เพลงสดุดีบทที่ 109

คำวอนขอให้พ้นจากศัตรูa

สดด บทนี้เป็นคำภาวนาอ้อนวอนของผู้ที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม ถ้าจะพิจารณาในมุมมองของคริสตชน เพลงสดุดีบทนี้เป็นบทความที่เข้าใจยากมากบทหนึ่ง ภาษาที่ใช้เป็นการสาปแช่งคู่อริอย่างตรงไปตรงมา แต่เราก็ยังไม่ควรสรุปว่านั่นเป็นความรู้สึกแท้จริงของผู้ประพันธ์ การใช้ภาษาแบบนี้อาจเป็นเพียงลักษณะคำประพันธ์ที่แสดงความรู้สึกให้เกินความจริงไว้ เพื่อแสดงว่าเขามีความขัดเคืองอย่างลึกซึ้งภายในจิตใจต่อความชั่ว อย่างไรก็ตาม เรายังพบคำสาปแช่งในพระวรสารด้วย (มธ 23:13-36) พระเยซูเจ้าทรงให้อภัยแก่ศัตรูและทรงสั่งให้เราให้อภัยด้วยก็จริงอยู่ แต่การให้อภัยไม่ใช่การเห็นด้วยกับการทำผิดของเขา คริสตชนต้องมีความรู้สึกเป็นอริกับความชั่วทั้งในตนเองและในผู้อื่น ความรู้สึกเช่นนี้ต้องมีความเข้มข้นเช่นเดียวกับที่ผู้ประพันธ์เพลงสดุดีแสดงออกไว้ในบทประพันธ์ของเขา

สำหรับหัวหน้านักขับร้อง เพลงสดุดี ของกษัตริย์ดาวิด

1ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์

        โปรดอย่าทรงเงียบเฉย

2คนอธรรมและผู้หลอกลวงเปิดปากกล่าวร้ายต่อข้าพเจ้า

        เขาพูดเท็จใส่ร้ายข้าพเจ้า

3รุมกันแสดงวาจาเกลียดชัง

        และโจมตีข้าพเจ้าอย่างไร้เหตุผล

4แม้ข้าพเจ้ารักเขา เขาก็ยังกล่าวหาข้าพเจ้า

        ขณะที่ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนาb

5เขาตอบแทนความดีของข้าพเจ้าด้วยความชั่วร้าย

        และตอบแทนความรักของข้าพเจ้าด้วยความเกลียดชัง

6เขาพูดว่า “จงจัดคนชั่วร้ายคนหนึ่งมากล่าวหาเขา

        ให้เป็นโจทก์ยืนอยู่ทางขวาของเขาc

7เมื่อพิจารณาคดี ขอให้เขาถูกตัดสินว่ามีความผิด

        และขอให้คำภาวนาของเขาเป็นบาปด้วย

8ขอให้ชีวิตของเขาสั้นลง

        ขอให้ผู้อื่นรับหน้าที่แทนเขา

9ขอให้บุตรของเขาเป็นกำพร้า

        และภรรยาเป็นม่าย

10ขอให้บุตรของเขาต้องเร่ร่อนไปไร้ที่อยู่

        เป็นขอทาน ถูกขับไล่dจากบ้านปรักหักพังของตน

11ขอให้เจ้าหนี้ยึดทรัพย์สินทั้งหมด

        และขอให้คนต่างถิ่นปล้นผลงานของเขา

12อย่าให้มีผู้ใดแสดงความกรุณาต่อเขา

        อย่าให้มีผู้ใดสงสารลูกกำพร้าของเขา

13ขอให้เชื้อสายของเขาถูกตัดขาด

        และชื่อของเขาถูกลบออกจากอนุชนรุ่นต่อไป

14ขอให้พระยาห์เวห์ทรงจดจำความผิดของบิดาเขาไว้

        และบาปของมารดาเขาก็อย่าถูกลบออกไป

15ขอให้พระยาห์เวห์ทรงจดจำคนเหล่านี้ไว้เสมอ

        อย่าให้มีผู้ใดระลึกถึงเขาบนแผ่นดินอีกต่อไป

16เพราะเขาไม่เคยคิดที่จะแสดงความกรุณาต่อผู้อื่น

        แต่คอยเบียดเบียนคนยากจนขัดสน และผู้ที่มีความทุกข์ใจ เพื่อจะฆ่า

17เขาชอบคำสาปแช่ง ขอให้คำสาปแช่งนั้นตกแก่เขา

        เขาไม่ต้องการคำอวยพร ก็ขอให้คำอวยพรนั้นอยู่ห่างไกลจากเขาe

18คำสาปแช่งติดตัวเขาเหมือนเสื้อผ้า

        เข้าไปในท้องของเขาเหมือนน้ำf

ซึมเข้าในกระดูกเหมือนน้ำมัน

19ขอให้คำสาปแช่งเป็นเหมือนเสื้อคลุมที่เขาสวม

        เป็นเหมือนเข็มขัดที่รัดสะเอวของเขาตลอดไป”

20นี่คือสิ่งที่ผู้กล่าวหาข้าพเจ้าขอจากพระยาห์เวห์

        เขากล่าวร้ายต่อชีวิตข้าพเจ้า

21ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ทรงกระทำกับข้าพเจ้าเดชะพระนามพระองค์

        โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น

เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ช่างดีนักหนา

22ข้าพเจ้ายากจนและขัดสน

        มีบาดแผลลึกในใจ

23ข้าพเจ้าผ่านไปเหมือนเงาเลือนรางยามเย็น

        ถูกสลัดทิ้งเหมือนตั๊กแตน

24เข่าของข้าพเจ้าอ่อนเปลี้ยเพราะอดอาหาร

        ร่างกายของข้าพเจ้าผอมโซเพราะขาดไขมัน

25ข้าพเจ้ากลายเป็นเป้าให้เขาเยาะเย้ย

        เมื่อเห็นข้าพเจ้า เขาก็สั่นศีรษะ

26ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด

        โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นเพราะความรักมั่นคงของพระองค์

27ให้คนเหล่านั้นได้รู้ว่าความช่วยเหลือนี้มาจากพระหัตถ์พระองค์

        ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงกระทำเช่นนี้

28ปล่อยให้คนเหล่านี้สาปแช่งไปเถิด แต่พระองค์ทรงอวยพร

        ปล่อยให้เขากบฏไปเถิด แต่เขาจะต้องได้รับความอับอาย

และผู้รับใช้พระองค์จะชื่นชม

29ขอให้ผู้ที่กล่าวหาข้าพเจ้าได้รับความอัปยศเป็นเหมือนเสื้อผ้า

        ความอับอายจะเป็นเสมือนเสื้อคลุมห่อหุ้มเขา

30ข้าพเจ้าจะส่งเสียงขอบพระคุณพระยาห์เวห์อย่างล้นเหลือ

        ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ในหมู่คนจำนวนมาก

31เพราะพระองค์ทรงยืนอยู่ข้างขวาของคนยากจน

        เพื่อช่วยเขาให้รอดชีวิตจากผู้ตัดสินลงโทษ

 

109 a ผู้นิพนธ์เพลงสดุดีบทนี้ถูกใส่ร้ายและถูกกล่าวหาเป็นเท็จ จึงวอนขอพระเจ้าให้ทรงลงโทษผู้ใส่ร้ายแทนตน (ดู สดด 5:10 เชิงอรรถ c; ยรม 11:20; 18:19ฯ) สดด บทนี้มีโครงสร้างดังนี้ ข้อ 1-5 เป็นการเรียกหาพระเจ้าให้ทรงมาช่วยพร้อมกับเหตุผลที่ต้องทรงมาช่วย ข้อ 6-20 คำสาปแช่งกล่าวหาของศัตรู ข้อ 21-29 คำอธิษฐานภาวนาขอความช่วยเหลือสำหรับตน และขอให้พระเจ้าทรงลงโทษศัตรูเป็นการตอบแทน (เทียบ อพย 21:25 เชิงอรรถ f) ข้อ 30-31 คำสัญญาจะขอบพระคุณพระเจ้า

b “ขณะที่ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนา” แปลตามตัวอักษรว่า “และข้าพเจ้า คำอธิษฐานภาวนา”

c “โจทก์” หรือ “ผู้กล่าวหา” ในภาษาฮีบรูว่า “ซาตาน” ซึ่งในภายหลังจะใช้เป็นชื่อเรียกปีศาจ (ดู โยบ 1:6 เชิงอรรถ g) ในการพิจารณาคดีสมัยโบราณ ทั้งโจทก์และทนายของจำเลยยืนอยู่ทางขวาของจำเลย (เทียบ โยบ 30:12; ศคย 3:1)

d “ถูกขับไล่” แปลตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “แสวงหา”

e คำสาปแช่งและคำอวยพรถูกกล่าวถึงประหนึ่งว่าเป็นบุคคล

f “เหมือนน้ำ” การกล่าวถึง “น้ำ” ในที่นี้อาจเป็นการเท้าความถึง “น้ำขม” ในพิธีสาบานตามที่บรรยายไว้ใน กดว 5:11-31