“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

อารัมภบททางประวัติศาสตร์a

29 1โมเสสเรียกชาวอิสราเอลทุกคนมาประชุมกัน กล่าวกับเขาว่า

“เมื่อท่านอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ ท่านเห็นกับตาแล้วว่าพระยาห์เวห์ทรงกระทำกับกษัตริย์ฟาโรห์ กับข้าราชการและประชากรทั้งแผ่นดินอย่างไร 2ท่านเห็นกับตาแล้วว่า พระองค์ทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์และปาฏิหาริย์ยิ่งใหญ่มาทดลองเขา 3แต่จนกระทั่งวันนี้ พระยาห์เวห์ก็ยังไม่ได้ประทานสติปัญญาให้ท่านเข้าใจ ไม่ได้ประทานนัยน์ตาให้ท่านเห็น และไม่ได้ประทานหูให้ท่านได้ยิน”

4เรานำท่านเดินทางผ่านถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาสี่สิบปีมาแล้ว เสื้อผ้าของท่านก็ยังไม่เปื่อยยุ่ย รองเท้าของท่านก็ไม่ได้สึกหรอ 5ท่านไม่ต้องทำขนมปังกิน ไม่ต้องทำเหล้าองุ่นหรือเหล้าอื่นๆ ดื่ม เราทำดังนี้เพื่อท่านจะได้รู้ว่า เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

6เมื่อท่านมาถึงสถานที่แห่งนี้ กษัตริย์สิโหนแห่งเฮชโบน และกษัตริย์โอกแห่งบาชาน ได้ออกมาทำสงครามกับพวกเรา แต่เราก็ชนะเขา 7ยึดเอาแผ่นดินของเขามาแบ่งให้เป็นกรรมสิทธิ์ของชนเผ่ารูเบน เผ่ากาด และเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า

8ท่านจะต้องปฏิบัติตามถ้อยคำของพันธสัญญานี้อย่างเคร่งครัด แล้วท่านจะประสบความสำเร็จในกิจการทุกอย่างที่ท่านทำ

พันธสัญญาในแผ่นดินโมอับ

9ในวันนี้ทุกท่านกำลังยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน คือบรรดาหัวหน้าเผ่าต่างๆ บรรดาผู้อาวุโส เจ้าหน้าที่ และชายชาวอิสราเอลทุกคน 10พร้อมกับบรรดาบุตร ภรรยา และคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ในค่ายของท่าน มีหน้าที่ตัดฟืนหรือตักน้ำให้ท่านb 11ท่านมายืนอยู่ที่นี่ก็เพื่อจะทำพันธสัญญากับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ดังที่ทรงกระทำกับท่านในวันนี้ โดยทรงสาบานว่าจะสาปแช่งท่าน หากท่านไม่ปฏิบัติตาม 12ดังนั้น พระองค์จะทรงแต่งตั้งท่านให้เป็นประชากรของพระองค์ และพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าของท่าน ดังที่ทรงสัญญาไว้แก่ท่าน และทรงสาบานไว้แก่บรรพบุรุษของท่าน คืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ 13ข้าพเจ้ากำลังทำพันธสัญญานี้ และประกาศคำสาปแช่งเช่นนี้ไม่เพียงแต่กับท่านเท่านั้น 14แต่กับทุกคน ทั้งที่อยู่ที่นี่พร้อมกับพวกเราเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราในวันนี้ และผู้ที่ไม่อยู่ที่นี่ร่วมกับพวกเราในวันนี้ด้วยc

15ท่านรู้ดีว่าพวกเราอาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์อย่างไร และเดินทางผ่านชนชาติต่างๆ มาอย่างไร 16ท่านได้เห็นรูปเคารพที่น่ารังเกียจทำด้วยไม้ หิน เงินและทองของเขาแล้ว

17อย่าให้ท่านผู้ใดไม่ว่าชายหรือหญิง ครอบครัวหรือเผ่าใด เปลี่ยนใจจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราในวันนี้ ไปรับใช้เทพเจ้าของชนชาติเหล่านั้น นี่จะเป็นดังรากที่จะงอกเป็นพืชขมและเป็นพิษ 18อย่าให้ผู้ใดที่ได้ยินถ้อยคำสาปแช่งเหล่านี้แล้วหลอกตนเอง คิดในใจว่า “แม้ข้าพเจ้าจะทำตามอำเภอใจตนเอง ทุกสิ่งก็จะดำเนินไปด้วยดี น้ำฝนย่อมทำลายความแห้งแล้งของแผ่นดิน”d 19พระยาห์เวห์จะไม่ทรงอภัยคนเช่นนี้เลย พระพิโรธและความหวงแหนของพระยาห์เวห์จะลุกเป็นไฟเผาผลาญคนเช่นนั้น คำสาปแช่งที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้จะตกอยู่กับเขา และพระยาห์เวห์จะทรงลบชื่อของเขา จนไม่มีใครระลึกถึงเขาอีกต่อไป 20พระยาห์เวห์จะทรงกันเขาออกจากเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล จะทรงบันดาลให้ประสบภัยพิบัติตามคำสาปแช่งทั้งปวงของพันธสัญญาที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติเล่มนี้

 ทรงขู่ว่าประชากรจะต้องถูกเนรเทศ

21เมื่ออนุชนรุ่นต่อไปในอนาคต ทั้งบุตรหลานที่จะมีชีวิตภายหลังท่าน และคนต่างด้าวที่จะมาจากแดนไกล เห็นภัยพิบัติและโรคร้ายที่พระยาห์เวห์ทรงลงโทษแผ่นดินนี้แล้ว เขาจะพูดว่า 22“แผ่นดินนี้แห้งแล้ง มีแต่กำมะถันและเกลือ หว่านอะไรไม่งอก ปลูกอะไรไม่ขึ้นแม้กระทั่งหญ้า เป็นภัยพิบัติเหมือนที่เกิดกับเมืองโสโดมและโกโมราห์ เมืองอัดมาห์และเศโบยิม ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงทำลายเมื่อทรงพระพิโรธอย่างมาก” 23ชนชาติทั้งปวงจะถามว่า “เหตุใดพระยาห์เวห์จึงทรงกระทำกับแผ่นดินของเขาเช่นนี้ ทำไมจึงทรงพระพิโรธเป็นไฟเช่นนี้”

24แล้วเขาก็จะตอบว่า “เพราะเขาทั้งหลายละเมิดพันธสัญญาที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขาทรงกระทำไว้ เมื่อทรงนำเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ 25เขาไปรับใช้และกราบไหว้เทพเจ้าอื่นที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน และที่พระยาห์เวห์ไม่ทรงอนุญาตให้กราบไหว้ 26ดังนั้น พระยาห์เวห์จึงทรงพระพิโรธแผ่นดินนี้ ทรงบันดาลให้คำสาปแช่งทุกประการที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้เกิดขึ้น” 27พระยาห์เวห์จะทรงพระพิโรธอย่างมาก น่าสะพรึงกลัว จึงทรงถอนเขาขึ้นมาจากแผ่นดินของเขา แล้วขว้างไปต่างแดนดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 28สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เป็นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา แต่สิ่งที่ทรงเปิดเผยให้รู้เป็นของเราและของลูกหลานของเราตลอดไป เพื่อเราจะได้ปฏิบัติตามถ้อยคำของธรรมบัญญัตินี้ทุกประการ

 

29 a ข้อความในบทที่ 29-30 เขียนขึ้นตามสูตรโครงสร้างของสนธิสัญญา (ดู 10:12 เชิงอรรถ c; 28:1 เชิงอรรถ a) คำปราศรัยนี้เริ่มด้วยการทบทวนเหตุการณ์ในสมัยอพยพ (ข้อ 1-7; ดู 1:4; 4:46-47; 8:2-4) ตามด้วยการที่ประชากรรับรองสนธิสัญญา (ข้อ 9-14) แล้วจึงมีคำเทศน์ตามมา (ข้อ 15-20) คำเทศน์นี้ดูเหมือนจะมีต่อใน 30:11-14 คำอวยพรและคำสาปแช่ง ซึ่งปกติจะรวมอยู่กับสนธิสัญญา พบได้ใน 30:15-20; ส่วนข้อความใน 29:21-30:10 ประกอบด้วยเรื่องราวต่างๆ และดูเหมือนจะสอดแทรกเข้ามาในภายหลังโดยผู้เรียบเรียง ฉธบ

b ผู้ทำหน้าที่ต่ำต้อยเช่นนี้มักจะเป็นชนต่างด้าว (ยชว 9:27)

c ในข้อนี้เห็นได้ชัดกว่าที่ใดทั้งหมดว่าโมเสสเป็นคนกลางระหว่างพระยาห์เวห์และอิสราเอลในการทำพันธสัญญา สูตรของพันธสัญญานี้พบได้ในข้อ 12 (ดู 26:16 เชิงอรรถ e) ข้อ 13-14 ขยายข้อตกลงไปครอบคลุมผู้ที่ไม่ได้อยู่ที่นั่น ทำให้พันธสัญญานี้มีผลถาวรตลอดไป

d “น้ำฝนย่อมทำลายความแห้งแล้งของแผ่นดิน” ต้นฉบับภาษาฮีบรูไม่ชัดเจน คำพังเพยนี้อาจหมายถึง ความพอใจของผู้ที่ได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่ยังแปลได้อีกว่า “จะทำลายทั้งดินที่มีน้ำและดินแห้ง” ถ้าแปลเช่นนี้ คำพังเพยนี้จะหมายถึงการถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง ต้นฉบับภาษากรีกว่า “เพื่อว่าคนบาปจะได้ไม่ถูกทำลายพร้อมกับคนไม่มีบาป”

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก