4. 1วันนั้น หญิงเจ็ดคนจะยึดชายคนหนึ่งไว้ พูดว่า “พวกเราจะหาอาหารกินเอง จะหาเครื่องนุ่งห่มมาสวมด้วยตนเอง ขอเพียงให้พวกเราได้รับชื่อของท่านเป็นนาย โปรดช่วยปลดความอับอายให้พ้นจากพวกเราเถิด”a
พระยาห์เวห์ทรงปกป้องผู้รอดชีวิตที่กรุงเยรูซาเล็มb
2วันนั้น หน่ออ่อนที่พระยาห์เวห์จะโปรดให้งอกขึ้นจะงดงามและรุ่งโรจน์
ผลผลิตของแผ่นดินจะเป็นความภาคภูมิใจ
และเป็นเกียรติของชาวอิสราเอลผู้รอดชีวิต
3ผู้ที่รอดชีวิตเหลืออยู่ในศิโยนและผู้ที่ยังอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม
จะได้ชื่อว่า “ผู้ศักดิ์สิทธิ์”
คือทุกคนที่มีชื่อบันทึกไว้ให้มีชีวิตอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มc
4เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงล้างความโสโครกของบรรดาธิดาแห่งศิโยน
และจะทรงใช้พระอานุภาพของการพิพากษา
ซึ่งเป็นประดุจไฟมาชำระโลหิต
ที่ถูกหลั่งลงภายในกรุงเยรูซาเล็มให้หมดสิ้นไป
5แล้วพระยาห์เวห์จะทรงสร้างเมฆเวลากลางวัน
ทรงสร้างควันและแสงแห่งเปลวเพลิงเวลากลางคืนd
ทั่วไปบนภูเขาศิโยน
และเหนือประชาชนที่มาชุมนุมกันที่นั่น
พระสิริรุ่งโรจน์จะเป็นที่กำบังและปกป้องทุกสิ่ง
6จะเป็นเหมือนกระโจมให้ร่มบังแดดเวลากลางวัน
เป็นที่หลบภัยและที่กำบังจากพายุและฝน
4 a ในเมืองที่ชายฉกรรจ์จำนวนมากต้องตายในสงคราม (3:25-26) ผู้หญิงหลายคนจะมาขอ “ใช้นาม” ของชายคนเดียวกัน ซึ่งหมายความว่ายอมให้เขา “เป็นนาย” ในความหมายของสำนวนภาษาฮีบรู หญิงชาวกรุงเยรูซาเล็มซึ่งเคยหยิ่งผยองต้องกลายเป็นเพียง “นางบำเรอ”
b “หน่ออ่อน” และ “ผลผลิตของแผ่นดิน” อาจหมายถึง “พระเมสสิยาห์” (ยรม 23:5 = 33:15; ศคย 3:8; 6:12) หรืออาจหมายถึง “ผู้รอดชีวิต” ของอิสราเอล (ดู เชิงอรรถ g) ซึ่งเปรียบเหมือนต้นไม้ที่แตกหน่อขึ้นมาอีกในพื้นดินของปาเลสไตน์ – นักวิชาการมักจะคิดว่าข้อ 4-6 เป็นข้อความสมัยหลังเนรเทศที่ถูกเสริมเข้ามา
c อิสราเอลที่ไม่ซื่อสัตย์จะถูกพระเจ้าลงโทษ แต่เนื่องจากว่าพระเจ้าทรงรักประชากรของพระองค์ “ผู้รอดชีวิต” จำนวนไม่มากนักจะพ้นจากคมดาบของผู้รุกราน ความคิดเช่นนี้ ซึ่งพบแล้วบ่อยๆใน อมส 3:12; 5:15; 9:8-10 อิสยาห์จะนำมากล่าวซ้ำอีก 6:13; 7:3 เชิงอรรถ c และ 10:19-21; 28:5-6; 37:4 (= 2 พกษ 19:4); 37:31-32 เทียบ ยรม 3:14; 5:18; อสค 5:3,9; มคา 4:7; 5:2; ศฟย 2:7,9; 3:12-13 – บรรดา “ผู้รอดชีวิต” ซึ่งได้รับการชำระและมีความซื่อสัตย์แล้ว ที่เหลืออยู่ในกรุงเยรูซาเล็มนี้จะกลายเป็นชนชาติที่เข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง - หลังจากหายนะในปี 587 ก.ค.ศ. ได้มีความคิดใหม่เกิดขึ้น คือ “ผู้รอดชีวิต” นี้จะพบได้จากบรรดาผู้ถูกกวาดต้อนเป็นเชลยไปในแดนเนรเทศ (บรค 2:13; อสค 12:16) ในแดนเนรเทศเขาจะกลับใจมาหาพระเจ้า (อสค 6:8-10 – เทียบ ฉธบ 30:1-2) แล้วพระเจ้าจะทรงรวบรวมเขาทั้งหลายไว้สำหรับการฟื้นฟูในสมัยพระเมสสิยาห์ อสย 11:11,16; ยรม 23:3; 31:7; 50:20; อสค 20:37; มคา 2:12-13 - เมื่อกลับจากแดนเนรเทศ บรรดาผู้รอดชีวิตเหล่านี้จะไม่ซื่อสัตย์ จะถูกลดจำนวนลงอีก และจะได้รับการชำระ อบด 17 = ยอล 3:5; ฮกก 1:12; ศคย 1:3; 8:11; 13:8-9; 14:2 – ในเรื่องนี้ พระคริสตเจ้าทรงแสดงว่าพระองค์คือ “หน่อ” แท้จริงของอิสราเอลใหม่ที่ได้รับความศักดิ์สิทธิ์ 11:1,10 เทียบ 4:2; ยรม 23:3-6 *** ต่างจากอิสราเอล ชนชาติที่ไม่นับถือพระยาห์เวห์จะไม่มี “ผู้รอดชีวิตเหลืออยู่” 14:22,30; 15:9; 16:14; อสค 21:37; อมส 1:8; อบด 18.
d เป็นการรื้อฟื้นความจำถึงเสาเมฆหรือเสาเพลิงซึ่งนำชาวอิสราเอลเมื่ออพยพออกจากอียิปต์ - การกล่าวพาดพิงถึงการอพยพเป็นการยืนยันว่าบทประพันธ์บทนี้เขียนขึ้นในสมัยหลัง เทียบ 10:26 ซึ่งเป็นข้อความที่เสริมเข้ามา - 11:15-16 เป็นข้อความสมัยเนรเทศ และกล่าวถึงการกลับจากแดนเนรเทศประหนึ่งว่าเป็นการอพยพ(จากอียิปต์)อีกครั้งหนึ่งในอิสยาห์ที่สอง (60:3 เชิงอรรถ e)