"เราประกาศให้ท่านรู้ถึงสิ่งที่เราได้เห็น" (1ยน. 1:3)

เพลงสดุดีที่ 74

คำคร่ำครวญถึงพระวิหารที่ถูกทำลายa

สดด บทนี้เป็นคำอ้อนวอนของประชากรอิสราเอลต่อพระเจ้า ในบรรยากาศของกรุงเยรูซาเล็มที่ถูกทำลายในปี 587 ก.ค.ศ. เมื่อประชากรจะถูกจับเป็นเชลยไปที่กรุงบาบิโลน ยังอาจเป็นไปได้ด้วยที่ สดด บทนี้สะท้อนบรรยากาศในสมัยมัคคาบีเมื่อพระเจ้าอันทิโอคัส เอปีฟาเนสทรงเบียดเบียนชาวยิว (167-164 ก.ค.ศ.) และลบหลู่พระวิหารหลังที่สอง (ดู 1 มคบ 1:21-28) ในบทภาวนานี้ประชากรของพระยาห์เวห์ วอนขอให้พระองค์ทอดพระเนตรดูพระวิหารที่ถูกทำลายและอยู่ในสภาพปรักหักพัง ขอให้ทรงระลึกถึงประชากรที่เคยนมัสการพระองค์ที่พระวิหารนั้น เขาทูลพระองค์ให้ทรงระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต เพื่อให้พระองค์ทรงกระทำการอัศจรรย์เช่นนั้นอีกสำหรับเขา เราคริสตชนที่ภาวนาด้วยเพลงสดุดีบทนี้ควรระลึกถึงเพื่อนพี่น้องคริสตชน ซึ่งกำลังทนทุกข์และไม่มีเสรีภาพในการปฏิบัติศาสนกิจในประเทศต่างๆ ที่เบียดเบียนพระศาสนจักร

บทกวีสอนใจของอาสาฟ

1      ข้าแต่พระเจ้า เหตุใดพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าทั้งหลายตลอดไป

            เหตุใดพระพิโรธจึงลุกเป็นไฟ เผาฝูงแกะแห่งทุ่งหญ้าของพระองค์?

2      โปรดทรงระลึกถึงประชากรที่ทรงได้มาเป็นกรรมสิทธิ์ตั้งแต่โบราณกาล

            ประชากรที่ทรงไถ่กู้ไว้เป็นชนเผ่าเฉพาะของพระองค์

             และโปรดทรงระลึกถึงภูเขาศิโยน ที่พำนักของพระองค์

3      โปรดเสด็จมาเยือนซากปรักหักพังเหล่านี้ที่จะคงอยู่ตลอดไป

            คือทุกสิ่งที่ศัตรูทำลายในสถานศักดิ์สิทธิ์

4      คู่อริของพระองค์ร้องตะโกนในที่ประชุม

            เขายกธงเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะb

5      เขาใช้ขวานเหมือนคนตัดไม้ในป่าทึบ

6          ร่วมกันใช้ขวานและค้อนทุบทำลายบานประตูc

7      จุดไฟเผาทำลายสถานศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์จนราบเป็นหน้ากลอง

            ทำทุราจารต่อที่ประทับแห่งพระนามของพระองค์

8      เขาคิดว่า "พวกเราจงทำลายทุกอย่างให้หมดสิ้น"d

            แล้วเขาก็เผาสถานนมัสการพระเจ้าทุกแห่งในแผ่นดิน

9      ข้าพเจ้าทั้งหลายไม่เห็นเครื่องหมายอัศจรรย์อีกต่อไป

            ไม่มีประกาศก ไม่มีผูใดในหมู่ข้าพเจ้าทั้งหลายรู้ว่า

            เหตุการณ์นี้จะยาวนานเพียงใดe

10    ข้าแต่พระเจ้าคู่อริจะเยาะเย้ยพระองค์ไปอีกนานสักเท่าไร?

            ศัตรูจะหมิ่นประมาทพระนามไปตลอดกาลกระนั้นหรือ?

11    เหตุใดพระองค์จึงทรงชักพระหัตถ์กลับ

            และทรงซุกfพระหัตถ์ขวาไว้ที่พระอุระ?

12    กระนั้น พระเจ้าทรงเป็นพระราชาของข้าพเจ้าตั้งแต่แรกเริ่ม

            พระองค์ทรงช่วยให้รอดพ้นครั้งแล้วครั้งเล่าทั่วแผ่นดิน

13    พระองค์ทรงแยกทะเลด้วยพระอานุภาพ

            และทรงทุบหัวสัตว์ร้ายในทะเลจนแหลกละเอียด

14    ทรงบดขยี้หัวของเลวีอาธานg

            และโยนให้เป็นอาหารแก่บรรดาสัตว์ป่าh

15    พระองค์ทรงเปิดตาน้ำและลำธาร

            ทรงทำให้แม่น้ำที่ไหลอยู่ตลอดเวลาแห้งไปi

16    ทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นของพระองค์

            ทรงสร้างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์

17    ทรงกำหนดเขตแดนทั้งสิ้นบนแผ่นดิน

            และทรงจัดทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว

18    ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงจดจำว่าศัตรูเยาะเย้ยพระองค์

            ชนชาติโง่เขลาได้หมิ่นประมาทพระนามของพระองค์

19    โปรดอย่าทรงมอบชีวิตนกพิราบของพระองค์jให้แก่สัตว์ร้าย

            อย่าทรงลืมชีวิตของผู้ยากจนของพระองค์ตลอดไป

20    ขอทรงคำนึงถึงพันธสัญญา

         เพราะมีแหล่งซ่องสุมความรุนแรงมากมายซ่อนอยู่ในแผ่นดิน

21    ขออย่าให้ผู้ถูกเบียดเบียนต้องถอยกลับอย่างน่าอับอาย

            ขอให้ผู้ยากจนและขัดสนสรรเสริญพระนามของพระองค์

22    ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงลุกขึ้นสู้คดีของพระองค์เถิด

            โปรดทรงระลึกว่าคนโง่เขลาเยาะเย้ยพระองค์ตลอดวัน

23    ขออย่าทรงลืมเสียงตะโกนของเหล่าศัตรู

             คือเสียงอึกทึกของบรรดาปรปักษ์ที่ดังยิ่งขึ้นตลอดเวลา

74 a พันธสัญญาเดิมฉบับภาษาอาราเมอิค (Targum) อธิบายว่า "คนโง่เง่า" ในข้อ 22 คือกษัตริย์อันทิโอคัส เอปีฟาเนส ผู้ทรงสั่งให้เผาประตูพระวิหาร (1 มคบ 4:38; 2 มคบ 1:8) นอกจากนั้นยังทำทุราจารสักการสถานในพระวิหารอีกด้วย (1 มคบ 1:21ฯ,39; 2 มคบ 6:5) แต่เพลงสดุดีบทนี้ยังอาจกล่าวถึงการที่กองทัพบาบิโลนของพระเจ้าเนบูคัดเนสซาร์ทำลายพระวิหารเมื่อปี 587 ก.ค.ศ. ได้ด้วย (2 พกษ 25:9; อสย 64:10) ซึ่งเวลานั้นดูเหมือนว่าเสียงของประกาศกเงียบหายไปด้วย (ข้อ 9 ดู สดด 77:8; พคค 2:9; อสค 7:26 และ 1 มคบ 4:46; 9:27; 14:41)

b "เป็นเครื่องหมายชัยชนะ" แปลโดยคาดคะเน แปลตามตัวอักษรว่า "เครื่องหมายของเขา เครื่องหมาย"

c "ใช้ขวานและค้อนทุบทำลายบานประตู" แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับไม่ชัดเจน

d "ทำลายทุกอย่างให้หมดสิ้น" แปลโดยคาดคะเน

e "ยาวนานเพียงใด" ประกาศกเยเรมีย์บอกว่าการเนรเทศจะยืดเยื้อนาน 70 ปี  แต่เลข 70 เป็นสัญลักษณ์ของ "เวลานาน"

f "ทรงซุก" แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับไม่ชัดเจน

g เป็นการกล่าวพาดพิงถึงการข้ามทะเลต้นกก (อพย 14:30) และกองทัพชาวอียิปต์ถูกทำลาย อสค 29:3; 32:4

h "สัตว์ป่า" แปลตามตัวอักษรว่า "ประชาชนและสัตว์ในถิ่นทุรกันดาร"

i เป็นการกล่าวพาดพิงถึงการอัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงกระทำเมื่อคราวอพยพ (อพย 17:1-7; กดว 20:2-13) และการข้ามแม่น้ำจอร์แดน (ยชว 3) ซึ่งแสดงพระอานุภาพของพระผู้สร้าง  การระลึกถึงความช่วยเหลือจากพระเจ้าในอดีต (ข้อ 12-17) เป็นการปูทางไปหาคำอ้อนวอนในตอนจบของเพลงสดุดี (ข้อ18-23)

j ประกาศกโฮเชยาเปรียบเทียบอิสราเอลกับนกพิราบ (ฮชย 7:11; 11:11 เทียบ พซม 5:2) ต้นฉบับภาษากรีกและซีเรียค อ่านว่า "จิตวิญญาณที่สรรเสริญพระองค์"

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

Sinapis เมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจา

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก