“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2014
สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา
(แม่พระมหาทุกข์)
1คร 11:17-26, 33
      17ขณะที่ข้าพเจ้าให้คำแนะนำนี้ ข้าพเจ้าชมเชยท่านไม่ได้ เพราะการชุมนุมของท่านนั้นมีผลร้ายมากกว่าผลดี 18ก่อนอื่น ข้าพเจ้าได้ยินว่าเมื่อท่านทั้งหลายมาร่วมชุมนุมกันนั้น มีการแตกแยก และข้าพเจ้าก็เชื่อเรื่องนี้อยู่บ้าง 19เพราะท่านต้องมีความขัดแย้งกันบ้าง เพื่อคนดีจริงจะได้ปรากฏเด่นชัดในหมู่ท่านทั้งหลาย 20เมื่อท่านมาชุมนุมพร้อมกันนี้ มิได้เป็นการกินเลี้ยงอาหารค่ำขององค์พระผู้เป็นเจ้า 21เพราะขณะที่กิน แต่ละคนก็รีบกินอาหารของตนก่อนคนอื่น บางคนยังหิวอยู่ แต่อีกคนหนึ่งเมามายไปแล้ว 22ท่านไม่มีบ้านของตนเองสำหรับกินและดื่มหรือ หรือท่านดูหมิ่นการชุมนุมของพระเจ้า ทำให้คนยากจนต้องอับอาย ข้าพเจ้าจะพูดกับท่านอย่างไรดี จะชมเชยท่านหรือ ในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าไม่ชมเชยท่าน


23ข้าพเจ้าได้รับสิ่งใดมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้มอบสิ่งนั้นต่อให้ท่าน คือในคืนที่ทรงถูกทรยศนั้นเอง พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหยิบปัง 24ขอบพระคุณ แล้วทรงบิออก ตรัสว่า “นี่คือกายของเราเพื่อท่านทั้งหลาย จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” 25เช่นเดียวกัน หลังอาหารค่ำ ก็ทรงหยิบถ้วย ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเรา ทุกครั้งที่ท่านจะดื่ม จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” 26ทุกครั้งที่ท่านกินปังนี้ และดื่มจากถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา 
27ดังนั้น ผู้ใดที่กินปังหรือดื่มจากถ้วยขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่สมควร ก็ผิดต่อพระกายและผิดต่อพระโลหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า 
33ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย เมื่อท่านมาชุมนุมกันเพื่อกินเลี้ยง จงคอยกัน

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• “อยากรู้ว่าเขารักเราไหม ถ้าอยากรู้ให้สังเกตเวลารับประทานอาหาร เขาให้เรารับประทานก่อนหรือเปล่า” “ทำไมเวลารับประทานอาหาร บ่อยครั้ง เราต้องรอ ต้องรอ ทำไม รับประทานเลยไม่ได้หรือ”.... 


• วันนี้อยากเล่าเรื่องภาพยนตร์ที่พ่อเคยดู ภาพยนตร์น่ารักที่พ่อได้เคยดู ปกติไม่ได้ดูหน้งบ่อย หลายๆปีสักเรื่องหนึ่ง... แต่เรื่องนี้เคยดูสมัยเป็นเณร นำกลับมาเล่าให้ฟังหน่อย ภาพยนตร์นี้พ่อจำได้ว่า เรื่อง “เคอรี่ซู”

o เคอรี่ซู เด็กน้อยที่บิดาซึ่งเป็นคนจรจัดเลี้ยงดู ไม่ใช่บิดาแท้ แต่เลี้ยงดูเจ้าหนูน้อยเคอรี่ซูเหมือนลูกา และในเรื่องนี้พ่อก็จำได้เพียงประโยคทองประโยคนี้ที่กล่าวข้างต้น... เด็กจรจัดเคอรี่ซูกับพ่อของเขา อาศัยความเจ้าเล่ห์ติดหน่อยเพื่อทำมาหากินกัน 

o เพราะอยากหาคนที่มีเงินเพื่อเลี้ยงดู เขาหาเงินกันอย่างไรในฐานะพ่อลูกจรจัด หาโอกาสโดยแกล้งทำเป็นเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชน และทำเป็นบาดเจ็บและได้รับค่าเสียหาย นี่เป็นอาชีพ

o วิธีการหรอ เวลามีสาวรวยๆขับรถถอยหลังจากที่จอด พ่อเขาจะเอาแผ่นกระดานากกันชนท้ายรถ และทำเป็นล้มเพราะโดนรถชน และเจ้าเคอรี่ซูก็จะวิ่งมาร้องไห้บีบน้ำตา ทำเป็นว่า พ่อตนเองบาดเจ็บจะตาย และให้ผู้หญิงรวยๆ ตกใจ พาไปหาหมอ ให้เงิน หรือเลี้ยงข้าวด้วย หลายวันได้ยิ่งดี...

o วันหนึ่ง ก็โดนเข้ากับรถของหญิงสาวร่ำรวยซึ่งมีแฟนหนุ่มนักธุรกิจใหญ่โตเหมือนชนเอา แกล้งทำเหมือนปกติ แต่ก็เจ็บจริงนิดหน่อย และต้องการที่พักรักษาตัว... ดังนั้นทั้งเจ้าเคอรี่ซูกับพ่อก็ได้ก้าวเข้าไปอยู่ในบ้านของหญิงร่ำรวยผู้ นั้น ได้เข้าไปพักในฐานะที่พ่อเจ็บจากรถชน... และเจ้าเด็กน้อยก็ได้ที่พักดีๆ เพราะสาวสวยร่ำรวยคนนั้นอยู่คนเดียวและรู้สึกผิดด้วย 

o เด็กที่แต่งตัวสกปรกเพราะจรจัด ผมเผ้ายุ่งเหยิงมากก็ได้มีโอกาสนอนห้องดีๆ อาบน้ำจนสะอาดน่ารัก แม้ตอนเริ่มต้นหญิงนั้นไม่ชอบมากๆ เพราะทั้งสองคนมอมแมม แต่พ่อเคอรี่ซูคือพระเอก แต่ยังดูซอมซ่อ 

o เมื่อเข้าไปอยู่ในบ้านหญิงคนนั้น ช่วงแรกๆไม่ค่อยไปได้ดีนัก แต่แล้วก็ค่อยๆเป็นมิตรเพราะเคอรี่ซูอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนชุด สระผม สะอาด เริ่มเห็นความน่ารักและช่างคุยเหลือเกิน... เจ้าเคอรี่ซูเริ่มเล่าเรื่องความรักของพ่อเขาให้หญิงคนนี้ฟัง เล่าเรื่องการกินอย่างลำบาก แต่ประสบการณ์ที่น่ารัก คือ พ่อเขาก็ให้เขากินก่อนเสมอ เวลามีแฮมเบอร์เกอร์อันเดียวสำหรับสองคน พ่อจะบอกว่าไม่หิว ไม่กิน... พ่อจะให้ลูกกินจนอิ่ม เมื่อเจ้าตัวน้อยอิ่มแล้ว พ่อจึงจะกินที่เหลือ พ่อจะกินแต่ผักหรือขนมปัง ใส้เบอร์เกอร์ที่เป็นเนื้อพ่อจะไม่ยอมกินแม้เคอรี่ซูจะให้ พ่อจะบอกว่า “พ่อไม่ชอบเนื้อ ลูกกินเถอะ”... ประสบการณ์เล็กๆ ที่เจ้าเด็กน้อยได้เรียนรู้จากพ่อยาจกของเขาคือ พ่อรักเขาและให้เขากินจนอิ่มก่อนเสมอ... “น่ารักมากครับ”


• ฝ่ายหญิงเศรษฐีนั้น เธอมีแฟนแสนร่ำรวยมาก... และเธอเองก็กำลังจะตัดสินใจว่าจะแต่งงานหรือไม่ เธอกำลังลังเล และไม่แน่ใจอยู่แรมปี เขาเป็นนักธุรกิจใหญ่ รวยมากเช่นกัน แต่สิ่งที่หญิงคนนี้ไม่เคยรู้ก็คือ เจ้าเศรษฐีหนุ่มคนนี้รักเธอจริงๆหรือเปล่า???... 
• เธอพยายามหาคำตอบ...แต่ไม่เคยค้นพบคำตอบจริงๆ... ดังนั้น วันหนึ่งเป็นวันออกเดตรับประทานอาหารเย็นมื้อใหญ่ และดูเหมือนเจ้าเศรษฐีหนุ่มจะขอแต่งงานด้วย และสำหรับสาวสวยคนนี้เพื่อจะตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับหนุ่มร่ำรวยคนนั้นหรือ ไม่... เธอกังวลใจ หน้าเป็นทุกข์จนเห็นได้ชัดแม้เธอรวย สวย และไฮโซมากๆ หน้าตาเธอกังวลจนเห็นได้ชัด จนกระทั่งว่าเจ้าสาวน้อยจอมแก่นเคอรี่ซูสังเกตเห็นได้ จึงนั่งคุยกันกับสาวคนนั้น..

o เครีซูถาม “ทำไมคุณไม่ยิ้ม และดูไม่มีความสุขเลย” ..... เธอเริ่มระบายความในใจกับเด็กสาวจอมแก่น... 

o สาวไฮโซตอบ... “ฉันไม่แน่ใจ... ว่าเขารักฉันหรือไม่”... 

o เครี่ซูให้กำลังใจและตั้งคำถาม “คุณอยากรู้ไหมว่าเขารักคุณหรือเปล่า....” หญิงสาวเศรษฐีมากเงินแต่อ่อนประสบการณ์เรื่องความรู้จักความรักแท้ตอบอย่าง น่าสนใจ... 

o หญิงสาวทึ่งและถาม... “หนูรู้หรอว่าจะรู้ได้อย่างไร...” 

o เจ้าเคอรี่ซูยิ้มแฉ่งหน้าตาน่ารักและมั่นใจในประสบการณ์ของตน เคอรี่ซูกอดคอสาวไฮโซซึ่งบัดนี้เป็นเหมือนเพื่อนกัน โน้มคอเธอมาอย่างน่ารักและกระซิบที่หู... “คุณก็ดูสิว่า เวลารับประทานอาหาร เขาให้คุณกินก่อนหรือเปล่า...”

o เจ้าเด็กยกประสบการณ์ทั้งหมดที่เคยมีมาตลอดกับพ่อบุญธรรมของตน ตลอดเวลาที่เร่ร่อนใช้ชีวิตริมถนน ไร้ที่ซุกหัวนอน ตั้งแต่เขาเด็กจนโตรู้ความ พ่อคนนี้ของเขา (อันที่จริงไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่เก็บเขามาเลี้ยงเพราะความสงสาร) ปฏิบัติต่อเขาซึ่งเป็นความรักที่เห็นชัดกับประสบการณ์จริงๆ คือให้เขากินอาหารก่อนเสมอ ถ้ามีน้อย ก็ให้ลูกกิน ถ้าลูกกินหมด พ่อก็ยอมอด ถ้ามีเหลือ พ่อจะกินส่วนที่เหลือ 

o และประสบการณ์ที่น่ารักคือเคอรี่ซูจะกินเหลือเผื่อให้พ่อ และบอกว่าอิ่มแล้วทุกครั้งไป และบ่อยครั้งเธอก็เกเรไม่ยอมกินเนื้อไส้เบอร์เกอร์ เธอบอกว่าเธอไม่ชอบ เพราะเจ้าหนูน้อยอยากให้พ่อได้กินบ้าง... “น่ารัก” ครับ


• เมื่อสาวไฮโซได้ยินคำสอนที่เป็นสัจธรรมแห่งประสบการณ์เล็กๆ ของเจ้าเคอรี่ซูเธอก็ดูสนใจ และทำท่าว่าต้องพิสูจน์ความรักของเจ้าหนุ่มเศรษฐีให้ได้ว่ารักเธอจริงๆ ไหม... 


• หนุ่มไฮโซเศรษฐีคนรักคงเคยซื้อของให้เธอมามาก แต่เธอไม่เคยสังเกตตอนกินว่าให้กินก่อนไหม.... วันนี้ ดินเนอร์สำคัญต้องพิสูจน์ด้วยทฤษฎีของเคอรี่ซู 


• และแล้ววันนั้นตอนเย็น ดินเนอร์ในภัตราคารฝรั่งเศสแสนหรูเริ่ดและโรแมนติก หนุ่มธุรกิจกับสาวงามแต่งชุดดินเนอร์สุดไฮโซ เมื่อเริ่มอาหารสาวสวยเริ่มตั้งตา มองดู สังเกตอย่างเงียบๆ... 


• เมื่ออาหารมาเสริฟที่โต๊ะ เธอเฝ้ามองดูหนุ่มคนนั้น ทันทีที่สนทนาและคุยกัน เมื่ออาหารมาวาง เจ้าหนุ่มก็เริ่มหยิบซ่อมของตนจิ้มอาหารในจานตนตักใส่ปากตนเองโดยทันที และออกปากชมว่าอาหารฝรั่งเศสนี้ชั้นเยี่ยมมากๆ และชวนให้หญิงคนนี้ได้ลองรับประทานดู 


• และเจ้าหนุ่มก็กินต่อไปสองสามคำ สังเกตเห็นสาวไม่รับประทานเลย... จึงหยุด และถามว่า “ไม่รับประทานหรือ...” และตัวเองก็ไม่ได้หยุดปาก จิ้มใส่ปาก และรับประทานต่อ... 


• สาวไฮโซจึงได้รับคำตอบในใจ... เขาไม่ให้เราเริ่มก่อน เขาเริ่มที่ตนเองก่อน จากคำสอนประสบการณ์น่ารักของเคอรี่ซู สงสัยได้เลยว่าเขาไม่ได้รักเธอจริงๆด้วย... 


• หลังจากอาหารมื้อนั้น หญิงสาวกลับบ้าน พร้อมกับจึงตัดสินใจได้ในที่สุดว่า ฉันรักเขาก็จริงๆ แต่ดูเขาไม่ได้รักฉันเลย ไม่เสนอให้ฉันเริ่มรับประทานก่อน เขาคิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้น. พ่อของเครี่ซูน่ารักกว่ามาก รักจริงๆกว่ามาก... เธอจึงไม่รับคำของแต่งงานกับหนุ่มไฮโซคนนั้น ขอเลิก ไม่แต่งงานแล้ว เพราะลึกๆเขาไม่ได้รักฉันแน่ๆ.... ที่สุดเรื่องจบลงที่เธอกลับบ้านมีความสุขและได้รับคำตอบจากบทสอนด้วย ประสบการณ์ของเจ้าตัวน้อย...


• ครับวันนี้พ่อเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเพื่อให้อ่านบทอ่านครับ....

o เปาโลอึดอัดกับพิธีขอบพระคุณ อาหารแห่งมิตรภาพความรักจากโต๊ะของพระอาจารย์เจ้าที่มอบเลือดเนื้อให้เป็น อาหารทรงชีวิต “มิสซาบูชาขอบพระคุณ” แต่กลับกลายเป็นเวทีหรือโต๊ะที่ขาดความรักได้อย่างไร... 

o คนรวยๆ ที่เมืองโครินท์แม้เป็นคริสตชน กลับไม่สนใจคนยากจน เอาของมาร่วมกันก็กินสิ่งของดีๆที่ตนเองนำมาก่อนคนอื่น ไม่ได้แบ่งปันเลย เลือกแต่ของตนเองอย่างดีๆ ก่อน ไม่สนใจคนยากจน

o โต๊ะอาหารแห่งความรัก “พระแท่นของพระเจ้า” กลายเป็นเวทีของความเห็นแก่ตัว และขาดความรัก 

o เปาโลตำหนิคริสตชนที่โครินท์หนักหน่วงมากครับ และสอนว่า “พระเยซูเจ้าทรงมอบพระกายพระโลหิต คือมอบชีวิต ดังนั้น ณ พระแท่นบูชาของพระเจ้าต้องเป็นจุดเริ่มต้นหัวใจของการแบ่งปันเสมอไป...” จะปล่อยเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร??? 

o ณ พระแท่นบูชาของพระเจ้า ณ ชุมชนคริสตชนที่มาร่วมกันฉลองศีลมหาสนิท ฉลองความรักของพระเจ้า ซึ่งเป็นที่ของการให้ การนำความรักต่อกัน การแบ่งปันความรักโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้โอกาสความรักเมตตาสำหรับคนยากจนเป็น พิเศษ เป็นโต๊ะแห่งมิตรภาพ ณ ที่นั่นต้องไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวโดยเด็ดขาด...


• เปาโลเขียนแรงมากราวกับว่า “ถ้าจะกินกันแบบเห็นแก่ตัวแบบนี้กลับไปกินที่บ้านเถอะ” เอาภาษาแบบทำให้เข้าใจง่ายสไตล์พ่อสมเกียรติ...คือ... “ถ้าจะมาร่วมมิสซาซึ่งหมายถึงการให้ การแบ่งปันแล้ว ยังเห็นแก่ตนเอง ก็ทำที่บ้านไปเหอะ... มาวัดมาฉลองความรักของพระเจ้า ณ พระแท่นบูชาของพระเจ้า แต่เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ ไม่รัก ไม่ให้เกียรติ ไม่แบ่งปันให้คนยากไร้ได้กินอะไรดีบ้าง แม้แต่โอกาสดีๆก็ไม่ให้ งก หวง และเลือกเอาแต่เพื่อตนเอง... เป็นแบบนี้แล้วจะมาร่วมมิสซาบูชาแห่งความรักทำไมเน้อ...” 


• เพราะที่วัดคาทอลิกของเรา ณ พระแท่นบูชาของพระเยซู เราทุกคนต้องมีแต่ความรักและการแบ่งปัน....


• ภาคปฏิบัติที่เห็นชัด....

o บางทีไปวัด เข้าไปนั่งก่อน ก็เริ่มจองที่ วางกระเป๋า วางร่มกันท่า ไม่อยากให้ใครเข้ามานั่งใกล้... รักษาช่องไฟไว้ให้ห่างจากพี่น้อง... แต่อยากจะเข้าไปรับประทานพระกายพระเยซูพระเจ้าองค์ความรักให้เต็มเปี่ยม... ฉันขอสนิทกับพระนะแต่ขอไม่สนิทกับเธอ... นั่นไม่ใช่ “การฉลองพิธีศีลมหาสนิทแท้จริงครับ”.. 

o ฉันขอสนิทกับพระเจ้า แต่ขอห่างๆจากพวกเธอหน่อย กันเขต (คอก) ไว้ส่วนตัว ส่วนครัว ไม่น่ารักแน่ๆ ครับ ถ้าทำเช่นนี้....

o ดังนั้น ถ้ารัก ก็ให้โอกาสพี่น้องก่อน ใจกว้างมากๆ อ่านพระคัมภีร์วันนี้และจะเห็นความจริงๆ อ่านประสบการณ์ของเจ้าเคอรี่ซูก็สะท้อนได้น่ารักดีครับ.... พระเจ้าอวยพรครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก