เพลงสดุดีที่ 51
บทภาวนาแสดงความเสียใจที่ทำบาปa
เพลงอ้อนวอนบทนี้เป็นที่รู้จักดีที่สุดในบรรดา "เพลงสดุดีขอสมาโทษ" ทั้งเจ็ดบท เพราะพระศาสนจักรใช้บ่อยมากในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ (ทำวัตร) สดด บทนี้เป็นคำภาวนาจากใจจริงด้วยความถ่อมตนขอให้พระเจ้าทรงลบล้างความสับสนวุ่นวาย ทั้งส่วนตัวและส่วนรวมอันเกิดจากบาป ผู้ประพันธ์สารภาพบาปของตนและขอพระเจ้าทรงให้อภัยเพราะเขามั่นใจในความดีหาขอบเขตมิได้ของพระองค์ อุปมาเรื่องลูกล้างผลาญ (ลก 15:11-32) สอนความจริงเรื่องนี้อย่างชัดเจน เพลงสดุดีบทนี้จึงเป็นบทภาวนางดงาม ที่คริสตชนทุกคนควรใช้แสดงความสำนึกถึงบาปของตนบ่อยๆ
สำหรับหัวหน้านักขับร้อง เพลงสดุดีของกษัตริย์ดาวิด เมื่อประกาศกนาธันเข้าเฝ้า หลังจากที่ทรงทำบาปกับนางบัทเชบา
1 ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าตามความรักมั่นคงของพระองค์เถิด
โปรดทรงลบล้างการล่วงละเมิดของข้าพเจ้าเพราะพระกรุณาของพระองค์
2 โปรดทรงล้างข้าพเจ้าให้สะอาดหมดจดจากความผิดของข้าพเจ้า
โปรดชำระข้าพเจ้าให้บริสุทธิ์จากบาปที่ข้าพเจ้าได้กระทำ
3 เพราะข้าพเจ้าตระหนักดีถึงการล่วงละเมิดของตน
บาปของข้าพเจ้าอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้าเสมอ
4 ข้าพเจ้าทำบาป ผิดต่อพระองค์ พระองค์แต่ผู้เดียว
ข้าพเจ้ากระทำสิ่งที่ทรงเห็นว่าชั่วร้าย
ข้าพเจ้ายอมรับผิด เพื่อพระองค์จะทรงสำแดงความเที่ยงธรรมที่ทรงช่วยให้รอดพ้น เมื่อทรงพิพากษา
และจะทรงชนะคดี เมื่อทรงถูกไต่สวนb
5 ใช่แล้ว ข้าพเจ้ามีความผิดตั้งแต่เกิด
เป็นคนบาปตั้งแต่มารดาตั้งครรภ์c
6 ถูกแล้ว พระองค์ทรงปรารถนาความจริงใจในข้าพเจ้า
ทรงสอนปรีชาญาณในส่วนลึกของจิตใจข้าพเจ้าd
7 โปรดทรงชำระข้าพเจ้าด้วยกิ่งหุสบe แล้วข้าพเจ้าจะบริสุทธิ์
โปรดทรงล้างข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะขาวกว่าหิมะ
8 ขอให้ข้าพเจ้าประสบความชื่นบานและยินดี
และกระดูกที่พระองค์ทรงหักจะเปรมปรีดิ์ที่หายเป็นปรกติ
9 โปรดเบือนพระพักตร์จากบาปของข้าพเจ้า
และทรงลบล้างความผิดของข้าพเจ้าให้สิ้นไป
10 ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงสร้างfใจที่ใสสะอาดไว้ในข้าพเจ้า
โปรดทรงฟื้นฟูดวงจิตของข้าพเจ้าให้มั่นคง
11 ขออย่าทรงผลักไสข้าพเจ้าไปจากพระพักตร์
ขออย่าทรงยกพระจิตศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ออกจากข้าพเจ้าเลยg
12 ขอพระองค์ประทานความชื่นชมที่ทรงช่วยให้รอดพ้นคืนให้ข้าพเจ้า
ขอพระองค์ทรงค้ำจุนจิตเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไว้ในข้าพเจ้า
13 ข้าพเจ้าจะได้สอนผู้ล่วงละเมิดให้รู้จักทางของพระองค์
แล้วคนบาปก็จะกลับมาหาพระองค์
14 ข้าแต่พระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากโทษประหารh
แล้วลิ้นของข้าพเจ้าจะร้องสรรเสริญความเที่ยงธรรมของพระองค์
15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงเผยริมฝีปากของข้าพเจ้า
แล้วปากของข้าพเจ้าจะกล่าวสรรเสริญพระองค์
16 พระองค์ไม่พอพระทัยเครื่องบูชา
ถ้าข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชา พระองค์จะไม่ทรงรับ
17 ข้าแต่พระเจ้า เครื่องบูชาของข้าพเจ้าคือดวงจิตที่เป็นทุกข์
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ไม่ทรงรังเกียจใจที่เป็นทุกข์และถ่อมตน
18 ขอพระองค์ทรงกระทำดีต่อศิโยนด้วยพระทัยกรุณา
ขอทรงสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่i
19 แล้วพระองค์จะพอพระทัยในเครื่องบูชาที่ทรงกำหนดj
ทั้งสัตว์และธัญบูชาที่ต้องเผาทั้งหมด
โคเพศผู้ก็จะถูกนำมาถวายยังพระแท่นบูชาของพระองค์
51 aเพลงสดุดีบทนี้เป็นบทหนึ่งในชุด "เพลงสดุดีขอสมาโทษ" (ดู สดด 6:1 เชิงอรรถ a) มีเนื้อหาคล้ายกับวรรณกรรมของประกาศก โดยเฉพาะ อสย และ อสค
b "ข้าพเจ้ายอมรับผิด...... ทรงถูกไต่สวน" แปลตามสำนวนแปลโบราณ พระเจ้าทรงเที่ยงธรรมอย่างยิ่ง เมื่อประทานอภัยก็ทรงแสดงอำนาจเหนือความชั่วร้ายและทรงชัยชนะเหนือบาป
c มนุษย์ทุกคนเกิดมาในสภาพมีมลทิน โยบ 14:4 เชิงอรรถ c ดู สภษ 20:9 ซึ่งยอมรับว่ามนุษย์มีความโน้มเอียงทางชั่ว (ปฐก 8:21) ผู้นิพนธ์เพลงสดุดีอ้างถึงความอ่อนแอตามธรรมชาติเช่นนี้ของมนุษย์เป็นเหตุผลทำให้ความผิดเบาลง (เทียบ 1 พกษ 8:46) ซึ่งพระเจ้าน่าจะทรงคำนึงถึง
d คำที่ใช้ในข้อนี้แสดงถึงส่วนลึกในจิตใจของมนุษย์ที่พระเจ้าทรงเห็นและทรงเปลี่ยนแปลงได้ เทียบ สดด 7:9; 16:7; 33:15
e "หุสบ" เป็นไม้พุ่มเตี้ยๆ มักจะใช้จุ่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ประพรมในพิธีชำระมลทิน
f "สร้าง" (ฮบ bara) กริยานี้ในภาษาฮีบรูมีพระเจ้าเป็นประธานเสมอ หมายถึงการที่พระองค์ทรงกระทำให้สิ่งใหม่และน่าอัศจรรย์เกิดขึ้น ปฐก 1:1; อพย 34:10; อสย 48:7; 65:17; ยรม 31:21-22 การบันดาลความชอบธรรมแก่คนบาปเป็นงานที่น่าพิศวงที่สุดของพระเจ้า เทียบได้กับงานเนรมิตสร้างโลกทีเดียว ดู อสค 36:25ฯ; ยรม 31:33; 32:39-40
g "พระจิตศักดิ์สิทธิ์" ในที่นี้ถือว่าเป็นหลักศีลธรรมและศาสนา ไม่ว่าของปัจเจกบุคคล (สดด 143:10; ปชญ1:5; 9:17) หรือของชนทั้งชาติ (นหม 9:20; อสย 63:11; ฮกก 2:5) จิตนี้เป็นคุณลักษณะของมนุษย์ที่พระเจ้าประทานให้
h "โทษประหาร" แปลตามตัวอักษรว่า "เลือด" ประกาศกเอเสเคียลเรียกกรุงเยรูซาเล็มว่า "นครเปื้อนเลือด" (ดู อสค 7:23; 9:9; 22:2; 24:6) ข้อความนี้บางคนคิดว่าเป็นการพาดพิงถึงการที่กษัตริย์ดาวิดทรงสั่งให้อูรียาห์ถูกฆ่าในสนามรบ (2 ซมอ 12:9) แต่บางคนคิดว่าหมายถึงความตายโหงของคนชั่ว นับเป็นการที่พระเจ้าทรงลงโทษบาปที่เขากระทำ
i ข้อ 18-19 นี้ดูเหมือนเป็นข้อความเพิ่มเติมในสมัยระหว่างการเนรเทศ แสดงความปรารถนาที่จะรื้อฟื้นการถวายเครื่องบูชาในพระวิหารอีกครั้งหนึ่งเมื่อประชากรอิสราเอลได้รับการชำระล้างแล้ว
เมื่อกลับจากถิ่นเนรเทศแล้ว การสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่นับว่าเป็นเครื่องหมายแสดงว่าพระเจ้าทรงอภัยบาปให้อิสราเอลแล้ว อสย 60-62; ยรม 30:15-18; อสค 36:33
j การถวายบูชาในกรุงเยรูซาเล็มที่สร้างขึ้นใหม่จะมีค่าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เพราะจะเป็นการถวายบูชาด้วยความศรัทธาและจริงใจ ข้อ 19 นี้อาจถูกเพิ่มเติมเพื่อแก้ความเข้าใจผิดที่อาจจะเกิดขึ้นจากข้อ 16 ที่ว่าพระเจ้าไม่พอพระทัยเครื่องบูชา