“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

ปีศักดิ์สิทธิ์a

ก. ปีที่เจ็ด

25 1พระยาห์เวห์ตรัสสั่งโมเสสบนภูเขาซีนาย

          2ให้บอกชาวอิสราเอลว่า

          “เมื่อท่านทั้งหลายจะเข้าไปในแผ่นดินที่เรามอบให้แล้วนั้น แผ่นดินจะต้องมีเวลาพักเป็นเกียรติแด่พระยาห์เวห์ทุกเจ็ดปี 3ท่านจะหว่านพืชในทุ่งนา ลิดเถาองุ่นในสวนของท่านและเก็บพืชผลตลอดหกปี 4แต่ในปีที่เจ็ด แผ่นดินจะต้องมีเวลาพักเต็มที่เหมือนในวันสับบาโตเป็นเกียรติแด่พระยาห์เวห์ ท่านจะต้องไม่หว่านพืชในทุ่งนา ไม่ลิดเถาองุ่นในสวน 5ท่านจะต้องไม่เก็บเกี่ยวข้าวที่งอกขึ้นเอง และไม่เก็บผลองุ่นจากเถาที่ไม่ได้ลิด ปีนั้นจะต้องเป็นปีที่แผ่นดินมีเวลาพักเต็มที่ 6สิ่งที่แผ่นดินผลิตออกมาในปีที่มีเวลาพักนั้นจะเป็นอาหารเลี้ยงท่าน ทาสชายหญิงของท่าน ลูกจ้างและคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่กับท่าน 7สิ่งที่แผ่นดินผลิตนั้น จะเป็นอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงของท่าน ตลอดจนสัตว์ป่าที่อยู่ในแผ่นดินของท่านด้วย”

 

ข. ปีเป่าเขาสัตว์

          8“ท่านจะต้องนับระยะเวลาเจ็ดปีเจ็ดครั้ง จะได้รวมทั้งสิ้นสี่สิบเก้าปี 9ในวันที่สิบเดือนเจ็ด ท่านจะสั่งให้เป่าเขาสัตว์ ท่านจะสั่งให้ประกาศวันชดเชยบาปโดยเป่าเขาสัตว์ทั่วแผ่นดินของท่าน 10ท่านจะต้องประกาศว่าปีที่ห้าสิบนั้นเป็นปีศักดิ์สิทธิ์ และประกาศการปลดปล่อยสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดิน ปีนั้นจะได้ชื่อว่า ‘ปีเป่าเขาสัตว์’ สำหรับท่าน แต่ละคนจะได้รับที่ดินของตระกูลคืนมา แต่ละคนจะกลับไปยังครอบครัวของตน 11ในปีที่ห้าสิบซึ่งเป็นปีเป่าเขาสัตว์สำหรับท่านนี้ ท่านจะต้องไม่หว่านพืช ไม่เก็บเกี่ยวข้าวซึ่งงอกขึ้นเอง ไม่เก็บผลองุ่นจากเถาที่ไม่ได้ลิด 12ปีเป่าเขาสัตว์นี้จะเป็นปีศักดิ์สิทธิ์สำหรับท่าน ตลอดปีนี้ ท่านจะกินพืชผลที่งอกขึ้นเองในทุ่งนา”

13“ในปีเป่าเขาสัตว์นี้ แต่ละคนจะได้รับที่ดินของตระกูลคืนมา

14ดังนั้น เมื่อท่านขายที่ดินแก่เพื่อนบ้าน หรือซื้อจากเขา ท่านจะต้องไม่เอารัดเอาเปรียบกันb 15เมื่อซื้อที่ดินจากเพื่อนบ้าน ท่านจะต้องคำนวณราคาซื้อตามจำนวนปีที่ผ่านมาจากปีเป่าเขาสัตว์ครั้งก่อน ราคาขายจะขึ้นอยู่กับจำนวนปีการผลิตที่ยังเหลืออยู่ 16ยิ่งเหลือจำนวนปีมากเท่าใด ราคาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งจำนวนปีน้อยลงเท่าใด ราคาก็น้อยลงตามไปด้วย เพราะสิ่งที่เขาขายให้ท่านนั้นคือจำนวนการเก็บเกี่ยวพืชผล 17เพราะฉะนั้น ท่านจะต้องไม่เอารัดเอาเปรียบกัน แต่จงยำเกรงพระเจ้าของท่าน เพราะเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน”

 

พระเจ้าทรงรับประกันว่าจะทรงดูแลประชากรในปีที่เจ็ด

          18“ท่านทั้งหลายจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและถือกฎของเรา ท่านจะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้พำนักอยู่อย่างปลอดภัยในแผ่นดิน 19แผ่นดินจะผลิตพืชผลให้ ท่านจะกินจนอิ่ม และพำนักอยู่อย่างปลอดภัย 20แต่อาจมีบางคนถามว่า ‘พวกเราจะมีอะไรกินในปีที่เจ็ด ถ้าเราไม่หว่านพืชและเก็บเกี่ยวพืชผล’ 21เรา พระยาห์เวห์จะหลั่งพระพรมายังท่านในปีที่หก ให้ปีนั้นมีผลิตผลเพียงพอสำหรับสามปีc 22ในปีที่แปด ท่านจะหว่านพืชอีกและกินผลิตผลที่ได้เก็บรวบรวมไว้จนถึงปีที่เก้าด้วย ท่านจะมีอาหารเพียงพอจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวปีต่อไป”

 

การได้รับที่ดินของตระกูลคืนมาd

          23“ท่านทั้งหลายจะต้องไม่ขายที่ดินเป็นการถาวร เพราะแผ่นดินเป็นของเรา และท่านเป็นเหมือนคนต่างด้าวหรือคนเช่าที่ดินของเรา 24ดังนั้น ทั่วแผ่นดินที่เราจะมอบให้แก่ท่าน ท่านจะต้องอนุญาตให้ซื้อที่ดินคืนได้ 25ถ้าพี่น้องของท่านยากจนลง จำเป็นต้องขายที่ดินของตน ญาติสนิทที่สุดของเขาซึ่งมีสิทธิ์จะซื้อคืน จะต้องซื้อที่ดินนั้นคืนมา 26ผู้ไม่มีญาติสนิทที่จะซื้อที่ดินคืนมา ถ้าเขาร่ำรวยขึ้น เขาจะซื้อที่ดินนั้นคืนมาด้วยตนเอง 27โดยลดราคาตามจำนวนปีที่ผ่านมาตั้งแต่ขาย และคืนราคาที่ดินให้ตามจำนวนปีที่ยังเหลือก่อนถึงปีเป่าเขาสัตว์ และดังนี้เขาจะซื้อที่ดินของตนคืนมาได้ 28แต่ถ้าเขาไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อที่ดินคืน ที่ดินนั้นยังคงเป็นของผู้ซื้อจนถึงปีเป่าเขาสัตว์ ในปีนั้น ที่ดินก็จะกลับคืนมาเป็นของเจ้าของเดิม”

          29“ผู้ใดขายบ้านที่อยู่อาศัยได้ภายในกำแพงเมือง เขาจะซื้อบ้านนั้นคืนได้ภายในเวลาหนึ่งปีนับจากวันที่ขายไป 30แต่ถ้าเขาไม่ซื้อบ้านคืนมาในปีนั้น เขาก็จะซื้อคืนอีกไม่ได้ บ้านจะเป็นของผู้ซื้อและลูกหลานของผู้ซื้อตลอดไป ผู้ซื้อไม่ต้องคืนบ้านให้เจ้าของเดิมในปีเป่าเขาสัตว์e 31แต่บ้านในชนบทนอกกำแพงเมือง จะต้องปฏิบัติตามกฎเช่นเดียวกับไร่นา เจ้าของเดิมยังคงซื้อคืนได้ตลอดเวลา และในปีเป่าเขาสัตว์ ผู้ซื้อจะต้องคืนให้เจ้าของเดิม 32ชนเลวีจะซื้อบ้านของตนคืนมาได้เสมอ ถ้าบ้านนั้นอยู่ภายในกำแพงเมืองของชนเลวีf 33ถ้าชนเลวีขายบ้านของตนที่อยู่ภายในกำแพงเมืองและไม่ได้ซื้อคืน เขาจะได้บ้านนั้นคืนมาในปีเป่าเขาสัตว์ เพราะบ้านภายในกำแพงเมืองเป็นของชนเลวีgตลอดไป 34แต่ทุ่งนาที่อยู่รอบๆ เมืองของชนเลวีนั้นจะขายไม่ได้ เพราะเป็นของชนเลวีตลอดไป”

 

การให้ยืมและการให้ทาสเป็นอิสระ

          35“ถ้าพี่น้องของท่านยากจนลงไม่สามารถหาเลี้ยงตนเองได้ ท่านจะต้องช่วยเหลือเขาเช่นเดียวกับที่ควรช่วยเหลือคนต่างด้าวหรือคนเช่าที่ดิน เพื่อเขาจะมีชีวิตอยู่กับท่านต่อไปได้ 36อย่าคิดดอกเบี้ยเงินยืม แต่จงยำเกรงพระเจ้าของท่าน และให้พี่น้องของท่านมีชีวิตอยู่กับท่านต่อไป 37ท่านจะต้องไม่ให้เขากู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ย หรือให้เขายืมอาหารเพื่อหากำไร 38เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เราได้นำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อมอบแผ่นดินคานาอันให้แก่ท่าน และเพื่อเป็นพระเจ้าของท่าน”

          39“ถ้าพี่น้องของท่านที่อยู่กับท่านยากจนลงต้องขายตัวเป็นทาสของท่าน ท่านจะต้องไม่ให้เขาทำงานเยี่ยงทาส 40แต่จงให้เขาอยู่กับท่านอย่างลูกจ้างหรือคนเช่าที่ดิน เขาจะรับใช้ท่านจนถึงปีเป่าเขาสัตว์ 41ในปีนั้น เขาและลูกๆ ของเขาจะจากท่านไป กลับคืนสู่ครอบครัว และได้รับที่ดินของบรรพบุรุษคืนมาh 42เพราะชาวอิสราเอลทุกคนเป็นผู้รับใช้ของเรา เราได้นำเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพราะฉะนั้น เขาจะต้องไม่ถูกขายเยี่ยงทาส 43ท่านจะต้องไม่ทำทารุณต่อเขา แต่จะต้องยำเกรงพระเจ้าของท่าน”

          44“ถ้าท่านต้องการทาสชายหญิง ท่านจะหาซื้อได้จากชนชาติที่อยู่โดยรอบ 45ท่านอาจซื้อทาสจากลูกหลานของคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหมู่ท่าน หรือจากเด็กที่เกิดในครอบครัวของเขาในแผ่นดินของท่าน  เขาจะเป็นทรัพย์สินของท่าน 46ท่านอาจยกเขาให้เป็นมรดกแก่บุตรของท่าน เพื่อจะเป็นทรัพย์สินของเขาต่อไป เขาจะเป็นทาสรับใช้ท่านตลอดไป แต่ท่านจะต้องไม่ทำทารุณต่อพี่น้องชาวอิสราเอลเลยi 47ถ้าคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่กับท่านร่ำรวยขึ้น และพี่น้องของท่านกลับยากจนลงจนต้องขายตัวเป็นทาสแก่คนต่างด้าวที่อาศัยอยู่กับท่าน หรือขายตัวเป็นทาสแก่ลูกหลานของคนต่างด้าว 48หลังจากเขาขายตัวเป็นทาสแล้ว เขายังซื้ออิสรภาพคืนได้ พี่ชายหรือน้องชายคนใดคนหนึ่งของเขาสามารถซื้อเขาคืนได้ 49ลุง น้า อา หรือลูกพี่ลูกน้องของเขา หรือญาติสนิทคนหนึ่งคนใดสามารถซื้อเขาคืนได้ หรือถ้าเขาร่ำรวยขึ้น เขาอาจซื้ออิสรภาพให้แก่ตนเองได้ 50เขาจะตกลงกับผู้ที่ซื้อเขา และนับจำนวนปีตั้งแต่ปีที่ขาย จนถึงปีเป่าเขาสัตว์ แล้วตีราคาการงานที่ได้ทำตามจำนวนปี เหมือนค่าจ้างที่ลูกจ้างควรได้รับ 51ถ้ายังเหลือเวลาอีกหลายปี ก่อนจะถึงปีเป่าเขาสัตว์ เขาจะต้องจ่ายส่วนหนึ่งของราคาขาย คำนวณตามจำนวนปีที่ยังเหลือ 52ถ้ายังเหลือเวลาไม่กี่ปีก่อนจะถึงปีเป่าเขาสัตว์ เขาจะตกลงกับผู้ที่ซื้อเขาและจะจ่ายค่าไถ่ตัวตามจำนวนปีที่เหลือ 53ตราบใดที่เขายังอยู่กับนาย เขาจะต้องเป็นเหมือนลูกจ้างรายปี ท่านทั้งหลายจะต้องคอยดูแลมิให้นายทำทารุณต่อเขา”


           54“ถ้าเขาไม่ได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระโดยวิธีใดวิธีหนึ่งเช่นนี้ เขาและบุตรจะเป็นอิสระในปีเป่าเขาสัตว์ 55เพราะชาวอิสราเอลเป็นผู้รับใช้ของเรา เขาเป็นผู้รับใช้เพราะเราได้นำเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน”

25 a กฎหมายในบทนี้ยืนยันว่าพระเจ้าทรงเป็นเจ้าของแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์โดยเด็ดขาด แม้แผ่นดินก็ยังต้องพักผ่อนในปีที่เจ็ดเหมือนในวันสับบาโตด้วย (ดู อพย 20:8 เชิงอรรถ f) เรื่องปีที่เจ็ดมีกล่าวถึงแล้วในประมวลกฎหมายพันธสัญญา (อพย 23:10-11) ในบทนี้ มีการกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติม (ข้อ 1-7) เรามีหลักฐานยืนยันการปฏิบัติตามกฎข้อนี้หลังสมัยเนรเทศใน นหม 10:32; และ 1 มคบ 6:49-53 นอกจากนี้ ฉธบ 15:1-11 ยังกำหนดเพิ่มเติมให้ลบล้างหนี้ด้วย ยังมีกฎให้ปลดปล่อยทาสชาวฮีบรูหลังจากที่ได้ทำงานรับใช้เป็นเวลาเจ็ดปี โดยไม่จำเป็นต้องเป็น “ปีที่เจ็ด” (ปีสับบาโต) (อพย 21:2; ฉธบ 15:12-18) แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชาวอิสราเอลเกือบจะไม่เคยปลดปล่อยทาสเลย (ดู ยรม 34:8-16) กฎบังคับให้ปลดปล่อยทาสนี้ถูกทำให้ปฏิบัติได้ง่ายขึ้น โดยนำมาบังคับใช้ในปีศักดิ์สิทธิ์คือทุกห้าสิบปี (ข้อ 8-17) ปีศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ชื่อว่า “ปียูบีลี” หรือ “ปีเป่าเขาสัตว์” เพราะมีการเป่าเขาแกะเพศผู้ (jobel) ประกาศปีนั้น (ดู การกล่าวพาดพิงถึงปีการปลดปล่อยใน อสย 61:1-2) ระหว่างปีศักดิ์สิทธิ์นี้ ไร่นาถูกปล่อยว่างไม่ทำการเพาะปลูก มีการปลดปล่อยทาสและยกหนี้ทั้งหมด แต่ละคนจะกลับไปรวมญาติกับตระกูลของตน และจะได้กรรมสิทธิ์ของแผ่นดินที่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษคืนมา (ข้อ 10) ข้อกำหนดเช่นนี้ช่วยรักษาความมั่นคงของสังคมที่ตั้งอยู่บนรากฐานครอบครัวและกรรมสิทธิ์ของครอบครัว แต่ในความเป็นจริง ข้อกำหนดนี้เป็นเพียงความพยายามในสมัยหลังที่จะทำให้กฎ “ปีที่เจ็ด” มีผลในทางปฏิบัติมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าชาวอิสราเอลไม่เคยปฏิบัติตามกฎนี้เลย

b ข้อกำหนดนี้เป็นหลักประกันให้ทำธุรกิจอย่างยุติธรรม ยังเป็นการประณามการกว้านซื้อที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ ดังที่กล่าวถึงใน อสย 5:8 และ มคา 2:2

c สามปี คือ ปีที่หกซึ่งทำการเก็บเกี่ยว ปีที่เจ็ดคือปีหยุดพัก และปีที่แปดซึ่งทำการเพาะปลูกอีกครั้งหนึ่ง

d ข้อความตอนนี้พยายามรวมกฎปีเป่าเขาสัตว์กับธรรมเนียมโบราณ เรื่อง “ผู้ไถ่” ซึ่งเป็น “ญาติชายที่สนิทที่สุด” (go’el) ข้อ 25 (ดู กดว 35:19 เชิงอรรถ c)

e กฎปีเป่าเขาสัตว์มีผลบังคับใช้เรื่องทรัพย์สินในเมืองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

f เมืองของชนเลวีเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ ชนเลวีเท่านั้นจึงมีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินได้อย่างถาวร

g คำแปลข้อนี้เป็นการคาดคะเนเพราะต้นฉบับภาษาฮีบรูไม่ชัดเจน ข้อกำหนดในข้อนี้ดูเหมือนกล่าวถึงการที่ชนเลวีคนหนึ่งซื้อบ้านจากชนเลวีอีกคนหนึ่ง ในกรณีนี้ การซื้อขายนับว่าถูกต้องตามกฎหมาย และในปีเป่าเขาสัตว์กรรมสิทธิ์ของบ้านนั้นจะกลับเป็นของเจ้าของเดิม

h กฎข้อนี้พยายามประสานกฎปีเป่าเขาสัตว์ให้เข้ากับกฎโบราณในประมวลกฎหมายพันธสัญญาเรื่องการปลดปล่อยทาสหลังจากทำงานรับใช้หกปีแล้ว (อพย 21:2-6) กฎใหม่นี้เป็นเพียงอุดมการณ์ ทาสที่ซื้อมาในระยะหลังปีเป่าเขาสัตว์คงจะตายก่อนจะได้รับการปลดปล่อยในปีเป่าเขาสัตว์ต่อมา หรือมิฉะนั้นก็จะชราเกินกว่าที่จะทำงานได้แม้เป็นอิสระแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาจะต้องได้รับสภาพดีกว่าการเป็นทาสคือเป็นเหมือนลูกจ้าง (ดูข้อ 45-46)

i ระหว่างชาวอิสราเอลและคนต่างด้าว ยังใช้กฎหมายโบราณเกี่ยวกับทาส แต่ระหว่างชาวอิสราเอลด้วยกันจะต้องใช้กฎหมายพิเศษต่างหาก เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากพันธสัญญากับพระยาห์เวห์ พันธสัญญาใหม่จะนำชนทุกชาติเข้ามาอยู่ในพันธสัญญาเดียวกัน

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก