“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

31 1วันนั้น พระยาห์เวห์ตรัส เราจะเป็นพระเจ้าของทุกเผ่าแห่งอิสราเอล และเขาจะเป็นประชากรของเรา

2พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า

“ประชากรที่รอดชีวิตจากดาบ

ได้พบพระกรุณาในถิ่นทุรกันดารa

ขณะที่อิสราเอลเดินไปหาที่พักผ่อน

3พระยาห์เวห์ทรงสำแดงพระองค์แก่เขาจากที่ไกล ตรัสว่า

เรารักท่านด้วยความรักนิรันดร

ดังนั้น เราจึงมีความรักมั่นคงต่อท่านตลอดไป

4อิสราเอลพรหมจารีเอ๋ย

เราจะสร้างท่านอีก และท่านจะถูกสร้างขึ้นใหม่

ท่านจะแต่งตัวงดงามถือรำมะนาอีก

ออกไปเต้นรำกับผู้ที่ฉลองยินดี

5ท่านจะปลูกสวนองุ่นบนภูเขาของสะมาเรียอีก

ผู้ปลูกจะปลูก และเก็บผลผลิต

6วันนั้นจะมาถึง เมื่อคนยามจะร้องเรียกบนภูเขาแห่งเอฟราอิมว่า 

          ‘จงลุกขึ้นเถิด เราจงไปยังศิโยนกันเถิด

ไปเฝ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา’”b

          7พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า

                    “จงร้องเพลงด้วยความยินดีสำหรับยาโคบ

          และโห่ร้องต้อนรับผู้นำของนานาชาติ

                    จงประกาศสรรเสริญร้องว่า

          ‘พระยาห์เวห์ทรงช่วยประชากรของพระองค์cให้รอดพ้น

                    คือผู้ที่รอดชีวิตของอิสราเอล’

          8ดูซิ เราจะนำเขาทั้งหลายกลับมาจากแผ่นดินทางทิศเหนือ

                    และจะรวบรวมเขาทั้งหลายมาจากปลายแผ่นดิน

          ในหมู่เขาจะมีทั้งคนตาบอด คนขาพิการ หญิงมีครรภ์ และหญิงที่กำลังคลอดบุตร

                    เขาทั้งหลายจะกลับมาที่นี่พร้อมกันเป็นหมู่ใหญ่

          9เขาทั้งหลายกลับมาด้วยน้ำตานองหน้า

                    เราจะนำเขากลับมาด้วยความเมตตาสงสารd

          เราจะนำเขาให้เดินไปยังธารน้ำ

                    ให้เดินในทางตรงที่เขาจะไม่สะดุด

          เพราะเราเป็นบิดาสำหรับอิสราเอล

                    และเอฟราอิมเป็นบุตรคนแรกของเรา”

          10ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงฟังพระวาจาพระยาห์เวห์เถิด

                    จงประกาศพระวาจานั้นแก่ชนชาติที่อาศัยตามเกาะห่างไกล

          จงกล่าวว่า ‘พระองค์ผู้ทรงบันดาลให้อิสราเอลกระจัดกระจายไป

จะทรงรวบรวม และจะทรงดูแลเขาอย่างผู้เลี้ยงดูแลฝูงแกะของตน’

                11เพราะพระยาห์เวห์ทรงกอบกู้ยาโคบไว้แล้ว

                    ทรงไถ่เขามาจากมือศัตรูที่แข็งแรงกว่าเขา

                12เขาทั้งหลายจะมาและร้องเพลงด้วยความยินดีบนที่สูงแห่งศิโยน

                    เขาจะหลั่งไหลมารับพระพรที่พระยาห์เวห์ประทานให้

          คือมารับข้าวสาลี เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมันมะกอกเทศ

                    มารับลูกแพะแกะและลูกโค

          ชีวิตของเขาทั้งหลายจะสดชื่นเหมือนสวนที่มีน้ำรด

                    เขาจะไม่อ่อนเพลียอีกต่อไป

                13เวลานั้น บรรดาหญิงพรหมจารีจะเต้นรำด้วยความยินดี

                    ทั้งชายหนุ่มและผู้อาวุโสจะร่าเริง

          เราจะเปลี่ยนการไว้ทุกข์ของเขาให้กลับเป็นความชื่นบาน

                    เราจะปลอบโยนเขาและให้ความยินดีแก่เขาแทนความทุกข์

                14เราจะบันดาลให้บรรดาสมณะได้รับส่วนแบ่งจากของถวายอย่างอุดมสมบูรณ์

                    และประชากรของเราจะได้รับพรจากเราจนพอใจ”

          พระยาห์เวห์ตรัส

                15พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า

“มีผู้ได้ยินเสียงที่หมู่บ้านรามาห์

เป็นเสียงคร่ำครวญและร่ำไห้อย่างขมขื่น

นางราเคลร้องไห้คร่ำครวญถึงบรรดาบุตรe

นางไม่ยอมรับการปลอบโยน

เพราะบุตรของนางไม่มีอีกแล้ว”f

16พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า

จงหยุดร้องไห้คร่ำครวญเถิด

จงเช็ดน้ำตาจากดวงตาของท่าน

เพราะความเหน็ดเหนื่อยของท่านจะได้รับรางวัล

17ยังมีความหวังสำหรับอนาคตของท่าน

  • พระยาห์เวห์ตรัส

ลูกหลานของท่านจะกลับมายังเขตแดนของตน

18เราได้ยินเอฟราอิมคร่ำครวญว่า

พระองค์ทรงตีสอนข้าพเจ้า

และข้าพเจ้าก็ได้รับการตีสอน

เหมือนโคหนุ่มที่ยังไม่เชื่อง

โปรดทรงนำข้าพเจ้ากลับมา

แล้วข้าพเจ้าก็จะกลับมา

เพราะพระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า

                19หลังจากที่หลงไป ข้าพเจ้าก็สำนึกผิด

หลังจากที่ได้รับบทเรียนแล้ว

ข้าพเจ้าก็ข้อน-อกg

ข้าพเจ้าอับอายและขายหน้า

เพราะข้าพเจ้าสำนึกถึงความอัปยศที่มีตั้งแต่วัยหนุ่ม

                20เอฟราอิมเป็นบุตรที่รักของเรามิใช่หรือ

เป็นเด็กที่เราโปรดปรานมิใช่หรือ

ทุกครั้งที่เราว่ากล่าวเขา

เราก็ยังระลึกถึงเขาอยู่

ดังนั้น เราจึงรู้สึกสงสารเขา

เราจะแสดงความกรุณาต่อเขาอย่างแน่นอน

พระยาห์เวห์ตรัส               

21“จงปักเสา จงตั้งป้ายบอกทางไว้สำหรับตน

จงตั้งใจมองทางหลวง

คือทางซึ่งท่านได้เดินไป

อิสราเอลพรหมจารีเอ๋ย จงกลับมาเถิด

จงกลับมายังหัวเมืองเหล่านี้ของท่าน

                22 บุตรหญิงผู้ทรยศเอ๋ย

ท่านจะเร่ร่อนอยู่อีกนานสักเท่าใด

เพราะพระยาห์เวห์ทรงสร้างสิ่งใหม่บนแผ่นดินแล้ว

คือ หญิงจะเป็นผู้เกี้ยวพาราสีชาย”h

พระสัญญาจะสถาปนายูดาห์ขึ้นใหม่i

                23พระยาห์เวห์จอมจักรวาลพระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ “ผู้คนจะใช้คำเหล่านี้อีกในแผ่นดินยูดาห์และในเมืองต่างๆ เมื่อเราจะนำเชลยกลับมาว่า

          ‘ที่พำนักแห่งความชอบธรรม

ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เอ๋ย

ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรท่านเถิด’”

                24ยูดาห์และหัวเมืองทั้งหลาย บรรดาชาวนาและผู้ต้อนฝูงแพะแกะจะอาศัยอยู่ด้วยกันในแผ่นดินนี้ 25เพราะเราจะทำให้ผู้เหน็ดเหนื่อยมีกำลังใจ และให้จิตใจที่เหนื่อยล้ามีกำลังเข้มแข็ง”

                26แต่บัดนี้ ข้าพเจ้าตื่นขึ้นและมองดู

                    ก็เห็นว่าตนได้นอนหลับอย่างเป็นสุขj

อิสราเอลและยูดาห์

                27ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง พระยาห์เวห์ตรัส เมื่อเราจะทำให้อิสราเอลและยูดาห์มีผู้คนและสัตว์เลี้ยงทวีจำนวนขึ้นมากมาย เหมือนการหว่านพืชพันธุ์ที่จะให้ผลอย่างบริบูรณ์** 28ครั้งหนึ่งเราเคยเฝ้าดูเขาเพื่อถอนรากและพังทลาย เพื่อทำลาย รื้อลง และนำเหตุร้ายมาฉันใด เราจะเฝ้าดูเขาเพื่อจะสร้างและปลูกขึ้นฉันนั้น พระยาห์เวห์ตรัส

การตอบแทนการกระทำของแต่ละคนk

                29ในวันเหล่านั้น จะไม่มีผู้ใดพูดอีกว่า

          “บิดากินองุ่นเปรี้ยว

                   และบุตรก็เข็ดฟัน”

                30แต่ทุกคนจะต้องตายเพราะความผิดของตน มนุษย์แต่ละคนที่กินองุ่นเปรี้ยวก็จะเข็ดฟัน

 

พันธสัญญาใหม่l

          31“ดูซิ วันเวลาจะมาถึง พระยาห์เวห์ตรัส เมื่อเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับพงศ์พันธุ์อิสราเอลและพงศ์พันธุ์ยูดาห์ 32จะไม่เหมือนกับพันธสัญญาที่เราทำไว้กับบรรพบุรุษของเขา เมื่อเราจูงมือเขาให้ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เขาได้ละเมิดพันธสัญญานั้น แม้ว่าเราเป็นเจ้านายของเขา” พระยาห์เวห์ตรัส 33“นี่จะเป็นพันธสัญญาที่เราจะทำกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลเมื่อเวลานั้นมาถึง” พระยาห์เวห์ตรัส “เราจะใส่ธรรมบัญญัติของเราไว้ภายในเขา เราจะเขียนธรรมบัญญัติไว้ในใจของเขา เราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา 34ไม่มีผู้ใดจะต้องสอนเพื่อนบ้านของตน หรือบอกพี่น้องของตนอีกต่อไปว่า ‘จงรู้จักพระยาห์เวห์เถิด’ เพราะทุกคนจะรู้จักเรา ตั้งแต่คนเล็กน้อยที่สุดจนถึงคนใหญ่โตที่สุด” พระยาห์เวห์ตรัส “เราจะให้อภัยความผิดของเขา และจะไม่ระลึกถึงบาปของเขาอีกต่อไป”

อิสราเอลจะคงอยู่ต่อไป

            35พระยาห์เวห์ผู้ทรงจัดให้ดวงอาทิตย์ส่องแสงเวลากลางวัน

ทรงกำหนดmให้ดวงจันทร์และดวงดาวส่องแสงเวลากลางคืน

ทรงกวนทะลให้ปั่นป่วน ทำให้ส่งเสียงคำราม

พระนามพระองค์คือพระยาห์เวห์จอมจักรวาล ตรัสว่า

36“ถ้ากฎระเบียบนี้ต้องถูกยกเลิกต่อหน้าเรา

พระยาห์เวห์ตรัส

เชื้อสายของอิสราเอลก็จะยุติลง

ที่จะเป็นชนชาติหนึ่งต่อหน้าเราตลอดไป”

37พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า

“ถ้าสักวันหนึ่งจะมีผู้ใดวัดท้องฟ้าเบื้องบนได้

และสำรวจรากฐานของแผ่นดินเบื้องล่างได้

เราก็คงจะละทิ้งเชื้อสายทั้งหมดของอิสราเอล

เพราะกิจการทั้งหมดที่เขาได้ทำ”

พระยาห์เวห์ตรัส

กรุงเยรูซาเล็มจะสร้างขึ้นใหม่อย่างโอ่อ่าn

          38ดูซิ วันเวลาจะมาถึง พระยาห์เวห์ตรัส เมื่อนครนี้จะต้องสร้างขึ้นใหม่สำหรับพระยาห์เวห์ ตั้งแต่หอคอยฮานันเอลไปถึงประตูหัวมุม 39สายวัดจะถูกขึงเป็นเส้นตรงไปถึงเนินเขากาเรบ แล้วจะเลี้ยวไปถึงตำบลโกอาห์ 40หุบเขาซากศพและขี้เถ้า รวมทั้งทุ่งนาทั้งหมดจนถึงห้วยขิดโรน จนถึงมุมประตูม้าไปทางตะวันออก จะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่พระยาห์เวห์ นครนี้จะไม่มีวันถูกถอนรากหรือพังทลายอีกต่อไป

 

31 a การกล่าวถึงถิ่นทุรกันดารว่าเป็นภูมิหลังของการกลับใจ (ดู ฮชย 2:16 เชิงอรรถ p) ความคิดว่าการกลับจากแดนเนรเทศที่กรุงบาบิโลนเป็นการอพยพอีกครั้งหนึ่งนั้น พบได้ที่นี่และในข้อ 8-9, 21 ความคิดนี้จะถูกกล่าวถึงและขยายความอีกในภาคที่สองของหนังสืออิสยาห์ (ดู อสย 40:3)

b “เราจงไปยังศิโยนกันเถิด ไปเฝ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา” เอกภาพทางศาสนาจะเกิดขึ้นโดยมีสักการสถานแห่งศิโยนที่กรุงเยรูซาเล็มเป็นศูนย์กลาง

c “ของพระองค์” แปลตามต้นฉบับภาษากรีกและสำนวนแปลภาษาอาราเมอิก ภาษาฮีบรูว่า “ของท่าน”

d “ด้วยความเมตตาสงสาร” แปลตามตัวอักษรว่า “ด้วยการวอนขอ(พระกรุณา)” ต้นฉบับภาษากรีกได้แก้ไขข้อนี้ให้เหมือนกับ สดด 126:5-6 ว่า “เขาได้จากไปด้วยน้ำตานองหน้า แต่เราจะปลอบโยนเขาเมื่อเรานำเขากลับมา” “น้ำตานองหน้า” ในที่นี้คงหมายถึง “การร้องไห้เป็นทุกข์กลับใจ”

e นางราเคลเป็นภรรยาของยาโคบและมารดาของโยเซฟ ซึ่งเป็นบิดาของเอฟราอิม มนัสเสห์ และเป็นมารดาของเบนยามิน หลุมศพของนางอยู่ที่หมู่บ้านรามาห์ (1 ซมอ 10:2) ซึ่งในปัจจุบันชื่อว่า “แอร์ราม” อยู่ห่างจากกรุงเยรูซาเล็มทางทิศเหนือราว 10 กิโลเมตร ไม่ไกลจากเมืองเอฟราธาห์ (ดู ปฐก 35:19) ที่ชายแดนของชนเผ่าเบนยามิน (ยชว 18:25) เมืองเบธเลเฮมซึ่งมีชาวเอฟราธาห์อาศัยอยู่ ยังได้ชื่อ “เอฟราธาห์” ด้วย (มคา 5:1) จึงเกิดตำนานเรื่องหลุมศพของนางราเคลใกล้เมืองเบธเลเฮม (ดูข้อความเสริมที่ ปฐก 35:19)

f “บุตรของนางไม่มีอีกแล้ว” ตามตัวอักษรว่า “เขาทั้งหลายไม่มีอีกแล้ว” แปลตามสำนวนแปลโบราณต่างๆ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “พวกเรา (หรือ “เขา”) ไม่มีอีกแล้ว”

g “ข้อน-อก” แปลตามตัวอักษรว่า “ตีโคนขา” เป็นกริยาแสดงความรำคาญ เศร้าโศก หรือเสียใจ (เทียบ อสค 21:17)

h “หญิงจะเป็นผู้เกี้ยวพาราสีชาย” แปลตามตัวอักษรว่า “หญิงจะห้อมล้อมชาย” หมายถึงการเริ่มความสัมพันธ์รักใหม่ระหว่างอิสราเอลกับพระยาห์เวห์ซึ่งเป็นเสมือนสามี แต่เดิมพระยาห์เวห์ทรงพยายามชนะใจอิสราเอลให้มารักพระองค์ แต่บัดนี้อิสราเอลจะเต็มใจกลับมาแสวงหาพระยาห์เวห์ (ดู ฮชย 1:2 เชิงอรรถ b) ข้อความนี้มีความหมายเกี่ยวกับพระเมสสิย์เช่นเดียวกับ อสย 54:5ฯ

i คำประกาศพระวาจาตอนนี้และตอนต่อไป เกิดขึ้นราวปี 587 ก่อน ค.ศ. (ดู 30:1 เชิงอรรถ a)

j “ข้าพเจ้าตื่นขึ้น...อย่างเป็นสุข” เป็นข้อสังเกตของประกาศก อาจเป็นข้อความจากบทเพลงที่นิยมร้องกันในสมัยนั้น

** “เมื่อเราจะทำให้อิสราเอลและยูดาห์มีผู้คนและสัตว์เลี้ยง...อย่างบริบูรณ์” แปลตามตัวอักษรว่า “เมื่อเราจะหว่านอิสราเอลและยูดาห์ด้วยเมล็ดพันธุ์ของมนุษย์และสัตว์เลี้ยง”

k เช่นเดียวกับใน อสค 18:2 ที่ตรงนี้ประกาศกเยเรมีย์ปฏิเสธไม่เห็นด้วยกับคำพังเพยที่มักใช้กันทั่วไป เพื่อแสดงความเชื่อถือแต่โบราณเรื่องความรับผิดชอบส่วนรวม ซึ่งเข้าใจว่าสมาชิกทุกคนในครอบครัวต้องได้รับโทษเพราะความผิดของสมาชิกคนใดคนหนึ่ง ประกาศกกล่าวล่วงหน้าถึงหลักการใหม่ที่จะถูกใช้ในอนาคต คือ คนบาปจะถูกลงโทษตามความผิดของแต่ละคน ประกาศกเอเสเคียลกำลังจะกล่าวว่าเวลานั้นมาถึงแล้ว (ดู อสค 14:12 เชิงอรรถ d; 18)

l ข้อความนี้ (31:31-34) เป็นคำสอนสูงสุดของประกาศกเยเรมีย์เกี่ยวกับชีวิตจิต ชาวอิสราเอลได้ละเมิด (ข้อ 31; อสค 16:39) ความพยายามของกษัตริย์โยสิยาห์ที่จะปฏิรูปศาสนาคงอยู่เพียงชั่วเวลาสั้นๆ บัดนี้ เราเห็นได้ชัดว่าพระเจ้าทรงมีแผนการอื่น หายนะของชาติจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ทำให้มีชาวอิสราเอลรอดชีวิตเหลืออยู่เพียงจำนวนน้อย (อสย 4:3 เชิงอรรถ c) แต่หลังจากนั้นพระเจ้าจะทรงกระทำพันธสัญญาใหม่และถาวรกับเขาอีก (ข้อ 31) ดังที่เคยทรงทำไว้ในสมัยของโนอาห์ (อสย 54:9-10) พันธสัญญาใหม่นี้ยังมีเงื่อนไขเหมือนพันธสัญญาเดิม คือ ชาวอิสราเอลต้องปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ และพระเจ้าจะประทับอยู่กับเขาเพื่อประทานสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองให้เขา (อสค 36:29-30) อุดมการณ์นี้สรุปอยู่ในประโยคว่า “เราจะเป็นพระเจ้าของท่านทั้งหลาย และท่านจะเป็นประชากรของเรา” (ข้อ 33; 7:23; 11:4; 30:22; 31:1; 32:38; อสค 11:20; 36:28; 37:27; ศคย 8:8; ดู ฉธบ 7:6 เชิงอรรถ b) แต่พันธสัญญานี้จะเป็น “พันธสัญญาใหม่” จากเหตุผล 3 ประการ คือ (1) พระเจ้าทรงพร้อมจะอภัยบาปแก่ประชากร (ข้อ 34; สดด 51:1-2, 7; อสค 36:25, 29) (2) แต่ละคนจะต้องรับผิดชอบการกระทำของตน และจะได้รับรางวัลหรือโทษตามการกระทำนั้น (ข้อ 29; ดู อสค 14:12 เชิงอรรถ d) (3) การถือศาสนาจะต้องออกมาจากภายในใจ ธรรมบัญญัติไม่เป็นเพียงประมวลกฎหมายที่กำหนดกิจกรรมภายนอกเท่านั้น แต่ต้องเป็นพลังบันดาลใจให้ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าจากใจจริง (ข้อ 33; 24:7; 32:39) พลังบันดาลใจนี้ต้องมาจากพระจิตของพระเจ้าผู้ประทาน “ใจใหม่” (สดด 51:10; อสค 36:26-27 เทียบ ยรม 4:4 เชิงอรรถ a) “ใจใหม่” นี้จะ “รู้จัก” พระเจ้าได้ (ฮชย 2:22) พันธสัญญาใหม่และถาวรนี้ยังได้รับการประกาศจากเอเสเคียล (อสค 36:25-28) และจากบทท้ายๆ ของประกาศกอิสยาห์ (อสย 55:3; 59:21; 61:8; เทียบ บรค 2:35) และแสดงผลใน สดด 51 พันธสัญญาใหม่นี้จะเริ่มขึ้นเมื่อพระคริสตเจ้าจะทรงถวายพระองค์เป็นยัญบูชา (มธ 26:28//) และบรรดาอัครสาวกจะประกาศว่าพันธสัญญาใหม่นี้สำเร็จบริบูรณ์แล้ว (รม 11:27; 2 คร 3:6; ฮบ 8:6-13; 9:15ฯ; 1ยน 5:20 เชิงอรรถ i)

m “กำหนด” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ข้อกำหนด”

n ซากปรักหักพังของกรุงเยรูซาเล็มที่ชาวบาบิโลนทิ้งร้างไว้จะถูกสร้างขึ้นใหม่ “หอคอยฮานันเอล” อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกำแพงเมือง (นหม 3:1) “ประตูมุม” อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ (2 พกษ 14:13) “ประตูม้า” อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ (นหม 3:28) เราไม่รู้ว่า “เนินเขากาเรบ” อยู่ที่ไหน “ตำบลโกอาห์” ซึ่งพบได้ที่นี่เท่านั้น อาจตั้งอยู่ตรงที่ซึ่งหุบเขาทั้งสาม คือ เกเฮนนา ทีโรเปอัน และขิดโรน มาบรรจบกัน “หุบเขาซากศพและขี้เถ้า” (แปลตามตัวอักษรว่า “ขี้เถ้าปนไขมัน” ซึ่งมาจากสัตว์ที่ถวายเป็นเครื่องบูชา ดู ลนต 1:16; 4:12; 6:3-4) คือ “หุบเขาเกเฮนนา” (ยรม 7:31; 19:6) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเยรูซาเล็ม ส่วน “ห้วยขิดโรน” อยู่ทางตะวันออก การบรรยายถึงกรุงเยรูซาเล็มที่สร้างขึ้นใหม่นี้เป็นการเกริ่นล่วงหน้าถึงคำบรรยายของประกาศกเอเสเคียล ใน อสค 40-48

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก