ฉ. เหตุการณ์ตั้งแต่รัชสมัยพระนางอาธาลิยาห์จนถึงมรณภาพของประกาศกเอลีชา

 

พระนางอาธาลิยาห์ (841-835 ก่อน ค.ศ.)a

11 1เมื่อพระนางอาธาลิยาห์พระชนนีของกษัตริย์อาคัสยาห์ทรงทราบว่าพระโอรสถูกปลงพระชนม์ ก็ทรงฆ่าเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ทันที

2แต่เยโฮเชบาbพระธิดาของกษัตริย์เยโฮรัมและพระขนิษฐาของกษัตริย์อาคัสยาห์ ทรงนำเยโฮอาชพระโอรสของกษัตริย์อาคัสยาห์ออกจากกลุ่มพระโอรสที่จะต้องถูกฆ่าไปซ่อนไว้พร้อมกับแม่นมในห้องนอนบริเวณพระวิหาร ให้พ้นจากพระนางอาธาลิยาห์ 3และหลบซ่อนอยู่กับแม่นมในพระวิหารของพระยาห์เวห์เป็นเวลาหกปี ขณะที่พระนางอาธาลิยาห์ขึ้นครองแผ่นดิน

4ปีที่เจ็ด สมณะเยโฮยาดาcส่งคนไปตามผู้บังคับบัญชาทหารชาวคารีd และนายทหารองครักษ์มาพบตนในพระวิหารของพระยาห์เวห์ ทำสัญญากับเขา ให้ทุกคนสาบานในพระวิหารของพระยาห์เวห์e แล้วนำพระโอรสของกษัตริย์ออกมาให้เขาเห็น 5สั่งเขาว่าf “ท่านทั้งหลายจะต้องทำเช่นนี้ หนึ่งในสามของท่านทั้งหลายที่จะต้องเข้าประจำการในวันสับบาโต จะต้องเฝ้าพระราชวัง 6อีกหนึ่งในสามจะต้องเฝ้าประตูสูร และอีกหนึ่งในสามจะต้องเฝ้าประตูหลังค่ายทหารรักษาพระวิหาร 7ส่วนทหารอีกสองกองที่ออกจากประจำการในวันสับบาโตจะต้องเฝ้าพระวิหารเพื่อปกป้องกษัตริย์g 8ท่านทั้งหลายจะต้องถืออาวุธอยู่โดยรอบกษัตริย์ ถ้าผู้ใดเข้ามาใกล้ ก็จงฆ่า จงอยู่กับกษัตริย์ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปทางใด”

9บรรดานายทหารก็ปฏิบัติตามคำสั่งของสมณะเยโฮยาดา ต่างนำกำลังพลของตนมาด้วย ทั้งพวกที่เข้าประจำการในวันสับบาโต และพวกที่ออกจากประจำการในวันสับบาโต มาพบสมณะเยโฮยาดา 10สมณะนำหอกและโล่ของกษัตริย์ดาวิดที่เก็บไว้ในพระวิหารของพระยาห์เวห์มาแจกให้ผู้บังคับบัญชาh 11ทหารองครักษ์จึงถืออาวุธครบมือเข้าประจำที่ ตั้งแต่ด้านใต้ของพระวิหารไปจนถึงด้านเหนือของพระวิหาร รอบพระแท่นบูชาและอาคารพระวิหารเพื่อปกป้องกษัตริย์i 12แล้วสมณะเยโฮยาดานำพระโอรสของกษัตริย์ออกมาสวมมงกุฎและมอบม้วนพันธสัญญาให้j เขาทั้งหลายประกาศแต่งตั้งและเจิมพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ ทุกคนปรบมือโห่ร้องว่า “ขอพระราชาทรงพระเจริญ”

13พระนางอาธาลิยาห์ทรงได้ยินเสียงทหารองครักษ์kและประชาชนโห่ร้องเสียงดัง ก็รีบเสด็จมาพบประชาชนในพระวิหารของพระยาห์เวห์ 14เมื่อทอดพระเนตรเห็นกษัตริย์ทรงยืนอยู่ข้างเสาตามประเพณี นายทหารและพนักงานเป่าแตรยืนอยู่ข้างกษัตริย์ ประชาชนของแผ่นดินทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดีและเป่าแตร พระนางอาธาลิยาห์ทรงฉีกฉลองพระองค์ด้วยความขุ่นเคือง ทรงร้องตะโกนว่า “กบฏ กบฏ”

15สมณะเยโฮยาดาจึงสั่งผู้บัญชาการlกำลังพลว่า “จงนำพระนางออกไประหว่างแถวทหาร ผู้ใดพยายามจะช่วยเหลือ ก็จงฆ่าผู้นั้น เพราะสมณะได้บอกไว้แล้วว่า ‘อย่าฆ่าพระนางในพระวิหารของพระยาห์เวห์’” 16บรรดาทหารจึงจับกุมพระนาง คุมตัวผ่านประตูม้าของพระราชวัง แล้วปลงพระชนม์ที่นั่น

17สมณะเยโฮยาดาทำพันธสัญญาระหว่างพระยาห์เวห์กับกษัตริย์และประชาชนว่า เขาจะเป็นประชากรของพระยาห์เวห์ และทำพันธสัญญาอีกระหว่างกษัตริย์กับประชากรm 18ประชาชนของแผ่นดินทุกคนเข้าไปในวิหารของพระบาอัลและรื้อวิหารนั้น ทุบแท่นบูชาและรูปเคารพจนแหลกละเอียด และฆ่ามัทธานสมณะของพระบาอัลที่หน้าแท่นบูชานั้นn

สมณะจัดยามรักษาการณ์เฝ้าพระวิหารของพระยาห์เวห์ 19เขาสั่งผู้บังคับบัญชาทหารชาวคารี ทหารองครักษ์และประชาชนของแผ่นดินทุกคนให้มานำกษัตริย์ลงไปจากพระวิหารของพระยาห์เวห์ เข้าไปในพระราชวังทางประตูของทหารองครักษ์ และประทับบนพระบัลลังก์ 20ประชาชนของแผ่นดินทุกคนต่างปลื้มปีติ ตั้งแต่พระนางอาธาลิยาห์ถูกปลงพระชนม์ในพระราชวัง บ้านเมืองก็สงบ

 

11 a นักวิชาการบางคนคิดว่าเรื่องราวในบทนี้มีที่มาจากสองแหล่งต่างกัน เรื่องจากแหล่งแรก (ข้อ 1-2 และ 18ข-20) เล่าว่าสมณะกับทหารองครักษ์ร่วมกันโค่นอำนาจของพระนางอาธาลิยาห์ ส่วนเรื่องจากแหล่งที่สองไม่สมบูรณ์ (ข้อ 13-18ก) เล่าว่าเป็นประชาชนที่ก่อการ

b จาก 2 พศด 22:11 เรารู้ว่าพระนางเยโฮเชบาเป็นภรรยาของสมณะเยโฮยาดา (ข้อ 4) ทำให้เข้าใจได้ว่าพระนางซ่อนเยโฮอาชไว้ในบริเวณพระวิหารได้อย่างไร (ข้อ 3)

c เยโฮยาดาเป็นหัวหน้าสมณะที่กรุงเยรูซาเล็ม (12:8)

d “ชาวคารี” เป็นทหารรับจ้างจากเอเชียน้อย ต่างกับทหารองครักษ์ชาวเคเรธี ซึ่งพระคัมภีร์ไม่กล่าวถึงอีกเลยตั้งแต่หลังรัชสมัยกษัตริย์ซาโลมอน (1 พกษ 1:38)

e “ในพระวิหารของพระยาห์เวห์” ไม่มีในต้นฉบับภาษากรีกและซีเรียค

f ทหารรักษาการณ์ที่เฝ้าพระวิหารและพระราชวังแบ่งเป็นสามกลุ่ม ผลัดกันเข้าประจำการ ในวันธรรมดาสองกลุ่มเฝ้าพระราชวังและหนึ่งกลุ่มเฝ้าพระวิหาร แต่ในวันสับบาโตสองกลุ่มเฝ้าพระวิหารและหนึ่งกลุ่มเฝ้าพระราชวัง วันสับบาโตยังเป็นวันเปลี่ยนเวรการเข้าประจำการประจำสัปดาห์อีกด้วย เพราะฉะนั้นเยโฮยาดาจึงเลือกวันสับบาโตที่มีประชาชนจำนวนมากในพระวิหารเป็นวันก่อการรัฐประหาร เพราะมีทหารรักษาการณ์สองกลุ่มประจำที่พระวิหารอยู่แล้ว (ข้อ 6) และยังให้ทหารอีกสองกลุ่มที่ออกจากประจำการคอยเฝ้าระวังกษัตริย์ในพระวิหารอีกด้วย (ข้อ 7)

g “เพื่อปกป้องกษัตริย์” สำนวนแปลโบราณบางฉบับละวลีนี้

h ข้อ 10 นี้อาจเป็นคำอธิบายเพิ่มเติมของผู้คัดลอกซึ่งได้ความคิดมาจาก 2 พศด 23:9 ที่กล่าวว่าชนเลวีทำหน้าที่เป็นผู้รักษาการณ์ จึงต้องมีอาวุธ

I “เพื่อปกป้องกษัตริย์” แปลตามตัวอักษรว่า “เหนือกษัตริย์โดยรอบ”

j “ม้วนพันธสัญญา” ในพิธีแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ กษัตริย์แห่งยูดาห์จะได้รับหนังสือพันธสัญญาที่กระทำระหว่างพระยาห์เวห์กับราชวงศ์ดาวิดจากสมณะ เช่นเดียวกับใน “พิธีการ” แต่งตั้งกษัตริย์ฟาโรห์ทรงครองราชย์ในอียิปต์

k “ทหารองครักษ์” บางคนคิดว่าคำนี้เป็นการเพิ่มเติมของผู้คัดลอก

l “ผู้บัญชาการกำลังพล” แปลตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ผู้บังคับบัญชาที่ถูกแต่งตั้งเหนือกำลังพล”

m “ทำพันธสัญญาอีก...ประชากร” ประโยคนี้อาจเป็นคำเพิ่มเติมโดยผู้คัดลอกในภายหลัง เพราะไม่มีใน 2 พศด 23:16 ที่เล่าเรื่องเดียวกัน กระนั้นก็ดี เคยมีหลักฐานของพันธสัญญาระหว่างกษัตริย์กับประชากรใน 1 ซมอ 10:25 (กษัตริย์ซาอูล); 2 ซมอ 5:3 (กษัตริย์ดาวิด); 1 พกษ 12:1ฯ (กษัตริย์เรโหโบอัม)

n การปฏิวัติครั้งนี้คล้ายกับการปฏิวัติของเยฮูในอาณาจักรเหนือ (10:18-28) แต่การปฏิวัติในยูดาห์ได้รับการสนับสนุนจาก “ประชาชนของแผ่นดิน” ซึ่งหมายถึงสามัญชนทั่วแผ่นดินยูดาห์ที่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ตามประเพณีดั้งเดิม ต่างกับประชาชนชาวเมืองหลวงซึ่งได้รับอิทธิพลจากชนต่างชาติที่ไม่นับถือพระยาห์เวห์