“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 24 กันยายน 2014
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา
สภษ 30:5-9…..
5พระวาจาทุกคำของพระเจ้านั้นพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง
พระองค์ทรงเป็นโล่สำหรับผู้ลี้ภัยในพระองค์
6อย่าเพิ่มสิ่งใดเข้ากับพระวาจาของพระองค์
มิฉะนั้นพระองค์จะทรงตำหนิท่าน
และพิสูจน์ว่าท่านเป็นคนมุสา

 

7ข้าพเจ้าทูลขอสองสิ่งจากพระองค์
ตราบที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ โปรดอย่าทรงปฏิเสธคำขอนี้เลย
8ขอให้ความมุสาและถ้อยคำเท็จอยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
อย่าประทานความยากจนหรือความร่ำรวยแก่ข้าพเจ้าเลย
แต่โปรดประทานอาหารเท่าที่จำเป็นแก่ข้าพเจ้า
9เพื่อว่าถ้าข้าพเจ้าอิ่ม ข้าพเจ้าจะปฏิเสธพระองค์
พูดว่า “พระยาห์เวห์เป็นใครกัน”
หรือเพื่อว่าถ้าข้าพเจ้ายากจน แล้วจะไปขโมย
กระทำให้พระนามพระเจ้าของข้าพเจ้าถูกลบหลู่

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• “Verbum Domini Manet in Aeternum” อ่าน “แวร์บุม โดมีนี มาเน็ต อิน เอแตร์นุม” แปลว่า “พระวาจาของพระเจ้าดำรงอยู่นิรันดร” ภาษาลาตินประโยคนี้พ่อท่องมาตั้งแต่เป็นเด็ก เป็นคาถาภาษาลาตินที่เพราะจังเลย เป็นศรัทธาที่ให้ไว้เสมอในพระศาสนจักรกับพระวาจาของพระเจ้า

• พระคัมภีร์ เป็นพระวาจาของพระเจ้า ในเมื่อเป็นพระวาจาของพระเจ้าจึงมีคุณค่าและมีพลังดำรงคงอยู่นิรันดร และเป็นพลังของชีวิตคริสตชนและผู้ที่ศรัทธาในพระวาจาตลอดไป แน่นอน พระวาจาขอพระเจ้าทรงพลังทรงคุณค่าและคงอยู่เสมอ

• วันนี้พ่อเชิญชวนให้เราอ่านคำสอนทางการของพระศาสนจักรเรื่องพระวาจาของพระเจ้าสักหน่อยนะครับ เป็นคำสอนที่มีค่ามากๆ (จาก Dei Verbum ข้อ 21 และ 25)
o พระศาสนจักรแสดงความเคารพต่อพระคัมภีร์เสมอมา เช่นเดียวกับที่แสดงความเคารพต่อพระกายของพระคริสตเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพิธีกรรม พระศาสนจักรมิได้หยุดยั้งที่จะนำอาหารเลี้ยงชีวิตคริสตชนทั้งจากโต๊ะพระวาจาและจากโต๊ะพระกายพระคริสตเจ้าเสนอให้สัตบุรุษ
o พระศาสนจักรถือเสมอมาและยังถือต่อไปว่าพระคัมภีร์พร้อมกับธรรมประเพณีศักดิ์สิทธิ์ เป็นบรรทัดฐานสูงสุดของความเชื่อของตน เพราะว่าพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรครั้งเดียวสำหรับตลอดไป จึงสื่อพระวาจาของพระเจ้าให้โดยไม่เปลี่ยนแปลง และทำให้เสียงของพระจิตเจ้ายังก้องอยู่ในวาจาของบรรดาประกาศกและอัครสาวก คำเทศน์ทั้งหมดของพระศาสนจักรจึงต้องได้รับการหล่อเลี้ยงและควบคุมจากพระคัมภีร์เช่นเดียวกับคริสตศาสนาเอง
o เหตุว่าในพระคัมภีร์ พระบิดาในสวรรค์ทรงพบกับบรรดาบุตรของพระองค์ด้วยความรักอย่างสุดซึ้งและทรงสนทนากับเขา ในพระวาจาของพระเจ้ามีพละกำลังและประสิทธิภาพมากมาย จนว่าพระวาจานั้นค้ำจุนและเป็นพลังของ พระศาสนจักรและเป็นพละกำลังแห่งความเชื่อ เป็นอาหารเลี้ยงวิญญาณและเป็นธารบริสุทธิ์ไม่มีวันเหือดแห้งของชีวิตฝ่ายวิญญาณสำหรับบรรดาบุตรแห่งพระศาสนจักร
o เพราะฉะนั้น คำกล่าวต่อไปนี้ถึงพระคัมภีร์จึงถูกต้องทีเดียว คือ “พระวาจาของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลังอยู่เสมอ” (ฮบ 4:12) “เสริมสร้างและประทานส่วนมรดกให้ท่านพร้อมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย” (กจ 20:32 เทียบ 1 ธส 2:13)

o เพราะฉะนั้น บรรพชิตทั้งหลายโดยเฉพาะ
1. บรรดาพระสงฆ์ของพระคริสตเจ้า และ
2. คนอื่นๆ เช่นสังฆานุกร และ
3. ผู้สอนคำสอน ซึ่งมีหน้าที่ประกาศสั่งสอนพระวาจาตามนิตินัย
o จึงจำเป็นต้องใกล้ชิดกับพระคัมภีร์ โดยอ่านและศึกษาอย่างลึกซึ้งในรายละเอียดอยู่เสมอ ขออย่าให้ใครในพวกนี้กลายเป็น “ผู้ประกาศพระวาจาของพระเจ้าแก่ผู้อื่นอย่างว่างเปล่าด้วยเสียงเท่านั้น แต่ภายในจิตใจเขามิได้เป็นผู้ฟัง พระวาจาเลย” (น.ออกัสติน) เมื่อเขาจะต้องนำพระวาจาอันเป็นสมบัติมหาศาลโดยเฉพาะในพิธีกรรมมาแบ่งปันกับบรรดาสัตบุรุษที่อยู่ในความดูแลของตน

o ในทำนองเดียวกัน สภาสังคายนานี้ขอเตือนอย่างหนักแน่นเป็นพิเศษ
1. ให้คริสตชนทั้งหลาย
2. โดยเฉพาะสมาชิกในคณะนักบวช
o อ่านพระคัมภีร์บ่อยๆ เพื่อจะได้เรียนรู้ “ความรู้ล้ำเลิศถึงพระเยซูคริสตเจ้า” (ฟป 3.8) “เพราะการไม่รู้พระคัมภีร์ คือการไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” (น.เยโรม)

• เป็นหน้าที่ของบรรดาพระสังฆราช “ผู้เป็นคลังรักษาคำสั่งสอนของบรรดาอัครสาวก” (น.อีเรเน) ที่จะใช้วิธีการอันเหมาะสมสั่งสอนสัตบุรุษที่อยู่ ในความปกครองดูแลของตนให้รู้จักใช้หนังสือพระคัมภีร์อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะพันธสัญญาใหม่และพระวรสารเป็นพิเศษ

• พระสังฆราชทำหน้าที่นี้ โดยใช้คำแปลตัวบทพระคัมภีร์ที่มีคำอธิบายที่จำเป็นและเพียงพอจริงๆประกอบด้วย เพื่อว่าบรรดาบุตรของพระศาสนจักรจะได้มีความคุ้นเคยกับพระคัมภีร์อย่างปลอดภัยและได้ประโยชน์ และมีจิตใจเปี่ยมด้วยเจตนารมณ์ของพระคัมภีร์

• พี่น้องที่รัก อ่านสุภาษิตวันนี้เป็นวันสุดท้ายในช่วงนี้ จะเห็นว่า ชีวิตที่มีปรีชาญาณ คือ ชีวิตที่มีพระวาจาของพระเจ้าเป็นที่ตั้ง... ฟังพระวาจา และปฏิบัติตาม นั่นคือ ชีวิตที่มีปรีชาญาณแท้จริงครับ คำถามของพ่อคือ
o เราอ่านพระคัมภีร์บ่อยเพียงใด
o เรารักพระคัมภีร์เพียงไหน
o เราใกล้ชิดกับพระคัมภีร์จริงๆไหม
o เรารู้จัก ศึกษา ค้นคว้า และพยายามเข้าใจพระคัมภีร์บ้างไหม
o เราคาทอลิก เรามั่นใจว่า พระคัมภีร์คือพระวาจาของพระเจ้า เป็นบรรทัดฐานสูงสุดของความเชื่อ... แต่เราเรียนพระคัมภีร์กันบ้างไหมครับ เคยเข้าคลาสเรียนพระคัมภีร์กันบ้างไหมเอ่ย ถ้าเรามั่นใจว่า พระวาจาสำคัญที่สุดจริงๆ น่าคิดจริงๆนะครับ
o เรื่องพระคัมภีร์นี้น่าคิดจริงๆนะครับ... เรามีพระคัมภีร์พอสมควรและก็จะพิมพ์มาอีกเสมอๆ แต่ คริสตชนคาทอลิกไทยได้อ่านพระคัมภีร์เป็นประจำไหมหนอ ได้เรียนพระคัมภีร์ไหมหนอ...
o นี่คือแรงบันดาลใจ และเสียงเรียกร้องให้พ่อเอง เขียนบทเทศน์ประกอบการอ่านพระคัมภีร์ ทุกวัน ทุกวันจริงๆ เกือบห้าปีแล้ว ไม่เคยขาดเลยแม้แต่วันเดียว.. ด้วยหวังว่าอาศัยเฟสบุค การส่งอีเมล จะช่วยให้พี่น้องได้อ่านพระวาจา และรับคำอธิบายและไตร่ตรอง.. ช่วยๆกันนะครับ

• พี่น้องที่รักครับ... รักพระคัมภีร์ อ่านพระวาของพระเจ้ากันมากๆนะครับ... ขอพระเจ้าอวยพรครับ ขอพระวาจาของพระเจ้าดำรงอยู่ในชีวิตของเราตลอดไป...

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก