“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

ยาโคบหลอกลวงอิสอัคเพื่อรับพรa

27 1เมื่ออิสอัคชรามาก และตามืดมัวจนมองไม่เห็น เขาเรียกเอซาวบุตรคนโตเข้ามาแล้วพูดว่า “ลูกเอ๋ย” เอซาวถามว่า “อะไรครับพ่อ” 2อิสอัคจึงว่า “ดูซิ พ่อแก่แล้ว ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร 3จงเอาอาวุธของลูก คือ แล่งลูกศรและคันธนูออกไปในท้องทุ่ง ล่าสัตว์มาให้พ่อ 4และทำอาหารอร่อยๆ ให้พ่อกิน พ่อจะได้อวยพรลูกก่อนที่พ่อจะตาย”

          5นางเรเบคาห์ได้ยินอิสอัคพูดกับเอซาวบุตรของตน เมื่อเอซาวออกไปล่าสัตว์ในท้องทุ่งให้บิดา 6นางเรเบคาห์พูดกับยาโคบบุตรของตนว่า “แม่เพิ่งได้ยินพ่อของลูกพูดกับเอซาวพี่ชายของลูกว่า 7‘จงไปล่าสัตว์มาทำอาหารอร่อยๆ ให้พ่อกิน แล้วพ่อจะอวยพรลูกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ก่อนที่พ่อจะตาย’ 8นี่แน่ะ ลูกเอ๋ย จงฟังแม่ และทำตามที่แม่บอกเถิด 9จงไปที่ฝูงสัตว์ เลือกลูกแพะอ้วนพีมาสองตัว แม่จะทำอาหารอร่อยๆ อย่างที่พ่อชอบ 10ลูกจะได้เอาไปให้พ่อ แล้วพ่อจะได้อวยพรลูกก่อนที่พ่อจะตาย”

          11ยาโคบตอบนางเรเบคาห์มารดาของตนว่า “แม่ก็รู้ว่าเอซาวพี่ชายของลูกเป็นคนมีขนดก แต่ลูกมีผิวเกลี้ยง 12ถ้าพ่อคลำตัวลูก พ่อจะรู้ว่า ลูกหลอกลวงพ่อ ลูกจะถูกสาปแช่งแทนที่จะได้รับพร” 13มารดาของเขาตอบว่า “ให้คำสาปแช่งนั้นตกอยู่กับแม่เถิด ลูกเอ๋ย จงทำตามที่แม่สั่ง รีบไปเอาลูกแพะมาให้แม่เถิด” 14ยาโคบจึงไปจับลูกแพะนำมาให้มารดา นางเตรียมอาหารอร่อยอย่างที่อิสอัคชอบ 15แล้วนางเรเบคาห์ก็เอาเสื้อตัวดีที่สุดของเอซาวบุตรคนโต เป็นเสื้อที่นางเก็บไว้ในบ้านมาให้ยาโคบบุตรคนเล็กสวม 16เอาหนังแพะมาคลุมแขนและคอส่วนที่เกลี้ยงของเขา 17แล้วจึงส่งอาหารอร่อยกับขนมปังซึ่งนางจัดทำนั้นให้ยาโคบบุตรชายของนาง

          18เขาจึงเข้าไปหาบิดา พูดว่า “พ่อครับ” อิสอัคพูดว่า “พ่ออยู่นี่ เจ้าเป็นลูกคนไหนของพ่อ” 19ยาโคบตอบบิดาว่า “ลูกคือเอซาว บุตรคนโตของพ่อ ลูกทำตามที่พ่อสั่งลูกแล้ว เชิญลุกขึ้นนั่ง กินเนื้อที่ลูกล่ามาได้เถิด เพื่อพ่อจะได้อวยพรลูก” 20อิสอัคถามบุตรของตนว่า “ลูกเอ๋ย ทำอย่างไรลูกจึงล่าสัตว์มาได้เร็วเช่นนี้” เขาตอบว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของพ่อทรงบันดาลให้ลูกล่ามันได้”b 21แล้วอิสอัคพูดกับยาโคบว่า “ลูกเอ๋ย เข้ามาใกล้ๆ พ่อเถิด พ่อจะได้คลำดู เพื่อจะได้รู้ว่า ลูกคือเอซาวลูกของพ่อจริงหรือไม่” 22ยาโคบก็เข้าไปใกล้อิสอัคผู้บิดา อิสอัคคลำตัวเขา พูดว่า “เสียงเป็นเสียงของยาโคบ แต่แขนเป็นแขนของเอซาว” 23อิสอัคจำยาโคบไม่ได้เพราะแขนของเขามีขนดกเหมือนกับแขนของเอซาวพี่ชาย อิสอัคจึงอวยพรเขา 24แต่ถามว่า “ลูกคือเอซาว ลูกของพ่อจริงหรือ” เขาตอบว่า “ใช่ครับ” 25อิสอัคจึงพูดว่า “จงนำเนื้อที่ลูกล่าได้มาให้พ่อกิน แล้วพ่อจะอวยพรลูก” ยาโคบจึงนำอาหารมาให้ อิสอัคก็กิน ยาโคบรินเหล้าองุ่นให้ อิสอัคก็ดื่ม 26แล้วอิสอัคผู้บิดาพูดกับเขาว่า “ลูกเอ๋ย จงเข้ามาใกล้และจูบพ่อเถิด” 27เขาจึงเข้าไปใกล้และจูบบิดา พออิสอัคได้กลิ่นเสื้อผ้าของเขา ก็อวยพรเขาว่าc

          “ดูซิ กลิ่นลูกชายของข้า

                    เป็นเหมือนกลิ่นทุ่งนา

          ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงอวยพร

          28ขอพระเจ้าประทานน้ำค้างจากฟ้า

                    และความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน

          ทั้งข้าวสาลีและเหล้าองุ่นใหม่แก่ลูกอย่างมาก

          29ขอให้ชนชาติทั้งหลายรับใช้ลูก

                    ขอให้ประชาชาติทั้งหลายกราบไหว้ลูก

          ขอให้ลูกเป็นนายเหนือพี่น้อง

                    ขอให้บุตรของมารดาของลูกกราบไหว้ลูก

          ผู้ใดสาปแช่งลูกให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งด้วย

                    ผู้ใดอวยพรลูกให้ผู้นั้นได้รับพรด้วย”

          30พออิสอัคอวยพรยาโคบจบแล้ว และยาโคบเพิ่งออกไปพ้นจากอิสอัคผู้บิดา เอซาวพี่ชายก็กลับจากการล่าสัตว์ 31เขาเตรียมอาหารอร่อยยกมาให้บิดาแล้วพูดว่า “พ่อครับ เชิญลุกขึ้นนั่งเถิด จะได้กินอาหารที่ลูกของพ่อล่ามาได้ แล้วจะได้อวยพรลูก” 32อิสอัคผู้บิดาถามเขาว่า “เจ้าเป็นใครกัน” เขาตอบว่า “ลูกคือเอซาวลูกคนโตของพ่อ” 33อิสอัคตัวสั่นอย่างรุนแรง ถามว่า “แล้วใครเล่าที่ได้ล่าสัตว์นำมาให้พ่อ พ่อเพิ่งกินเสร็จไปก่อนที่ลูกจะมาถึง พ่ออวยพรเขาแล้ว พรนั้นจะเป็นของเขาตลอดไป”d 34เมื่อเอซาวได้ยินบิดาพูดเช่นนี้ ก็ร้องไห้เสียงดังอย่างขมขื่น พูดว่า “พ่อครับ โปรดอวยพรลูกด้วยเถิด” 35แต่อิสอัคตอบว่า “น้องของลูกมาหลอกลวงพ่อรับพรของลูกไปแล้ว” 36เอซาวพูดว่า “เขาชื่อยาโคบนั้นถูกต้องแล้ว เขาหลอกลวงลูกสองครั้งแล้ว เขาแย่งเอาสิทธิบุตรคนแรกของลูกไป และบัดนี้เขายังมารับพรของลูกไปด้วย”e เอซาวยังพูดอีกว่า “พ่อไม่ได้เก็บพรไว้ให้ลูกบ้างหรือ” 37อิสอัคตอบเอซาวว่า “พ่อตั้งให้เขาเป็นนายเหนือลูกแล้ว และให้พี่น้องทุกคนเป็นผู้รับใช้ของเขา พ่อจัดให้เขามีข้าวสาลีและเหล้าองุ่นมาก ลูกเอ๋ย พ่อจะทำสิ่งใดให้ลูกได้อีก” 38เอซาวพูดกับบิดาว่า “พ่อครับ พ่อมีพรเดียวเท่านั้นหรือ โปรดอวยพรลูกด้วยเถิด” อิสอัคนิ่งเงียบอยู่f เอซาวก็ร้องไห้เสียงดัง 39อิสอัคผู้บิดาจึงตอบว่า

          “ที่อาศัยของลูกจะอยู่ห่างจากความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน

                    และห่างจากน้ำค้างจากฟ้าเบื้องบน

          40ลูกจะใช้ดาบเพื่อดำรงชีพ

                    ลูกจะรับใช้น้องชายของลูกg

          แต่เมื่อลูกทนไม่ไหว ลูกจะหักแอกของเขาออกจากคอของลูก”h

          41เอซาวอาฆาตยาโคบเพราะพรที่บิดาให้แก่ยาโคบ เอซาวคิดในใจว่า “ใกล้จะถึงเวลาไว้ทุกข์ให้พ่อแล้ว เมื่อพ้นเวลานั้นฉันจะฆ่ายาโคบน้องชาย” 42เมื่อนางเรบาคาห์รู้ถึงแผนการของเอซาวบุตรคนโต จึงให้คนไปเรียกยาโคบบุตรคนเล็กมา และบอกว่า “ฟังเถิด เอซาวพี่ชายของลูกวางแผนจะแก้แค้นและฆ่าลูก 43บัดนี้ ลูกเอ๋ย จงทำตามที่แม่บอกเถิด จงหนีไปอยู่กับลาบันพี่ชายของแม่ที่เมืองฮาราน 44จงพักอยู่กับเขาสักระยะหนึ่งจนกว่าความโกรธของพี่ชายของลูกจะคลายลง 45เมื่อพี่ชายของลูกหายโกรธ ลืมเรื่องที่ลูกทำกับเขาแล้ว แม่จะส่งคนไปตามลูกกลับมา แม่ไม่ต้องการสูญเสียลูกทั้งสองคนไปในวันเดียวกัน”i

อิสอัคส่งยาโคบไปอยู่กับลาบันj

          46นางเรเบคาห์พูดกับอิสอัคว่า “ดิฉันเบื่อหน่ายหญิงชาวฮิตไทต์เต็มทีแล้ว ถ้ายาโคบจะแต่งงานกับหญิงพื้นบ้านชาวฮิตไทต์ด้วย ดิฉันคงจะตายแน่ๆ”

 

27 a เรื่องนี้มาจากตำนานยาห์วิสต์ ต้องการชมความเฉลียวฉลาดของยาโคบ แต่สำนวนปัจจุบันตำหนิอุบายของนางเรเบคาห์และเห็นอกเห็นใจเอซาว มาตรฐานศีลธรรมในที่นี้ยังไม่พัฒนามากนัก การโกหกของยาโคบทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าบรรลุผลอย่างที่ไม่มีใครคาด เรื่องนี้แสดงว่าพระเจ้าทรงมีอิสระที่จะเลือกรักยาโคบมากกว่าเอซาว (25:23 ดู มลค 1:2; รม 9:12-13)

b สำหรับเราในสมัยนี้ การมุสาโดยอ้างว่าพระเจ้าทรงช่วยเหลือ ดูเหมือนจะเป็นการกล่าวร้ายต่อพระเจ้า แต่ชาวตะวันออกกลางโบราณคิดว่าไม่มีอะไรผิด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากอิทธิพลของพระเจ้า โดยไม่คำนึงถึงสาเหตุอื่น

c คำอวยพรนี้สัญญาแก่ยาโคบซึ่งยังเป็นคนเลี้ยงสัตว์ว่า เขาจะได้รับความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินเช่นเดียวกับคำสัญญาต่อเอซาว (ข้อ 39-40) คำสัญญานี้จึงไม่มีผลโดยตรงต่อบรรพบุรุษ แต่จะมีผลต่อชนชาติที่จะเกิดจากเขาในอนาคต

d คนโบราณเชื่อว่าทั้งการอวยพรและการสาปแช่ง เมื่อพูดออกไปแล้ว มีผลตามนั้นและคืนคำไม่ได้

e ในข้อนี้มีการเล่นคำ bekorah (สิทธิการเป็นบุตรคนแรก) กับ berakah (การอวยพร)

f “อิสอัคนิ่งเงียบอยู่” ตามต้นฉบับภาษากรีก แต่ไม่มีในต้นฉบับภาษาฮีบรู

g เอซาว (นั่นคือลูกหลานของเขา) จะต้องอาศัยอยู่นอกเขตอันอุดมของดินแดนปาเลสไตน์ และอยู่ใต้การปกครองของยาโคบ (นั่นคือลูกหลานของเขา 1 ซมอ 8:13-14) ยาโคบมีทุกสิ่ง (ข้อ 37) และพรเดียวที่เหลือสำหรับเอซาวก็คือ “ใช้ดาบเพื่อดำรงชีพ” คือ ชีวิตเป็นโจรคอยปล้นสะดม

h ประโยคสุดท้ายนี้เป็นร้อยแก้ว อาจถูกเติมหลังจากที่ชาวเอโดมได้รับเอกราช (2 พกษ 8:20-22)

i ถ้าเอซาวฆ่ายาโคบ เขาจะถูกประหารชีวิตเป็นการลงโทษด้วย (กดว 35:19 เชิงอรรถ c)

j เรื่องต่อไปนี้มาจากตำนานสงฆ์ พูดถึงเหตุการณ์เดียวกันกับใน 27:41-45 แต่ให้เหตุผลที่ยาโคบออกจากบ้านไปอาศัยที่เมโสโปเตเมียต่างกัน พึงสังเกตว่า “หญิงชาวฮิตไทต์” ในข้อ 46 ก็คือ “หญิงชาวคานาอัน” ใน 28:1 นั่นเอง

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก