"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง”  
89. พระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงสำแดงพระองค์ (4) 

- คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา หนังสือกิจการอัครสาวกเล่าว่า เมื่อฟีลิปไปในแคว้นสะมาเรีย “คนหลายคนที่ถูกปีศาจสิงอยู่ร้องเสียงดังแล้วปีศาจก็ออกไป” (กจ 8:7) และเมื่อนักบุญเปาโลมาถึงเมืองฟีลิปปี เขาสั่งจิตที่เข้าทรงทาสหญิงคนหนึ่งให้ออกไปจากนาง “ทันใดนั้น จิตก็ออกไป” (กจ 16:18)

- จะพูดภาษาใหม่ๆ ได้ หนังสือกิจการอัครสาวกได้เล่าอีกว่า ในวันเปนเตกอสเต “ทุกคนได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม และเริ่มพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระจิตเจ้าประทานให้พูด” (กจ 2:4; เทียบ 2:11) เมื่อนักบุญเปโตรปราศรัยที่บ้านของโครเนลิอัส ชาวยิวผู้มีความเชื่อที่มากับเปโตร “ได้ยินคนต่างศาสนาพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ และสรรเสริญพระเจ้า” (กจ 10:46) และเมื่อนักบุญเปาโลประกอบพิธีศีลล้างบาปแก่บรรดาศิษย์ของยอห์น ผู้ทำพิธีล้างที่เมืองเอเฟซัส และปกมือเหนือเขา “พระจิตเจ้าก็เสด็จลงมาประทับอยู่ด้วย เขาจึงพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจและกล่าวคำทำนาย”(กจ 19:6) ทำนองเดียวกัน นักบุญเปาโลเขียนจดหมายถึงชาวโครินธ์อธิบายว่า พระพรพิเศษประการหนึ่งจากพระจิตเจ้าคือให้ “พูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ” (1คร 12:6) และ “ผู้พูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ” (1คร 12:28) ในบทที่ 14 นักบุญเปาโลยังอธิบายอย่างละเอียดว่า ทั้งพระพรพิเศษของคนที่พูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ และพระพรพิเศษของผู้ที่อธิบายข้อความเหล่านั้นที่ไม่มีใครเข้าใจ (เทียบ 1คร 14:2-40)

- จะจับงูได้ นักบุญลูกาบันทึกว่า พระเยซูเจ้าตรัสกับศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนที่กลับมาจากการเทศน์สอนด้วยความชื่นชมยินดีว่า “เราให้อำนาจแก่ท่านที่จะเหยียบงูและแมงป่อง มีอำนาจเหนือกำลังทุกอย่างของศัตรู ไม่มีอะไรจะทำร้ายท่านได้” (ลก 10:19) และในหนังสือกิจการอัครสาวกเขายังเล่าว่า เมื่อนักบุญเปาโลมาถึงเกาะมอลตา งูพิษตัวหนึ่งมากัดติดมือเปาโล เขาจึง “สลัดงูลงไปในกองไฟและไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ประการใด” (กจ 28:5)    

- และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย นี่เป็นเครื่องหมายประการเดียวที่ไม่เคยมีเรื่องเล่ามาก่อนในประวัติศาสตร์ของคริสตชนกลุ่มแรก ๆ แต่มีเรื่องเล่าในสมัยต่อมา ซึ่งข้อเขียนนอกสารบบพระคัมภีร์เป็นพยาน รวมทั้งข้อความของ Papias ที่นักบุญเอวเซบีอุสบันทึกไว้ 

- เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย” หนังสือกิจการอัครสาวกยังเล่าอีกเล่าว่า เมื่อนักบุญเปโตรและนักบุญยอห์นที่ถูกหัวหน้าชาวยิวจับกุม ก็ได้รับการปลดปล่อยอย่างน่าอัศจรรย์ บรรดาศิษย์อธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า...โปรดแสดงพระอานุภาพในการรักษาโรค ให้เครื่องหมายอัศจรรย์และปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เดชะพระนามพระเยซูเจ้า ผู้รับใช้ศักดิ์สิทธ์ของพระองค์เถิด” (กจ 4:30) และเมื่อ “ประชาชนจากเมืองต่าง ๆ รอบกรุงเยรูซาเล็มมาชุมนุมกัน นำผู้ป่วยและผู้ที่ถูกปีศาจชั่วร้ายทรมานมาที่นั่นด้วย ทุกคนได้รับการรักษาให้หาย” (กจ 5:16) และเมื่อฟีลิปไปในแคว้นสะมาเรีย “คนหลายคนที่ถูกปีศาจสิงอยู่ร้องเสียงดังแล้วปีศาจก็ออกไป คนอัมพาตและคนง่อยจำนวนมากหายจากโรค” (กจ 8:7)

- เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า เพียงในเวลานี้เท่านั้น ผู้เขียนข้อความดังกล่าวชี้แจงว่า พระเยซูเจ้าเป็นประธานของเรื่องเล่าโดยเรียกพระองค์เองว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า” พระนามนี้แสดงความเชื่อทั้งหมดของบรรดาศิษย์ในพระคริสตเจ้า ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ขณะที่กำลังเสด็จสู่สวรรค์เพื่อจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ที่จะทรงใช้เพื่อจะแสดงอย่างชัดเจนแก่มนุษย์ทุกคนว่า ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลโลก (เทียบ กจ 2:36)

- ตรัสดังนี้แล้ว นักบุญมาระโกใช้วลีนี้บ่อยๆ เพื่อแสดงว่าเขากำลังเล่าอีกเหตุการณ์หนึ่ง แต่ไม่จำเป็นต้องตีความหมายว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับว่าพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ในวันเดียวกับที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ผู้เขียนทราบดีว่าพระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์หลายครั้ง ในช่วงเวลาสี่สิบวัน หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพ (เทียบ กจ 1:3)

- พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ น่าสังเกตว่า เป็นพระบิดาผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ แต่ยังมีข้อความอื่นที่กล่าวว่า พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ ในแง่ที่เป็นกิจการของพระองค์เอง (เทียบ กจ 2:34; อฟ 4:8-10)

-  ให้ประทับ ณ เบื้องขวา วลีนี้ชวนคิดถึงคำเริ่มต้นของเพลงสดุดีบทที่ 110 ที่ว่า “พระดำรัสของพระยาห์เวห์แก่องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ‘จงประทับทางขวาของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่านเป็นดังแท่นวางเท้าของท่าน’” พระเยซูเจ้าเคยอ้างเพลงสดุดีนี้ด้วย (เทียบ 12:35-36; 14:62) นักบุญมาระโกจึงคิดว่าการที่พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ไม่เป็นเพียงขั้นตอนสุดท้ายในภารกิจของพระเยซูเจ้าบนแผ่นดินนี้ แต่ยังเป็นความสมบูรณ์ของพระธรรมล้ำลึกปัสกา คือพระคริสตเจ้าผู้ทรงมีชัยชนะเหนือความตาย ทรงเริ่มปฏิบัติพระอานุภาพนำความรอดพ้นและสันติสุขแก่มนุษย์ทั้งหลาย อาศัยการเทศน์สอนของบรรดาศิษย์ที่พระองค์จากสวรรค์ทรงนำและทรงบันดาลให้เกิดผล

- บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโกจบลงโดยอ้างว่า บรรดาได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระเยซูเจ้า บรรดาศิษย์ไปประกาศข่าวดีแห่งความรอดพ้นแก่มนุษย์ทุกคนทั่วโลก โดยไม่แยกชนชาติและวัฒนธรรม

- องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา อย่างไรก็ตาม นักบุญมาระโกยอมรับว่า บรรดาอัครสาวกและผู้ร่วมงานเผยแผ่ข่าวดีก็ปฏิบัติภารกิจ โดยมีพระหรรษทานของพระเจ้าช่วยเหลือเขา ผู้ที่ทำให้คำพูดของบรรดาศิษย์มีคุณค่าและบังเกิดผลก็เป็น “พระเยซูเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้า” อยู่เสมอ และพระองค์ผู้เดียวเท่านั้นผู้ประทับ ณ เบื้องขวาของพระเจ้า ทรงทำงานพร้อมกับบรรดาศิษย์ ทรงค้ำจุน ประทานพละกำลังแก่เขา ทรงทำให้เขามั่นคง และทรงบันดาลให้เขาทำเครื่องหมายอัศจรรย์ เพื่อแสดงพระอานุภาพของพระองค์