เพลงสดุดีที่ 60
คำอธิษฐานภาวนาเมื่อแพ้สงครามa
สดด บทนี้เป็นบทภาวนาอ้อนวอนส่วนรวมของประชากรอิสราเอลหลังจากประสบความปราชัยในการสงคราม ประชากรแสดงความผิดหวังที่พระเจ้าทรงช่วยฝ่ายข้าศึกให้มีชัยชนะ และวอนขอพระองค์ให้ทรงช่วยกอบกู้ตนให้รอดพ้นจากการถูกกดขี่ข่มเหง พระเจ้าทรงประกาศให้ประชาชนมีความมั่นใจว่า พระองค์ทรงเป็นเจ้าของแผ่นดิน และจะทรงแก้ไขสถานการณ์ในไม่ช้า เมื่อได้รับความมั่นใจเช่นนี้ ประชากรตกลงใจจะต่อสู้ต่อไปโดยไม่วางใจในกำลังของตน แต่จะวางใจในความช่วยเหลือจากพระเจ้าเท่านั้น เมื่อคริสตชนใช้ สดด บทนี้ภาวนา เขาอาจคิดถึงพระศาสนจักรซึ่งกำลังถูกคุกคามจากค่านิยมทางโลกของสังคมปัจจุบัน หรืออาจกำลังถูกเบียดเบียนในบางประเทศ เขาควรระลึกถึงและได้รับกำลังใจจากพระวาจาของพระคริสตเจ้าที่ว่า “ในโลกนี้ท่านจะมีความทุกข์ยาก แต่อย่าท้อแท้ เราชนะโลกแล้ว” (เทียบ ยน 16:33)
สำหรับหัวหน้านักขับร้อง ตามทำนองเพลง “ดอกลิลลี่เป็นพยาน” ของกษัตริย์ดาวิด มิคตาม ใช้สอน เมื่อทรงทำสงครามกับชาวเมโสโปเตเมียและชาวอารัมแห่งโศบาห์ และเมื่อโยอับกลับมาแล้วไปฆ่าชาวเอโดมหนึ่งหมื่นสองพันคนในหุบเขาเกลือ
1ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าทั้งหลาย ทรงบันดาลให้กระจัดกระจาย
พระองค์ทรงพระพิโรธ แต่บัดนี้โปรดประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายอีกเถิด
2พระองค์ทรงบันดาลให้แผ่นดินสั่นสะเทือนและแตกแยก
โปรดทรงประสานรอยร้าวนี้ เพราะแผ่นดินกำลังโคลงเคลงb
3พระองค์ทรงบันดาลให้ประชากรต้องประสบความยากลำบาก
ทรงบังคับข้าพเจ้าทั้งหลายให้ดื่มเหล้าองุ่นที่ทำให้เวียนศีรษะ
4พระองค์ทรงส่งสัญญาณcให้แก่ผู้ที่ยำเกรงพระองค์
เพื่อเขาจะได้หลบหนีพ้นจากระยะยิงของคันธนู
(พักครู่หนึ่ง)
5ขอพระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยพระหัตถ์ขวา และทรงฟังข้าพเจ้า
เพื่อผู้ที่พระองค์ทรงรักจะได้รอดพ้น
6พระเจ้าทรงมีพระดำรัสจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์dว่า
“เราจะฉลองชัย เราจะแบ่งเมืองเชเคมe
และจะรังวัดหุบเขาสุคคท
7กิเลอาดเป็นของเรา มนัสเสห์ก็เป็นของเรา
เอฟราอิมคือหมวกเกราะคุ้มกันศีรษะของเรา
ยูดาห์คือคทาจอมทัพของเรา
8โมอับคืออ่างล้างชำระของเรา
เราจะโยนรองเท้าของเราไว้บนเอโดมf
เราจะโห่ร้องฉลองชัยเหนือฟีลิสเตีย”g
9ใครจะนำข้าพเจ้าเข้าไปในนครที่มีป้อมปราการ
ใครจะนำทางข้าพเจ้าไปถึงเอโดม
10ข้าแต่พระเจ้า มิใช่พระองค์หรือที่ทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าทั้งหลาย
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ไม่เสด็จไปกับกองทัพของข้าพเจ้าทั้งหลายอีกh
11ขอพระองค์ประทานความช่วยเหลือแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในความทุกข์ร้อน
ความช่วยเหลือจากมนุษย์ไม่เกิดประโยชน์ใด
12เมื่ออยู่กับพระเจ้า พวกเราจะมีชัยชนะ
พระองค์จะทรงเหยียบย่ำศัตรูของเรา
60 a เพลงสดุดีบทนี้มีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับ สดด 44 และ 80 ข้อ 5-8 จะพบได้อีกใน สดด 108:6-13 เป็นพระสัญญาว่า ในอนาคตพระองค์จะทรงรวมอิสราเอลเข้าเป็นอาณาจักรเดียวเช่นในสมัยของกษัตริย์ดาวิด ซึ่งครอบคลุมทั้งเอโดม เอฟราอิมและกิเลอาด (ดู อสย 11:13-14; อบด)
b ผู้นิพนธ์บรรยายถึงการปราชัยของอิสราเอลโดยใช้ภาษาสัญลักษณ์แบบวิวรณ์ (apocalyptic) ว่าเป็นเหมือนหายนะเมื่อสิ้นโลก
c การส่งสัญญาณเป็นวิธีสั่งให้กองทัพเข้าโจมตีข้าศึก (อพย 17:15; อสย 5:26; 11:10; 49:22; 62:10; พซม 2:4) แต่ที่นี่เป็นสัญญาณถอยทัพ (ดู ข้อ 10)
d “จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์” ยังแปลได้อีกว่า “ตามความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์” เป็นการยืนยันว่าพระสัญญาจะเป็นจริงแน่ๆ
e “เมืองเชเคม” เป็นการพูดพาดพิงในแง่ลบถึงชาวสะมาเรียที่ขัดขวางการสร้างกรุงเยรูซาเล็มหลังกลับจากเนรเทศ (เทียบ นหม 3:33ฯ) * การอ้างถึงเมืองเชเคมและสุคคท (ปฐก 33:17-18) เป็นการกล่าวพาดพิงถึงการเดินทางของยาโคบเมื่อกลับมาจากปาดาน-อารัม เข้ามาในแผ่นดินคานาอัน ผู้นิพนธ์ระลึกถึงอดีตและหวังว่าในอนาคตเมืองทั้งสองนี้จะกลับมาเป็นของอาณาจักรยูดาห์อีก
f การทิ้งรองเท้าเป็นธรรมเนียมโบราณ (ฉธบ 25:9; นรธ 4:7) แสดงการยึดครองกรรมสิทธิ์
g “โห่ร้องฉลองชัยเหนือฟีลิสเตีย” แปลโดยคาดคะเนตาม สดด 108:9 * ต้นฉบับภาษาฮีบรูแปลตามตัวอักษรว่า “ฟีลิสเตียเอ๋ย จงโห่ร้องฉลองชัยเหนือเราเถิด” ซึ่งถ้าแปลเช่นนี้ ข้อความนี้ก็เป็นการประชดประชัน
h ผู้นิพนธ์เพลงสดุดีแสดงความรู้สึกอาลัยถึงอดีต ขณะนั้นเขาอยู่ในแผ่นดินที่ถูกชนชาติเพื่อนบ้านเข้าแย่งชิงและปล้น จึงอดไม่ได้ที่จะคิดย้อนอดีตถึงยุคทองของกษัตริย์ดาวิด ผู้ทรงกระทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าประทานชัยชนะให้เสมอ