“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

เพลงสดุดีที่ 119

คำสรรเสริญธรรมบัญญัติของพระเจ้าa

ข้อความและความยาวมากๆ ของเพลงสดุดีในรูปแบบ “กลบทอักษร” บทนี้ชวนให้เราเข้าใจว่า ชาวอิสราเอลให้ความสำคัญแก่ “ธรรมบัญญัติ” หรือ “Torah” ของโมเสสอย่างมากในชีวิตส่วนตัวและส่วนรวมของตน ข้อความใน สดด บทนี้เป็นทั้งคำอธิษฐานภาวนา และการคิดคำนึงของบุคคลหนึ่งที่มีความดื่มด่ำอย่างยิ่งในวรรณกรรมปรีชาญาณของพันธสัญญาเดิม ข้อคิดของเขาได้รับอิทธิพลอย่างมากจากคำสอนของบรรดาประกาศกและหนังสือ ฉธบ ผู้ประพันธ์ใช้คำ 8 คำแสดงความหมายพื้นฐานของธรรมบัญญัติ ได้แก่ กฤษฎีกา (วิถี)ทาง ข้อบังคับ ข้อกำหนด บทบัญญัติ พระวินิจฉัย พระวาจา พระดำรัส สำหรับผู้ประพันธ์แล้ว ธรรมบัญญัติคือการที่พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์ และมีพระประสงค์ให้มนุษย์ได้รู้ เพื่อเป็นหนทางให้มนุษย์เข้ามามีความสัมพันธ์กับพระองค์ได้อย่างใกล้ชิด

พระเยซูเจ้าตรัสว่า พระองค์ทรงเป็น “หนทาง” ซึ่งหมายความว่าทรงเป็นแนวทางที่บรรดาศิษย์ของพระองค์ต้องดำเนินตาม นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงเป็นหนทางที่นำไปหาพระบิดาด้วย (ยน 14:6) ในความหมายนี้พระองค์จึงทรงเป็นเหมือน “ธรรมบัญญัติ” สำหรับบรรดาคริสตชนด้วย พระองค์ยังทรงเป็น “ความจริงและชีวิต” ซึ่งเป็นคำที่พบได้ใน สดด บทนี้ด้วย พระองค์ทรงเป็น “พระวาจา” และ “พระดำรัส” ที่พระเจ้าตรัสกับมนุษยชาติ (ฮบ 1:1-4) และทรงเป็นแสงสว่างส่องทางให้มนุษย์เดินไปหาพระบิดาได้ คริสตชนจึงเรียนได้จาก สดด บทนี้ว่า จะต้องคิดว่าพระบัญญัติที่พระคริสตเจ้าประทานแก่เรานั้น เป็นของประทานที่ทรงคุณค่า ไม่ใช่เป็นการกดขี่บังคับ เราจึงต้องปฏิบัติตามด้วยความยินดี พระองค์ยังตรัสอีกว่า “แอกของพระองค์นั้นอ่อนนุ่ม และของแบกของพระองค์ก็เบา (มธ 11:30)

               สดด บทนี้เป็นบทยาวที่สุดในหนังสือเพลงสดุดี คือมีถึง 176 ข้อ แบ่งเป็น 22 ตอนตามจำนวนของอักษรภาษาฮีบรู แต่ละตอน (8 ข้อ) จะขึ้นต้นด้วยอักษรแต่ละตัวเรียงตามลำดับ

อาเลฟ     1ผู้ดำเนินชีวิตไร้ตำหนิย่อมเป็นสุข

                   เขาเดินตามธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์

   2ผู้ปฏิบัติตามกฤษฎีกาของพระองค์ย่อมเป็นสุข

            เขาแสวงหาพระองค์สุดจิตใจ

      3เขาไม่ทำผิด

            ดำเนินอยู่ในทางของพระองค์

      4พระองค์ทรงกำหนดข้อบังคับของพระองค์ไว้

           ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

      5ขอให้วิถีชีวิตของข้าพเจ้ามั่นคง

           ในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของพระองค์

      6ข้าพเจ้าจะไม่ต้องอับอาย

           ถ้าข้าพเจ้าพิจารณาบทบัญญัติทุกข้อของพระองค์

      7ข้าพเจ้าจะขอบพระคุณพระองค์ด้วยจิตใจซื่อตรง

           เมื่อข้าพเจ้าเรียนรู้พระวินิจฉัยเที่ยงธรรมของพระองค์

      8ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามข้อกำหนดของพระองค์

            ขออย่าทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าไปเลย

เบท           9คนหนุ่มจะรักษาวิถีชีวิตของตนให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร

           ก็โดยยึดมั่นในพระวาจาของพระองค์

      10ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์สุดจิตใจ

           โปรดอย่าทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าหลงทางไปจากบทบัญญัติของพระองค์

     11ข้าพเจ้าเก็บรักษาพระสัญญาของพระองค์ไว้ในใจ

           เพื่อจะได้ไม่ทำบาปต่อพระองค์

     12ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์จงได้รับการถวายพระพร

           โปรดทรงสอนข้อกำหนดแก่ข้าพเจ้า

     13ปากของข้าพเจ้าประกาศพระวินิจฉัยทั้งมวล

           ที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์

     14ข้าพเจ้าปีติยินดีในการปฏิบัติตามกฤษฎีกาของพระองค์

           เหมือนกับชื่นชมในทรัพย์สมบัติมากมาย

     15ข้าพเจ้าจะใคร่ครวญถึงข้อบังคับของพระองค์

           และจะพิจารณาวิถีทางของพระองค์

     16ข้าพเจ้าชื่นชมในข้อกำหนดของพระองค์

           และจะไม่ลืมพระวาจาของพระองค์

กีเมล        17ขอพระองค์ทรงเอื้ออารีต่อผู้รับใช้พระองค์

           แล้วข้าพเจ้าจะมีชีวิตb และจะรักษาพระวาจาไว้

     18โปรดทรงเปิดตาข้าพเจ้า

           ให้แลเห็นความน่าพิศวงแห่งธรรมบัญญัติของพระองค์

     19ข้าพเจ้าเป็นคนแปลกหน้าในแผ่นดินนี้

           ขออย่าได้ทรงซ่อนบทบัญญัติของพระองค์ไว้จากข้าพเจ้า

     20จิตใจข้าพเจ้าอ่อนกำลังอยู่ตลอดเวลา

           เพราะโหยหาพระวินิจฉัยของพระองค์

     21พระองค์ทรงกำราบคนเย่อหยิ่งc

           ผู้ที่หลงจากทางแห่งบทบัญญัติของพระองค์ จงถูกสาปแช่ง

     22โปรดทรงขจัดการเย้ยหยันและดูหมิ่นให้พ้นจากข้าพเจ้า

           เพราะข้าพเจ้าปฏิบัติตามกฤษฎีกาของพระองค์

     23แม้บรรดาเจ้านายจะนั่งลงกล่าวร้ายข้าพเจ้า

           ผู้รับใช้พระองค์ก็ยังคงคำนึงถึงข้อกำหนดของพระองค์

     24ใช่แล้ว กฤษฎีกาของพระองค์เป็นความยินดีของข้าพเจ้า

           และdเป็นที่ปรึกษาของข้าพเจ้า

ดาเลท     25ข้าพเจ้านอนคลุกฝุ่นอยู่

           โปรดทรงปลุกข้าพเจ้าให้มีชีวิตตามพระวาจาของพระองค์

     26ข้าพเจ้าทูลให้ทรงทราบหนทางของข้าพเจ้า และพระองค์ทรงตอบข้าพเจ้า

           โปรดทรงสอนข้าพเจ้าให้รู้ข้อกำหนดของพระองค์

     27โปรดให้ข้าพเจ้าเข้าใจวิถีทางแห่งข้อบังคับของพระองค์

           แล้วข้าพเจ้าจะคำนึงถึงพระราชกิจน่าพิศวงของพระองค์

     28จิตใจข้าพเจ้าเหนื่อยอ่อนเพราะความทุกข์โศก

           โปรดทรงพยุงข้าพเจ้าขึ้นมาตามพระสัญญา

     29โปรดกันข้าพเจ้าไว้ให้ไกลจากทางแห่งความหลอกลวง

           โปรดประทานธรรมบัญญัติของพระองค์แก่ข้าพเจ้า

     30ข้าพเจ้าเลือกหนทางแห่งความจริง

           ข้าพเจ้าปักใจอยู่กับพระวินิจฉัยของพระองค์

     31ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ายึดมั่นอยู่กับกฤษฎีกาของพระองค์

           โปรดอย่าให้ข้าพเจ้าต้องอับอายเลย

     32ข้าพเจ้าจะวิ่งตามทางแห่งบทบัญญัติของพระองค์

           เพราะพระองค์ทรงเพิ่มพูนความเข้าใจของข้าพเจ้า

เฮ             33ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงสอนให้ข้าพเจ้ารู้หนทางแห่งข้อบังคับของพระองค์

           แล้วข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามจนถึงที่สุดe

     34โปรดประทานความเข้าใจfแก่ข้าพเจ้า

           เพื่อข้าพเจ้าจะได้รักษาธรรมบัญญัติของพระองค์และปฏิบัติตามสุดจิตใจ

     35โปรดทรงนำข้าพเจ้าไปตามทางแห่งบทบัญญัติของพระองค์

           เพราะข้าพเจ้าชื่นชมเช่นนั้น

     36โปรดทรงโน้มใจข้าพเจ้าไปหากฤษฎีกาของพระองค์

           มิใช่มุ่งหาประโยชน์ส่วนตัว

     37โปรดทรงเบนสายตาข้าพเจ้าไปจากสิ่งหลอกลวง

           โปรดประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้าตามวิถีทางของพระองค์g

     38โปรดทรงให้พระสัญญาที่ประทานแก่ผู้ยำเกรงพระองค์

           สำเร็จเป็นจริงแก่ผู้รับใช้พระองค์

     39โปรดทรงขจัดความอับอายที่ข้าพเจ้าพรั่นกลัว

           เพราะพระวินิจฉัยของพระองค์นั้นประเสริฐยิ่ง

     40ดูซิ ข้าพเจ้าปรารถนาข้อบังคับของพระองค์ยิ่งนัก

           โปรดประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้า เพราะความเที่ยงธรรมของพระองค์

วาว          41ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดประทานความรักมั่นคงของพระองค์แก่ข้าพเจ้าเถิด

           โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นตามพระสัญญาของพระองค์

     42แล้วข้าพเจ้าจะให้คำตอบแก่ผู้เยาะเย้ยข้าพเจ้า

           เพราะข้าพเจ้าวางใจในพระวาจาของพระองค์

     43โปรดอย่าทรงดึงถ้อยคำสัตย์จริงhออกจากปากข้าพเจ้า

           เพราะข้าพเจ้าวางใจในพระวินิจฉัยของพระองค์

     44ข้าพเจ้าจะรักษาธรรมบัญญัติของพระองค์เสมอ

           ตลอดไปเป็นนิตย์

     45ข้าพเจ้าจะดำเนินไปอย่างเสรี

           เพราะข้าพเจ้าแสวงหาiข้อบังคับของพระองค์

     46ข้าพเจ้าจะทูลบรรดากษัตริย์ถึงกฤษฎีกาของพระองค์

           และจะไม่อับอาย

     47ข้าพเจ้าชื่นชมบทบัญญัติของพระองค์

           เพราะข้าพเจ้ารักษาบทบัญญัติเหล่านั้น

     48ข้าพเจ้าชูมือขึ้นหาบทบัญญัติที่ข้าพเจ้ารัก

           และจะคำนึงถึงข้อกำหนดของพระองค์

ซาอิน       49โปรดทรงระลึกถึงพระสัญญาที่ประทานแก่ผู้รับใช้พระองค์

            พระองค์ประทานความหวังแก่ข้าพเจ้าเดชะพระสัญญานี้

     50กำลังใจของข้าพเจ้าในยามทุกข์ยาก

           ก็คือพระสัญญาที่ให้ชีวิตแก่ข้าพเจ้า

     51คนหยิ่งยโสเฝ้าเยาะเย้ยข้าพเจ้าอย่างหยาบคาย

           แต่ข้าพเจ้าก็มิได้หันเหไปจากธรรมบัญญัติของพระองค์

     52ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าระลึกถึงพระวินิจฉัยนิรันดรของพระองค์               

           แล้วข้าพเจ้าก็ได้รับความบรรเทาใจ

     53ข้าพเจ้าโกรธเกรี้ยวคนชั่วร้าย

           ที่ละทิ้งธรรมบัญญัติของพระองค์

     54ข้อกำหนดของพระองค์เป็นบทเพลงสำหรับข้าพเจ้า

           ไม่ว่าข้าพเจ้าจะไปพำนักอยู่ที่ใด

     55ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าระลึกถึงพระนามพระองค์ในยามค่ำคืน

           และปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระองค์

     56วิถีชีวิตของข้าพเจ้า

           คือปฏิบัติตามข้อบังคับของพระองค์

เคท          57ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นส่วนมรดกของข้าพเจ้า

           ข้าพเจ้าสัญญาจะปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์

     58ข้าพเจ้าแสวงหาพระพักตร์พระองค์สุดจิตใจ

           โปรดทรงพระกรุณาข้าพเจ้าตามพระสัญญาเถิด

     59ข้าพเจ้าตรวจตราหนทางของพระองค์

           และกลับมาเดินตามกฤษฎีกาของพระองค์

     60ข้าพเจ้าเร่งรีบมิได้ชักช้า

           ที่จะรักษาบทบัญญัติของพระองค์

     61แม้บ่วงแร้วของคนชั่วร้ายมัดข้าพเจ้าไว้

           ข้าพเจ้าก็ไม่ลืมธรรมบัญญัติของพระองค์

     62ยามเที่ยงคืนข้าพเจ้าลุกขึ้นมาขอบพระคุณพระองค์

           สำหรับพระวินิจฉัยเที่ยงธรรมของพระองค์

     63ข้าพเจ้าเป็นมิตรกับทุกคนที่ยำเกรงพระองค์

           และปฏิบัติตามข้อกำหนดของพระองค์

      64ข้าแต่พระยาห์เวห์ แผ่นดินเปี่ยมด้วยความรักมั่นคงของพระองค์

           โปรดทรงสอนกฤษฎีกาของพระองค์แก่ข้าพเจ้า

เตด           65ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเอื้ออารี

           ต่อผู้รับใช้พระองค์ตามพระสัญญา

      66โปรดทรงสอนวิจารณญาณและความรู้แก่ข้าพเจ้า

           เพราะข้าพเจ้ามั่นใจในบทบัญญัติของพระองค์

      67ก่อนได้รับความยากลำบาก ข้าพเจ้าหลงทางไป

           บัดนี้ข้าพเจ้ายึดมั่นในพระสัญญาของพระองค์

      68พระองค์พระทัยดีและทรงกระทำดี

           โปรดทรงสอนข้อกำหนดของพระองค์แก่ข้าพเจ้า

      69แม้คนหยิ่งยโสใส่ร้ายข้าพเจ้า

           ข้าพเจ้าก็รักษาข้อบังคับของพระองค์สุดจิตใจ

      70จิตใจของเขาเหล่านั้นดื้อด้านไม่รู้สำนึก

           ส่วนข้าพเจ้าชื่นชมในธรรมบัญญัติของพระองค์

      71ดีแล้วที่ข้าพเจ้าประสบความทุกข์ยาก

           จะได้เรียนรู้ข้อกำหนดของพระองค์

      72ธรรมบัญญัติจากพระโอษฐ์ของพระองค์

           มีค่าสำหรับข้าพเจ้ายิ่งกว่าเงินทองนับพันแท่ง

โยด           73พระหัตถ์ของพระองค์สร้างและปั้นข้าพเจ้า

           โปรดให้ข้าพเจ้าเข้าใจและเรียนรู้บทบัญญัติของพระองค์

      74ผู้ยำเกรงพระองค์ปีติยินดีเมื่อเห็นข้าพเจ้า

           เพราะข้าพเจ้ามีความหวังในพระวาจาของพระองค์

      75ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ารู้ว่าพระวินิจฉัยของพระองค์นั้นเที่ยงธรรม

           สมควรแล้วที่ทรงให้ข้าพเจ้ามีความทุกข์

      76ขอให้ความรักมั่นคงของพระองค์บรรเทาใจข้าพเจ้า

           ดังที่ทรงสัญญาไว้กับผู้รับใช้พระองค์

      77ขอทรงเมตตาสงสารข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะมีชีวิต

           เพราะข้าพเจ้าชื่นชมในธรรมบัญญัติของพระองค์

      78ขอให้คนหยิ่งยโสต้องอับอายเพราะเขาทำร้ายข้าพเจ้าโดยไร้เหตุผล

           ส่วนข้าพเจ้าจะใคร่ครวญถึงข้อบังคับของพระองค์

      79ขอให้ผู้ยำเกรงพระองค์และรู้จักกฤษฎีกาของพระองค์

           กลับมาหาข้าพเจ้า

      80ขอให้จิตใจข้าพเจ้าบริสุทธิ์ ยึดมั่นข้อกำหนดของพระองค์

           เพื่อข้าพเจ้าจะไม่ต้องอับอาย

คัฟ          81จิตใจข้าพเจ้าโหยหาความรอดพ้นจากพระองค์จนอ่อนกำลัง

           ข้าพเจ้ามีความหวังในพระวาจาของพระองค์

      82ข้าพเจ้ารอคอยพระสัญญาจนตาพร่ามัว

           ข้าพเจ้าถามว่าj “เมื่อใดหนอพระองค์จะทรงบรรเทาใจข้าพเจ้า”

      83แม้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนถุงหนังที่ถูกรมควัน

           ข้าพเจ้าก็ไม่ลืมข้อกำหนดของพระองค์

      84ผู้รับใช้พระองค์จะมีชีวิตอยู่อีกนานเพียงใด

           เมื่อใดหนอพระองค์จะทรงตัดสินลงโทษผู้เบียดเบียนข้าพเจ้า

      85คนหยิ่งยโสขุดหลุมพรางไว้ดักข้าพเจ้า

           เขาไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระองค์

      86บทบัญญัติทุกประการของพระองค์เป็นความจริง

           โปรดทรงช่วยข้าพเจ้า เพราะเขาทั้งหลายเบียดเบียนข้าพเจ้าโดยไร้เหตุผล

      87เขาเกือบจะทำลายล้างข้าพเจ้าไปจากแผ่นดินแล้ว

           แต่ข้าพเจ้าไม่ละทิ้งข้อบังคับของพระองค์

      88โปรดรักษาชีวิตข้าพเจ้าไว้ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์

           แล้วข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามกฤษฎีกาจากพระโอษฐ์ของพระองค์

ลาเมด      89ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระวาจาของพระองค์นั้นมั่นคง

                   เหมือนสวรรค์อยู่ตลอดไป

      90ความซื่อสัตย์ของพระองค์ดำรงอยู่ทุกยุคทุกสมัย

           พระองค์ทรงตั้งแผ่นดินขึ้นมา และแผ่นดินก็ดำรงอยู่อย่างมั่นคง

      91ทุกสิ่งดำรงอยู่จนถึงทุกวันนี้ตามพระวินิจฉัย

           เพราะทุกสิ่งรับใช้พระองค์

      92ถ้าธรรมบัญญัติของพระองค์ไม่เป็นความยินดีของข้าพเจ้า

           ข้าพเจ้าคงจะพินาศไปแล้วขณะที่มีความทุกข์ยาก

      93ข้าพเจ้าจะไม่ลืมข้อบังคับของพระองค์ตลอดไป

           เพราะพระองค์ทรงรักษาชีวิตข้าพเจ้าไว้ด้วยข้อบังคับเหล่านั้น

      94ข้าพเจ้าเป็นของพระองค์

           โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นเถิด

      95คนชั่วร้ายซุ่มดักคอยทำลายข้าพเจ้า

           แต่ข้าพเจ้าครุ่นคิดถึงแต่กฤษฎีกาของพระองค์

      96ข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งที่ดีพร้อมย่อมมีขีดจำกัด

           แต่บทบัญญัติของพระองค์นั้นหาขอบเขตมิได้

เมม           97ข้าพเจ้ารักธรรมบัญญัติของพระองค์ยิ่งนัก

           และครุ่นคิดถึงธรรมบัญญัตินี้ตลอดวัน

      98บทบัญญัติของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีปรีชามากกว่าศัตรูของข้าพเจ้า

           เพราะบทบัญญัติเหล่านี้อยู่กับข้าพเจ้าตลอดไป

      99ข้าพเจ้ามีความเข้าใจยิ่งกว่าบรรดาครูของข้าพเจ้า

           เพราะข้าพเจ้าครุ่นคำนึงถึงกฤษฎีกาของพระองค์

      100ข้าพเจ้ามีความเข้าใจมากกว่าผู้อาวุโส

           เพราะข้าพเจ้าปฏิบัติตามข้อบังคับของพระองค์

      101ข้าพเจ้ายับยั้งเท้าไว้จากหนทางความชั่วร้าย

           เพื่อปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์

      102ข้าพเจ้ามิได้หันเหไปจากพระวินิจฉัยของพระองค์

           เพราะพระองค์ทรงสอนข้าพเจ้า

      103พระสัญญาของพระองค์มีรสถูกปากอย่างยิ่ง

           หวานกว่าน้ำผึ้งในปากของข้าพเจ้า

      104ข้าพเจ้าได้ปัญญาจากข้อบังคับของพระองค์

           จึงเกลียดชังหนทางทั้งหลายที่หลอกลวง

นูน             105พระวาจาของพระองค์เป็นโคมส่องทางของข้าพเจ้า

           เป็นแสงสว่างส่องทางเดินให้ข้าพเจ้า

      106ข้าพเจ้าปฏิญาณและยืนยันไว้

           ว่าจะปฏิบัติตามพระวินิจฉัยเที่ยงธรรมของพระองค์

      107ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าทุกข์ทรมานยิ่งนัก

           โปรดประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้าตามพระวาจาของพระองค์

      108ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงรับคำสรรเสริญเป็นของถวายจากปากข้าพเจ้า

           และทรงสอนพระวินิจฉัยของพระองค์แก่ข้าพเจ้า

      109แม้ชีวิตของข้าพเจ้าอยู่ในอันตรายkเสมอ

           ข้าพเจ้าก็ไม่ลืมธรรมบัญญัติของพระองค์

      110คนชั่วร้ายวางกับดักข้าพเจ้า

           แต่ข้าพเจ้าก็มิได้หลงทางจากข้อบังคับของพระองค์

      111กฤษฎีกาของพระองค์เป็นมรดกนิรันดรของข้าพเจ้า

           และเป็นความสุขใจยินดีของข้าพเจ้า

      112ข้าพเจ้าตั้งใจแน่วแน่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดของพระองค์

           ตลอดไปจนถึงที่สุด

ซาเมค      113ข้าพเจ้าเกลียดชังคนหน้าไหว้หลังหลอก

           แต่รักธรรมบัญญัติของพระองค์

      114พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยและทรงเป็นโล่กำบังของข้าพเจ้า

           ข้าพเจ้ามีความหวังในพระวาจาของพระองค์

      115ผู้ทำความชั่วร้ายทั้งหลายเอ๋ย จงไปให้พ้นจากข้าพเจ้า

           ข้าพเจ้าจะได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้า

      116ขอทรงค้ำชูข้าพเจ้าตามที่ทรงสัญญาไว้ แล้วข้าพเจ้าจะมีชีวิต

           อย่าทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าต้องผิดหวังเลย

      117โปรดทรงค้ำชูข้าพเจ้าไว้ แล้วข้าพเจ้าจะรอดปลอดภัย

            ข้าพเจ้าจะได้คอยจับตาดูข้อกำหนดของพระองค์เสมอไป

      118พระองค์ทรงรังเกียจทุกคนที่หลงทางไปจากข้อกำหนดของพระองค์

           เพราะเล่ห์เหลี่ยมของเขาไร้ประโยชน์

      119พระองค์ทรงคิดว่าlคนชั่วร้ายทั้งหลายของแผ่นดินเป็นขี้แร่

           ข้าพเจ้าจึงรักกฤษฎีกาของพระองค์

      120เนื้อตัวข้าพเจ้าสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวพระองค์

           ข้าพเจ้ายำเกรงพระวินิจฉัยของพระองค์

อายิน        121ข้าพเจ้าปฏิบัติตามความถูกต้องและยุติธรรม

           ขออย่าทรงปล่อยข้าพเจ้าไว้กับผู้ข่มเหง

      122ขอทรงเป็นหลักประกันความสุขแก่ผู้รับใช้พระองค์

           อย่าให้คนหยิ่งยโสข่มเหงข้าพเจ้า

      123ข้าพเจ้ารอคอยความรอดพ้นจากพระองค์จนตาพร่ามัว

           และโหยหาความยุติธรรมที่ทรงสัญญาไว้

      124ขอทรงปฏิบัติต่อผู้รับใช้พระองค์ด้วยความรักมั่นคง

           และทรงสอนข้อกำหนดของพระองค์แก่ข้าพเจ้า

      125ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้พระองค์ โปรดประทานความเข้าใจแก่ข้าพเจ้าเถิด

           แล้วข้าพเจ้าจะรู้จักกฤษฎีกาของพระองค์

      126ถึงเวลาที่พระยาห์เวห์จะทรงลงโทษm         

           เพราะเขาทั้งหลายฝ่าฝืนธรรมบัญญัติของพระองค์

      127ข้าพเจ้าจึงรักบทบัญญัติของพระองค์

           ยิ่งกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์

      128ข้าพเจ้าคิดว่าข้อบังคับของพระองค์ล้วนถูกต้องn

           และเกลียดหนทางทั้งมวลที่หลอกลวง

เป              129กฤษฎีกาของพระองค์น่าพิศวงยิ่งนัก

           ข้าพเจ้าจึงปฏิบัติตาม

      130การเปิดเผยพระวาจาให้ความสว่าง

           ประทานปัญญาแก่ผู้รู้น้อย

      131ข้าพเจ้าอ้าปากและถอนใจ

           เพราะปรารถนาบทบัญญัติของพระองค์

      132โปรดผินพระพักตร์มายังข้าพเจ้าและทรงพระกรุณาเถิด

           ดังที่เคยทรงกระทำต่อผู้ที่รักพระนามพระองค์

      133โปรดให้ข้าพเจ้าเดินอย่างมั่นคงตามพระสัญญา

             อย่าให้ความชั่วใดๆ มาครอบงำข้าพเจ้า

        134ขอทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการกดขี่ของมนุษย์

             แล้วข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามข้อบังคับของพระองค์

        135ขอพระพักตร์ฉายแสงมายังผู้รับใช้พระองค์

             โปรดทรงสอนข้อกำหนดของพระองค์แก่ข้าพเจ้า

      136น้ำตาข้าพเจ้าไหลนองหน้า

           เพราะเขาทั้งหลายไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระองค์

ซาเด         137ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเที่ยงธรรม

             พระวินิจฉัยของพระองค์ก็ถูกต้อง

        138พระองค์ทรงออกกฤษฎีกาอย่างยุติธรรม

             และซื่อสัตย์อย่างยิ่ง

        139ข้าพเจ้าร้อนใจยิ่งนักo

             เพราะคู่อริของข้าพเจ้าลืมพระวาจาของพระองค์

        140พระสัญญาของพระองค์ได้รับการทดสอบมาดีแล้ว

             ผู้รับใช้พระองค์จึงรักพระสัญญานี้

        141แม้ข้าพเจ้าต่ำต้อยและถูกเหยียดหยาม

             ข้าพเจ้าก็ไม่ลืมข้อบังคับของพระองค์

        142ความเที่ยงธรรมของพระองค์เป็นความเที่ยงธรรมนิรันดร

             ธรรมบัญญัติของพระองค์ก็เป็นความจริง

        143ความคับแค้นและความทุกข์มาถึงข้าพเจ้า

             แต่ข้าพเจ้าก็ยังชื่นชมในบทบัญญัติของพระองค์

        144กฤษฎีกาของพระองค์เที่ยงธรรมอยู่เป็นนิตย์

           โปรดประทานความเข้าใจแก่ข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะมีชีวิต

โฆฟ          145ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องทูลสุดจิตใจ โปรดทรงตอบข้าพเจ้าด้วย

             แล้วข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามข้อกำหนดของพระองค์

        146ข้าพเจ้าร้องหาพระองค์ โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น

             แล้วข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามกฤษฎีกาของพระองค์

        147ข้าพเจ้าตื่นขึ้นก่อนรุ่งอรุณ ร้องขอความช่วยเหลือ

             ข้าพเจ้ามีความหวังในพระวาจาของพระองค์

      148ข้าพเจ้าลืมตาก่อนจะเปลี่ยนเวรยามตลอดคืน

           เพื่อคิดคำนึงถึงพระสัญญาของพระองค์

      149ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงฟังเสียงข้าพเจ้า เพราะความรักมั่นคงของพระองค์

           โปรดประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้าตามพระวินิจฉัยของพระองค์

      150ผู้ที่เบียดเบียนมุ่งร้ายข้าพเจ้าpใกล้เข้ามาแล้ว

           เขาเหล่านั้นอยู่ห่างจากธรรมบัญญัติของพระองค์

      151ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงอยู่ใกล้ข้าพเจ้า

           บทบัญญัติทั้งมวลของพระองค์ล้วนเป็นความจริง

      152ข้าพเจ้ารู้มาจากกฤษฎีกาของพระองค์นานแล้ว

           พระองค์ทรงกำหนดกฤษฎีกานี้ให้คงอยู่ตลอดไป

เรช            153โปรดทอดพระเนตรความทุกข์ทรมานของข้าพเจ้า และทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น

           ด้วย

           เพราะข้าพเจ้ามิได้ลืมธรรมบัญญัติของพระองค์

      154โปรดทรงสู้คดีให้ข้าพเจ้าพ้นผิดด้วยเถิด

           โปรดประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้าตามพระสัญญา

      155ความรอดพ้นอยู่ห่างไกลจากคนชั่วร้าย

           เพราะเขามิได้แสวงหาข้อกำหนดของพระองค์

      156ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระกรุณาของพระองค์นั้นใหญ่หลวงนัก

            โปรดประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้าตามพระวินิจฉัยของพระองค์

      157ศัตรูผู้เบียดเบียนข้าพเจ้ามีจำนวนมาก

           แต่ข้าพเจ้าก็มิได้หันเหไปจากกฤษฎีกาของพระองค์

      158ข้าพเจ้าเห็นผู้ทรยศและรู้สึกรังเกียจ

           เพราะเขามิได้รักษาพระสัญญาของพระองค์

      159ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทอดพระเนตรเถิดว่าข้าพเจ้ารักข้อบังคับของพระองค์เพียงใด

           โปรดประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้าตามความรักมั่นคงของพระองค์

      160สาระสำคัญแห่งพระวาจาของพระองค์คือความสัตย์จริง

           พระวินิจฉัยเที่ยงธรรมทุกประการของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์

ชิน             161บรรดาเจ้านายเบียดเบียนข้าพเจ้าโดยไร้เหตุผล

           แต่จิตใจข้าพเจ้ายำเกรงพระวาจาของพระองค์

      162ข้าพเจ้ายินดีในพระสัญญาของพระองค์

           เหมือนคนที่พบขุมทรัพย์มหาศาล

      163ข้าพเจ้าทั้งเกลียดทั้งชังความเท็จ

           แต่ข้าพเจ้ารักธรรมบัญญัติของพระองค์

      164ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์วันละเจ็ดครั้ง

           เพราะพระวินิจฉัยของพระองค์นั้นเที่ยงธรรม

      165ผู้ที่รักธรรมบัญญัติของพระองค์มีสันติสุขเต็มเปี่ยม

           ไม่มีสิ่งใดทำให้เขาสะดุดล้ม

      166ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ารอคอยให้พระองค์ทรงช่วยให้รอดพ้น

           และปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์

      167วิญญาณข้าพเจ้ารักษากฤษฎีกาของพระองค์

           และรักกฤษฎีกาเหล่านั้นยิ่งนัก

      168ข้าพเจ้าปฏิบัติตามข้อบังคับและกฤษฎีกาของพระองค์

           เพราะหนทางทั้งหลายของข้าพเจ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์

เตา            169ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้เสียงร้องของข้าพเจ้ามาใกล้ที่ประทับของพระองค์

                   โปรดประทานความเข้าใจแก่ข้าพเจ้าตามพระวาจาของพระองค์

                   170โปรดให้คำวอนขอของข้าพเจ้าเข้ามาอยู่เฉพาะพระพักตร์

                   โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นตามพระสัญญา

                   171ขอให้ปากข้าพเจ้าประกาศคำสรรเสริญพระองค์

                   เพราะพระองค์ทรงสอนข้อกำหนดแก่ข้าพเจ้า

                   172ขอให้ลิ้นข้าพเจ้าแซ่ซ้องพระสัญญา

                   เพราะบทบัญญัติทุกประการของพระองค์นั้นเที่ยงธรรม

                   173ขอพระหัตถ์พระองค์พร้อมจะช่วยเหลือข้าพเจ้า

                   เพราะข้าพเจ้าเลือกข้อบังคับของพระองค์

                   174ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ากระหายให้พระองค์ทรงช่วยให้รอดพ้น

                   ธรรมบัญญัติของพระองค์เป็นความปีติยินดีของข้าพเจ้า

      175ขอให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่เพื่อสรรเสริญพระองค์

           ขอให้พระวินิจฉัยของพระองค์ช่วยข้าพเจ้า

      176ข้าพเจ้าหลงทางเหมือนแกะพลัดฝูงq

           โปรดทรงตามหาผู้รับใช้พระองค์

    เพราะข้าพเจ้าไม่ลืมบทบัญญัติของพระองค์

 

119 a เพลงสดุดีบทนี้ฉบับภาษาฮีบรูแต่งเป็นคำประพันธ์กลบทอักษรตามลำดับอักษรภาษฮีบรูซึ่งมีพยัญชนะ 22 ตัว บทประพันธ์แต่ละตอนมี 8 ข้อ แต่ละข้อเริ่มต้นด้วยอักษรตัวเดียวกัน เพลงสดุดีบทนี้จึงมี 22 ตอน ตอนละ 8 ข้อ รวมเป็น 176 ข้อ (22 x 8=176) นับว่ายาวที่สุดในบรรดาเพลงสดุดีทั้ง 150 บท * ข้อความในแต่ละข้อ (ยกเว้นข้อ 122) จะใช้ศัพท์ที่มีความหมายคล้ายๆ กัน ได้แก่ “ธรรมบัญญัติ กฤษฎีกา ข้อบังคับ ข้อกำหนด บทบัญญัติ พระสัญญา พระวาจา พระดำรัส พระวินิจฉัย หนทาง” ศัพท์เหล่านี้ล้วนหมายถึง “ธรรมบัญญัติ” หรือ “Torah” ในความหมายกว้างๆ คือ คำสอนที่พระเจ้าทรงเปิดเผย และบรรดาประกาศกได้สอนถ่ายทอดสืบต่อๆ มา เพลงสดุดีบทนี้จึงเป็นพยานสำคัญที่ยืนยันถึงความเลื่อมใสศรัทธาที่ชาวอิสราเอลมีต่อการเปิดเผยที่พระเจ้าทรงสำแดงแก่เขา

b คำว่า “ชีวิต” ในเพลงสดุดีบทนี้ต้องเข้าใจในความหมายสมบูรณ์ซึ่งกินความไปถึง “ความสุข ความปลอดภัย อิสรภาพ ฯลฯ” ความหมายเช่นนี้ยังพบได้อีกหลายแห่งในพระคัมภีร์ เช่น อสค 3:21; 18:33 ดู ฉธบ 4:1 และ สดด 133:3 ฯลฯ

c “คนเย่อหยิ่ง” เป็นศัตรูตัวร้ายกาจที่สุดของพระเจ้า (ข้อ 51, 69, 78, 85, 122; สดด 19:13; 86:14; ดู อสย 13:11; มธ 3:9)

d ต้นฉบับภาษากรีกเสริมว่า “ความประสงค์ของพระองค์”

e ผู้ปฏิบัติตามบทบัญญัติอย่างซื่อสัตย์ย่อมมีความยินดี นับเป็นรางวัลที่พระเจ้าประทานให้เขาโดยไม่ต้องรอนาน

f เราพบคำวอนขอ “ความเข้าใจ” บ่อยๆ ทั้งในเพลงสดุดีบทนี้และในวรรณกรรมประเภทปรีชาญาณ

g “ตามวิถีทางของพระองค์” ฉบับคัดลอกหลายฉบับและสำนวนแปลโบราณภาษาอาราเมอิกว่า “ตามพระวาจาของพระองค์”

h ต้นฉบับภาษาฮีบรูเสริมว่า “มาก” ด้วย

i ผู้ชอบธรรมต้องการเข้าใจธรรมบัญญัติและนำไปปฏิบัติตามในชีวิต คำว่า “แสวงหา” ในภาษาฮีบรูเป็นรากของคำ “มีดรัช” (Midrash) ซึ่งเป็นวรรณกรรมที่บรรดาธรรมาจารย์ใช้อธิบายพระคัมภีร์

j “ข้าพเจ้าถามว่า” บางคนคิดว่าข้อความนี้เป็นคำที่ผู้คัดลอกเขียนซ้ำคำก่อนหน้านั้น

k “ชีวิตของข้าพเจ้าอยู่ในอันตราย” แปลตามตัวอักษรว่า “ชีวิตของข้าพเจ้าอยู่ในมือของข้าพเจ้า” หมายความว่า “ข้าพเจ้าพร้อมที่จะสละชีวิตเมื่อไรก็ได้”

l “ทรงคิดว่า” แปลตามฉบับคัดลอกและสำนวนแปลโบราณของ Aquila, Symmachus และนักบุญเยโรม ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “พระองค์ทรงทำให้หยุดพัก”

m “พระยาห์เวห์จะทรงลงโทษ” ต้นฉบับคัดลอกฉบับหนึ่งและสำนวนแปลของนักบุญเยโรมว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ถึงเวลาจะทรงลงโทษ”

n “ข้อบังคับของพระองค์ล้วนถูกต้อง” แปลตามต้นฉบับภาษากรีกและสำนวนแปลของนักบุญเยโรม ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ข้อบังคับทุกข้อของทุกอย่างถูกต้อง”

o ต้นฉบับภาษากรีกว่า “ข้าพเจ้าร้อนใจต่อพระองค์ยิ่งนัก” หรือ “ข้าพเจ้าร้อนใจต่อบ้านของพระองค์ยิ่งนัก” (เทียบ สดด 69:9)

p “ผู้ที่เบียดเบียนมุ่งร้ายข้าพเจ้า” แปลตามตัวอักษรว่า “บรรดาผู้ไล่ตามแผนชั่วร้าย”

q “แกะพลัดฝูง” บรรดาประกาศกชอบใช้การเปรียบเทียบนี้กับประชากรอิสราเอลที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ เช่น อสค 34:1 เชิงอรรถ a แต่ในที่นี้หมายถึงปัจเจกบุคคล

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก