“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

ค. อัศจรรย์ของเอลีชา

 

น้ำมันของหญิงม่าย

4 1หญิงคนหนึ่งซึ่งสามีอยู่ในกลุ่มประกาศก ร้องขอเอลีชาว่า “ผู้รับใช้ของท่านซึ่งเป็นสามีของดิฉันถึงแก่กรรมแล้ว ท่านก็รู้ดีว่าผู้รับใช้ของท่านยำเกรงพระยาห์เวห์ บัดนี้ เจ้าหนี้ของเขามาเอาลูกชายสองคนของดิฉันไปเป็นทาส” 2เอลีชาถามนางว่า “ข้าพเจ้าจะช่วยอะไรท่านได้ จงบอกมาซิว่า ท่านมีอะไรบ้างที่บ้าน” นางตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านไม่มีอะไรเลยที่บ้าน มีแต่น้ำมันมะกอกเทศอยู่ไหเดียวเท่านั้น” เอลีชาจึงสั่งว่า “จงไปขอยืมไหเปล่ามาจากเพื่อนบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ 4แล้วจงเข้าไปในบ้าน ปิดประตูอยู่กับลูกชายตามลำพัง เทน้ำมันลงใส่ไหเหล่านั้น เมื่อเต็มแล้วให้วางไว้ต่างหาก” 5หญิงนั้นก็จากไป นางปิดประตูอยู่กับบุตรตามลำพัง บุตรส่งไหให้ นางก็เทน้ำมันใส่ไห 6เมื่อเต็มหมดแล้ว นางก็สั่งบุตรคนหนึ่งว่า “ส่งไหมาอีกซิ” บุตรคนนั้นตอบว่า “ไม่มีแล้ว” น้ำมันก็หยุดไหล 7นางไปบอกเรื่องนี้แก่คนของพระเจ้าa เขาสั่งว่า “จงไปขายน้ำมันและเอาเงินไปใช้หนี้เถิด จะยังมีเงินเหลือพอเลี้ยงชีวิตของท่านและลูกด้วย”

 

หญิงชาวชูเนมและบุตร

8วันหนึ่ง เอลีชาเดินทางไปที่เมืองชูเนม หญิงมั่งมีคนหนึ่งอยู่ในเมืองนั้น เชิญเอลีชามากินอาหาร ตั้งแต่นั้นมา ทุกครั้งที่เอลีชาผ่านเมืองนั้น ก็จะแวะกินอาหารที่นั่น 9นางบอกสามีว่า “ดิฉันรู้ว่าชายที่มาบ้านของเราบ่อยๆ เป็นคนของพระเจ้า และเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ 10เราจงสร้างห้องเล็กๆ ไว้บนดาดฟ้าให้เขาสักห้องหนึ่ง ตั้งเตียง โต๊ะ เก้าอี้และตะเกียงไว้ให้ เมื่อเขามาเยี่ยมเรา เขาจะได้พักในห้องนั้น” 11วันหนึ่ง เอลีชามาที่นั่น และขึ้นไปนอนพักในห้องนั้น 12เขาสั่งเกหะซีผู้รับใช้ว่า “จงไปเรียกหญิงชาวชูเนมคนนั้นมาซิ” เขาก็ไปเรียก นางก็มายืนอยู่ตรงหน้า 13เอลีชาสั่งผู้รับใช้ของตนว่า “จงถามนางซิว่า ‘พวกเราจะทำอะไรให้ท่านได้บ้าง เพื่อตอบแทนที่ท่านต้องลำบากจัดหาทุกสิ่งให้เรา บางทีท่านอาจต้องการให้เราไปทูลกษัตริย์หรือพูดกับผู้บัญชาการกองทัพให้ท่านบ้าง’” นางตอบว่า “ดิฉันอยู่กับคนที่รู้จักคุ้นเคยก็สบายดีอยู่แล้ว”b 14เอลีชาถามเกหะซีว่า “ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าจะทำอะไรให้นางได้” เขาตอบว่า “นางไม่มีบุตรและสามีก็ชราแล้ว” 15เอลีชาสั่งว่า “จงไปเรียกนางมาซิ” เขาก็ไปเรียกนาง นางเข้ามายืนอยู่ที่ประตู 16เอลีชากล่าวว่า “ปีหน้าเวลานี้ท่านจะได้อุ้มลูกชาย” นางก็ตอบว่า “อย่าเลย เจ้านาย คนของพระเจ้าc อย่าพูดเท็จกับผู้รับใช้ของท่านเลย” 17แต่เหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่เอลีชากล่าวไว้ นางตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายเวลาเดียวกันนี้ในปีต่อมาd 18เด็กคนนั้นเติบโตขึ้น วันหนึ่งเขาไปหาบิดาซึ่งอยู่กับคนเกี่ยวข้าว 19เขาบอกบิดาว่า “ปวดหัว ปวดหัว” บิดาจึงสั่งผู้รับใช้ว่า “จงอุ้มเขาไปหาแม่” 20ผู้รับใช้จึงอุ้มเด็กนั้นไปให้มารดา เด็กนั่งอยู่บนตักของนางจนถึงเที่ยงวันแล้วก็สิ้นใจ 21นางขึ้นไปชั้นบน วางเขาไว้บนเตียงของคนของพระเจ้า ปิดประตูและออกจากห้องe 22นางเรียกสามีมาบอกว่า “จงส่งผู้รับใช้คนหนึ่งและลาตัวหนึ่งมาที่นี่ ดิฉันจะรีบไปหาคนของพระเจ้าแล้วจะกลับมาทันที” 23สามีถามว่า “ทำไมจะต้องไปหาเขาวันนี้ด้วย วันนี้ไม่ใช่วันขึ้นหนึ่งค่ำหรือวันสับบาโต”f นางตอบว่า “ไม่เป็นไร” 24นางผูกอานลาและสั่งผู้รับใช้ว่า “จงให้ลาเดินเร็วๆ อย่าหยุดจนกว่าฉันจะสั่ง” 25นางเดินทางไปพบคนของพระเจ้าที่ภูเขาคารเมล เมื่อคนของพระเจ้าเห็นนางแต่ไกล เขาจึงบอกเกหะซีผู้รับใช้ว่า “ดูซิ หญิงชาวชูเนมกำลังมา 26จงวิ่งไปพบนางและถามว่า ‘ท่านสบายดีหรือ สามีของท่านสบายดีหรือ บุตรของท่านสบายดีหรือ’” นางตอบว่า “สบายดี” 27แต่เมื่อนางมาถึงคนของพระเจ้าบนภูเขา นางเข้ามากอดเท้าของเขาไว้ เกหะซีเข้ามาจะดึงตัวนางออกไป แต่คนของพระเจ้าห้ามว่า “ปล่อยนางเถอะ นางมีความทุกข์ใจมาก พระยาห์เวห์ทรงปกปิดไว้ไม่บอกให้ข้าพเจ้ารู้ว่าเพราะอะไร” 28นางกล่าวว่า “ดิฉันเคยขอลูกจากท่าน เจ้านายของดิฉันหรือ ดิฉันไม่ได้บอกท่านหรือว่า อย่าหลอกลวงดิฉัน”

29เอลีชาสั่งเกหะซีว่า “จงคาดสะเอว ไปหยิบไม้เท้าของข้าพเจ้าแล้วรีบไป ถ้าท่านพบใคร อย่าหยุดเพื่อทักทายเขา ถ้าใครทักทายท่าน ก็อย่าตอบเขาg จงเอาไม้เท้าของข้าพเจ้าไปวางบนหน้าเด็ก”h 30มารดาของเด็กกล่าวว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์ และท่านมีชีวิตอยู่ฉันใด ดิฉันจะไม่ยอมไปจากท่าน” เอลีชาจึงลุกขึ้นออกเดินทางตามนางไป 31เกหะซีเดินล่วงหน้าไปก่อน เอาไม้เท้าวางบนหน้าของเด็ก แต่ไม่มีเสียงหรืออาการใดๆ ให้เห็นว่ามีชีวิต เขาจึงกลับมาพบเอลีชาและบอกว่า “เด็กไม่ฟื้น” 32เอลีชาเข้าไปในบ้าน และเห็นเด็กนอนตายอยู่บนเตียง 33เขาเข้าไปข้างใน ปิดประตูอยู่กับเด็กตามลำพัง แล้วอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 34เขาขึ้นไปนอนทับเด็ก ปากแนบปากของเด็ก ตาแนบตา มือทั้งสองทาบมือของเด็ก ขณะที่เขาเหยียดกายทับเด็ก ร่างของเด็กก็ค่อยๆ อุ่นขึ้น 35เอลีชาลุกขึ้นเดินไปมาในบ้าน แล้วกลับมานอนเหยียดกายทับเด็ก เด็กจามเจ็ดครั้งi แล้วลืมตา 36เอลีชาเรียกเกหะซี สั่งว่า “จงไปเรียกหญิงชาวชูเนมของเรามา” เขาก็ไปเรียกนาง เมื่อนางเข้ามา เอลีชาจึงบอกว่า “จงรับลูกชายของท่านไปเถิด” 37นางก็เข้าไปกราบลงที่เท้าของเอลีชาแล้วนำบุตรออกไป

 

อาหารเป็นพิษ

38เอลีชากลับไปเมืองกิลกาล ครั้งนั้นเกิดกันดารอาหารในแผ่นดิน ขณะที่กลุ่มประกาศกกำลังนั่งอยู่กับเขา เขาสั่งผู้รับใช้ว่า “จงตั้งหม้อใหญ่ต้มอาหารเลี้ยงกลุ่มประกาศกเถิด” 39ประกาศกคนหนึ่งออกไปเก็บผักในทุ่งนา และพบเถาไม้ป่า จึงเก็บน้ำเต้าป่าjห่อด้วยเสื้อคลุมจนเต็ม กลับมาหั่นน้ำเต้าป่าใส่ลงในหม้อต้มโดยไม่รู้ว่าเป็นอะไร 40แล้วตักแจกให้ทุกคนกิน แต่เมื่อได้ลิ้มรสอาหารนั้น ต่างก็ร้องว่า “คนของพระเจ้า ในหม้อมีอาหารเป็นพิษ” เขากินไม่ได้ 41เอลีชาจึงสั่งว่า “จงนำแป้งมา” เขาใส่แป้งลงในหม้อ บอกว่า “จงตักแจกให้ทุกคนกินเถิด” อาหารในหม้อนั้นก็ไม่เป็นพิษอีกต่อไป

 

การทวีขนมปัง

            42ชายคนหนึ่งมาจากเมืองบาอัลชาลิชา นำขนมปังยี่สิบก้อนทำจากข้าวบาร์เลย์ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวในปีนั้น และรวงข้าวที่เพิ่งเกี่ยวได้kมาให้คนของพระเจ้า เอลีชาสั่งว่า “จงนำไปให้ทุกคนกินเถิด” 43แต่ผู้รับใช้ของเขาแย้งว่า “ข้าพเจ้าจะนำอาหารแค่นี้ไปเลี้ยงคนหนึ่งร้อยคนได้อย่างไร” เอลีชาตอบว่า “จงแจกให้ทุกคนกินเถิด เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ ‘ท่านทั้งหลายจะได้กิน แล้วยังจะมีเหลืออีก’” 44ผู้รับใช้จึงจัดอาหารให้ทุกคน ทุกคนกินและยังมีเหลืออยู่อีกตามที่พระยาห์เวห์ตรัสไว้

 

4 a เรื่องราวของประกาศกเอลีชาที่มาจากกลุ่มประกาศกมักจะเรียกเขาว่า “คนของพระเจ้า”

b เอลีชาเสนอตัวจะไปทูลกษัตริย์แทนหญิงคนนั้น แต่นางตอบด้วยความภูมิใจว่านางมีคนในเผ่าคอยปกป้องตนแล้ว

c “คนของพระเจ้า” ต้นฉบับภาษากรีกละคำนี้

d คำสัญญาของเอลีชาชวนให้คิดถึงพระสัญญาที่พระเจ้าตรัสแก่อับราฮัมใน ปฐก 18:1-5 ทั้งสองเรื่องย้ำว่า การมีบุตรเป็นการตอบแทนที่ได้ต้อนรับคนของพระเจ้าอย่างดี

e นางเชื่อว่าเอลีชาเคยขอพระเจ้าให้ประทานบุตรแก่นางจะขอให้บุตรกลับมีชีวิตอีกแน่ๆ นางจึงไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้ว่าเด็กนั้นตายแล้ว แม้กระทั่งสามี

f การไปปรึกษาพระยาห์เวห์อาศัยบุคคลศักดิ์สิทธิ์ในวันฉลองหรือวันหยุดงาน คงเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันในสมัยนั้น

g ในสมัยโบราณ การหยุดเพื่อทักทายกันมักจะใช้เวลาพูดคุยกันนาน การไม่ทักทายจึงเป็นเครื่องหมายแสดงว่ามีภารกิจเร่งด่วน (เทียบ ลก 10:4)

h ชาวยิวคิดว่าไม้เท้าของเอลีชา (เช่นเดียวกับไม้เท้าของโมเสส อพย 4:17) มีฤทธิ์อำนาจทำอัศจรรย์ได้ แต่เรื่องที่ตามมาแสดงให้เห็นว่าไม้เท้าทำอะไรไม่ได้ถ้าประกาศกไม่อยู่และอธิษฐานภาวนาด้วย

i “จามเจ็ดครั้ง” การจามแสดงว่ามีชีวิตกลับมาในร่างอย่างสมบูรณ์ (เจ็ดครั้ง) เทียบ ปฐก 2:7 ซึ่งเล่าว่าพระเจ้าทรงเป่าลมปราณแห่งชีวิตเข้าในจมูกของอาดัม และมนุษย์ก็หายใจโดยทางจมูก (เทียบ อสย 2:22) * “เจ็ดครั้ง” สำนวนแปลภาษากรีกและสำนวนแปลภาษาละตินโบราณให้วลีนี้ขยาย “เอลีชาเหยียดกายทับเด็ก”

j “น้ำเต้าป่า” เป็นผลจากเถาไม้ป่า มีรสขมและทำให้ถ่ายท้องอย่างรุนแรง มักจะใช้เป็นไม้ประดับ

k “รวงข้าวที่เพิ่งเกี่ยวได้” แปลโดยคาดคะเน แปลตามตัวอักษรว่า “ผลใหม่ในถุง” * “ถุง” นี้อาจหมายถึงถุงหรือกระสอบ หรืออาจหมายถึงเปลือกหุ้มเมล็ดข้าวก็ได้

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก