ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันเสาร์ที่ 11 มีนาคม  2017
สัปดาห์ที 1 เทศกาลมหาพรต
บทอ่าน ฉธบ 26:16-19 / มธ 5:43-48
        พระสงฆ์ท่านหนึ่งได้รับมอบหมายให้ไปรับผิดชอบดูแลวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ท่านพยายามที่จะช่วยให้อาจารย์ผู้หญิงสองคน ได้เลิกทะเลาะกันและคืนดีกัน

ท่านได้ไปพบกับอาจารย์ท่านหนึ่งก่อน ปรากฏว่าเธอได้ยืนขึ้นทุบโต๊ะ แล้วก็ตะโกนว่า “คุณพ่อคะ ดิฉันยกโทษให้เธอแล้ว แต่ดิฉันไม่ต้องการที่จะเห็นหน้าเธออีกต่อไป”


พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้อง และเราก็รู้ว่าพระองค์ทรงเรียกร้องอะไรจากเรา เรามักจะพูดกันเสมอว่า “ให้รักเพื่อนร่วมชาติ แต่ให้เกลียดศัตรู”
 ถ้าเราได้ยินพระองค์ตรัสดังนี้ เราคงจะมีความสุข เมื่อกลับไปบ้าน และจะไม่นึกถึงมันอีกต่อไป
โดยคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชอบธรรมแล้ว แต่พระเยซูเจ้าไม่ได้หยุดแค่นั้น พระองค์ได้ให้บทบัญญัติใหม่ ซึ่งเรียกร้องมากกว่าเดิม เมื่อพระองค์ได้ตรัสว่า “จงรักศัตรู และจงสวดภาวนาสำหรับผู้ที่เบียดเบียนท่าน”

เรามักจะถามว่า “แล้วเราจะรักคนที่เกลียดเราได้อย่างไร? ถ้าเรารักเขา แต่เขาไม่หยุดที่จะเป็นศัตรูกับเรา เรายังจะต้องรักเขาใช่หรือไม่?”
 ถ้าเราเกลียดเขา เราสามารถเข้าใจได้ แต่ที่จะรักพวกเขานั้น มันเป็นวิธีการของพระเยซูเจ้า ซึ่งได้ตรัสว่า “อย่ามีศัตรู อย่างน้อยที่สุดจากมุมมองของท่าน จงรักพวกเขาโดยทำตัวเป็นเพื่อนกับเขา” สิ่งนี้เป็นอุดมคติที่ละเอียดอ่อนมาก และเป็นบัญญัติที่ลำบากที่สุด ที่เราจะประพฤติตามวิธีการของพระองค์…”
ถ้าชายคนหนึ่งดูถูกข้าพเจ้า ฆ่าบิดาข้าพเจ้า แม่ของข้าพเจ้า น้องชายข้าพเจ้า และทำลายดวงตาของข้าพเจ้า ในฐานะเป็นคริสตชน เป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าที่จะให้อภัยเขา แม้เขาเป็นศัตรูของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องให้อาหาร เครื่องดื่ม และจะต้องวอนขอพระเป็นเจ้า ให้เมตตาวิญญาณของเขา และข้าพเจ้าจะอ้อนวอนพระเป็นเจ้าว่า “ข้าแต่พระเป็นเจ้า ลูกวอนขอพระองค์ โปรดยกโทษลูก เหมือนอย่างที่ลูกได้ยกโทษให้แก่ศัตรู” (นักบุญSt. Kosmas Aitolos)...
มาร์ติน ลูเธอร์คิง ได้เคยกล่าวว่า “ความรักคือพลังแต่อย่างเดียว ที่สามารถจะเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร”...
อับราฮัม ลินคอล์น ได้เคยกล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้ทำลายศัตรูของข้าพเจ้าหรือ เมื่อเข้าเจ้าได้ทำตัวเป็นเพื่อนกับพวกเขา?”