ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันอังคารที่ 30 พฤษภาคม 2017
สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา
บทอ่าน กจ 20:17-27 / ยน 17:1-11ก
         เปาโลได้กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายก็ทราบแล้วว่า ตั้งแต่วันแรกที่ข้าพเจ้าเข้ามาในแคว้นเอเชีย  ข้าพเจ้าได้ประพฤติอย่างไรกับทุกท่านตลอดเวลา ข้าพเจ้าได้รับใช้พระเป็นเจ้าด้วยความถ่อมใจ ด้วยน้ำตา  และด้วยการถูกทดลอง ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า จากความคิดร้ายของพวกยิว”เช่นเดียวกับเปาโล

เราแต่ละคนได้รับพันธกิจจากพระเยซูเจ้า เป็นพันธกิจที่ไม่มีใครสามารถให้ได้ ถ้าเราละเลยที่จะทำพันธกิจนั้น มันก็จะไม่มีใครอื่นสามารถจะทำมันได้เหมือนกับเรา งานของเราก็คือการทำให้การแข่งขันจบสิ้น เราไม่ได้ต้องแข่งขันกับใคร เราต้องการที่จะวิ่งไปด้วยตัวเราเอง
 
        ในงานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้าย พระเยซูเจ้าได้ตรัสกับบรรดาสานุศิษย์ของพระองค์ ในฐานะเป็นคนกลาง โดยใช้พระวาจาที่พระองค์ตรัสกับพระบิดาเจ้าโดยตรง ขณะที่พระสงฆ์ในอิสราเอลได้วิงวอนขอพระเป็นเจ้าสำหรับประชาชน พระเยซูเจ้าได้วิงวอนขอพระเป็นเจ้าสำหรับบรรดาสานุศิษย์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์กำลังจะจากไป เพื่อกลับไปหาพระบิดาเจ้า พระองค์ได้สวดวิงวอนสำหรับบรรดาสานุศิษย์ปัจจุบันและในอนาคต เพราะพระองค์ทรงทราบว่าพันธกิจของพระองค์นั้น คือการเผยแสดงพระบิดาเจ้า ที่จะต้องได้รับการทำอย่างต่อเนื่องทุกชั่วอายุคน
 
       นักบุญโยนออฟอาร์ค เปรียบเหมือนกับดวงดาวที่ขึ้นบนฟากฟ้า ในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสและอังกฤษ ท่ามกลางเรื่องราวของบรรดานักบุญ ชีวิตและเรื่องราวของเธออยู่ในความทรงจำของเรา บรรดาสตรีได้เลียนแบบเธอ บรรดาบุรุษแปลกใจในความกล้าหาญของเธอ แม้เวลาจะผ่านไป 500 ปี แต่ว่าการเจริญชีวิตแบบพิศเพ่งของเธอ การเดินตามกระแสเรียก การเป็นตัวตัวเอง ความวางใจ แม้แต่การทรยศและความขัดแย้ง ก็ยังเป็นที่ประทับใจของเราอยู่เสมอ เธอจึงเป็นบุคคลที่เจริญชีวิตตามพันธกิจที่เธอได้รับมาจากพระเยซูเจ้าอย่างครบถ้วน จึงมีการนำเอาเรื่องราวของเธอ ไปเขียนเป็นหนังสือ บทละคร การแสดงโอเปร่า และแม้แต่ภาพยนตร์”ข้าแต่ท่านนักบุญโยนออฟอาร์ค ช่วยวิงวอนเทอญ”