพูดถึงการเสด็จมาของ “ผู้ทรงอำนาจยิ่งกว่า” เขา ”ไม่สมควรแม้แต่จะก้มลงแก้สายรัดรองเท้า” ของพระองค์ ผู้ทรงทำพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า ตรงนี้ ผู้เล่าทำให้พระเยซูเจ้าทรงเข้ามามีบทบาท พระองค์ยังไม่ทรงกระทำสิ่งใดแต่มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับพระองค์ ยอห์นทำพิธีล้างให้พระองค์และพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ มีพระสุรเสียงมาจากฟากฟ้าว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา” พระจิตเจ้าทรงดลให้พระองค์เสด็จเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร พระเยซูเจ้าทรงถูกซาตานประจญ แต่บรรดาทูตสวรรค์ปรนนิบัติรับใช้พระองค์ และทรงอยู่กับสัตว์ป่า

            อารัมภบทจึงยืนยันความจริงหลายประการเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า พระองค์เป็นพระคริสต์ บุตรของพระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้า “ผู้ทรงอำนาจยิ่งกว่า” ผู้ทรงทำพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า พระจิตเจ้าทรงดลให้พระองค์ทรงถูกซาตานประจญ พระชนมชีพของพระเยซูเจ้าในถิ่นทุรกันดารก็เป็นเหมือนชีวิตของอาดัมและเอวาก่อนทำบาป สภาพดั้งเดิมของมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างกลับเป็นความจริงอีกครั้งหนึ่ง ในพระคริสตเจ้าสิ่งสร้างทั้งหลายและมนุษย์ไม่ต่อสู้กันอีกต่อไป

            ผู้อ่านอารัมภบทจึงได้รับความรู้หลายอย่างเกี่ยวกับพระคริสตเจ้าและกิจการบางอย่างที่พระองค์จะทรงกระทำ แต่น่าสังเกตว่า ผู้อ่านเท่านั้นรู้เรื่องนี้ และเรื่องที่พระวรสารเล่าต่อไปจะต้องแสดงว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ ในพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าเป็นกิจการที่ทรงกระทำในฐานะที่เป็นพระบุตรสุดที่รักของพระเจ้า และเพื่อพระเจ้าจะพอพระทัยได้อย่างไร

            2. (1:14-8:29) พระวาจาและกิจการของพระเยซูเจ้าในการปฏิบัติศาสนกิจทำให้ผู้คนต้องตั้งคำถามว่า “ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ”(ดู  1:27, 45; 2:12; 3:22; 4:41; 5:20; 6:2-3, 48-50; 7:37)  บางคนยอมรับพระองค์ อีกบางคนไม่สนใจว่าพระองค์เป็นใคร และคนหลายคนต่อต้านพระองค์ แต่คำถามที่ว่า “พระองค์เป็นพระเมสสิยาห์ได้หรือไม่” แฝงอยู่ตลอดในแก่นสำคัญตอนนี้ของเรื่อง นักบุญเปโตร ในนามของบรรดาศิษย์แก้ปัญหาโดยประกาศยืนยันว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า” (8:29) การคาดคะเนว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ใดก็จบตรงนี้ ภาคนี้ของพระวรสารจึงเรียกว่า พระธรรมล้ำลึกเรื่องพระเมสสิยาห์

             3. (8:30-15:47) พระเยซูเจ้าทรงกำชับบรรดาศิษย์มิให้กล่าวเรื่องพระเมสสิยาห์แก่ผู้ใด (8:31) แต่ทรงตอบคำยืนยันของเปโตรโดยตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานอย่างมาก จะถูกบรรดาผู้อาวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่สามวันต่อมา จะกลับคืนชีพ” (8:31) นักบุญเปโตรรับความจริงนี้ไม่ได้ มีการเล่าเรื่องการเดินทางของพระเยซูเจ้าไปสู่กรุงเยรูซาเล็ม (8:22-10:52) เสด็จเข้าไปในกรุง (บทที่ 11) ทรงพบหัวหน้าทางศาสนาที่นั่น (บทที่ 12) ทรงเทศน์สอนเป็นครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับนครศักดิ์สิทธิ์และทรงชี้เครื่องหมายของวาระสุดท้ายเมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาอย่างรุ่งโรจน์ (บทที่ 13) ศาสนกิจของพระเยซูเจ้าก็จบแล้วเมื่อพระองค์ทรงรับทรมานและสิ้นพระชนม์ (บทที่ 14-15) ภาคที่ 2 ของพระวรสารจึงอธิบายอย่างชัดเจนว่า พระเยซูเจ้าเป็นพระเมสสิยาห์ ผู้ทรงรับทรมาน ทรงเป็นบุตรแห่งมนุษย์ เมื่อนายร้อยเห็นพระองค์สิ้นพระชนม์ จึงพูดว่า “ชายคนนี้เป็นพระบุตรของพระเจ้าแน่ทีเดียว” (15:37) บุตรแห่งมนุษย์ที่รับทรมานจึงเป็นพระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง ธรรมล้ำลึกเรื่องพระคริสตเจ้าก็จบลง ภาคนี้จึงเรียกว่า พระธรรมล้ำลึกเรื่องบุตรแห่งมนุษย์

              4. (16:1-8) บทสรุป ปัญหาหลายอย่างยังไม่ได้รับคำตอบ ศิษย์ทุกคนทิ้งพระองค์ แล้วหนีไป (14:50) พระเยซูเจ้าทรงร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าแต่พระเจ้า ทำไมพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเล่า” (15:34) สตรีทั้งสามคนไปยังพระคูหาและพบว่าพระคูหาว่างเปล่า ผู้อ่านรู้ว่าพระเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งพระบุตร  พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว (16:6) แต่ปัญหาของบรรดาศิษย์ที่ได้ละทิ้งพระองค์ จะได้รับคำตอบในอนาคต เขาจะต้องไปยังแคว้นกาลิลี และจะพบพระองค์ที่นั่น (16:7)  “สตรีทั้งสามคนออกจากพระคูหา หนีไปเพราะตกใจกลัวจนตัวสั่น และไม่ได้พูดเรื่องใด ๆ กับใครเลยเพราะกลัว” (16:8) สถานการณ์แก้ไม่ตกจากตัวละครในเรื่องเล่านี้ เป็นการท้าทายผู้อ่านให้ตัดสินใจว่า จะตอบสนองคำเชิญชวนของพระเยซูเจ้าหรือไม่

                ทั้งอารัมภบท (1:1-13) และบทสรุป (16:1-8) เป็นหน่วยที่มีความหมายสมบูรณ์ในตัว แต่ภาคใหญ่ทั้งสองคือ พระธรรมล้ำลึกเรื่องพระเมสสิยาห์ (1:14-8:29) และพระธรรมล้ำลึกเรื่องบุตรแห่งมนุษย์ (8:30-15:47) ประกอบด้วยหน่วยย่อยหลายตอน หน่วยเหล่านี้ไม่แยกจากกัน เหมือนมีกำแพงที่ขวางกั้นไว้