V. กษัตริย์เฮเซคียาห์และโยสิยาห์ทรงปฏิรูปศาสนาครั้งใหญ่

 

ก. บาปของกษัตริย์อาคัสพระบิดาของกษัตริย์เฮเซคียาห์

 

กษัตริย์อาคัสทรงขึ้นครองราชย์ และทรงกราบไหว้รูปเคารพ

28 1อาคัสทรงเป็นกษัตริย์เมื่อพระชนมายุได้ยี่สิบพรรษา และทรงครองราชย์เป็นเวลาสิบหกปีที่กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ไม่ทรงกระทำสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงเห็นว่าถูกต้อง ต่างจากที่กษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษทรงกระทำ 2พระองค์ทรงดำเนินตามวิถีทางของกษัตริย์แห่งอิสราเอล ทรงหล่อรูปเคารพของพระบาอัล 3ทรงเผากำยานถวายพระบาอัลในหุบเขาเบนฮินโนมa ทรงเผาพระโอรสเป็นเครื่องบูชา ตามแบบอย่างน่ารังเกียจของชนชาติซึ่งพระยาห์เวห์ทรงขับไล่ออกไป ให้ชาวอิสราเอลเข้ามาอาศัยอยู่แทน 4พระองค์ยังทรงถวายเครื่องบูชาและทรงเผากำยานตามสักการสถานบนที่สูง บนเนินเขา และใต้ร่มไม้ทุกแห่ง

 

สงครามซีโรเอฟราอิมb

          5พระยาห์เวห์พระเจ้าของกษัตริย์อาคัสจึงทรงมอบพระองค์ไว้ในอำนาจของกษัตริย์แห่งอารัม ชาวอารัมรบชนะพระองค์ และจับประชาชนจำนวนมากของพระองค์เป็นเชลย นำไปที่กรุงดามัสกัส กษัตริย์อาคัสยังทรงถูกมอบไว้ในอำนาจของกษัตริย์แห่งอิสราเอลที่ทรงมีชัยชนะจนกษัตริย์อาคัสทรงพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ 6กษัตริย์เปคาห์บุตรของเรมาลิยาห์ได้ฆ่านักรบกล้าหาญชาวยูดาห์หนึ่งแสนสองหมื่นคนในวันเดียว เพราะเขาเหล่านั้นได้ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษ 7ศิครีวีรบุรุษของชนเผ่าเอฟราอิมได้ฆ่ามาอาเสอาห์พระโอรสของกษัตริย์อัสรีคัมเจ้ากรมวัง และเอลคานาห์อุปราช 8แม้ชาวอิสราเอลและชาวยูดาห์เป็นพี่น้องกัน ชาวอิสราเอลก็ได้จับญาติพี่น้องของตนเป็นเชลยสองแสนคน รวมทั้งผู้หญิงและเด็กๆ เขายังริบของเชลยจำนวนมากจากพี่น้องของตน นำไปยังกรุงสะมาเรียด้วย

 

ชาวอิสราเอลเชื่อฟังประกาศกโอเดดc

          9ที่กรุงสะมาเรียมีประกาศกคนหนึ่งของพระยาห์เวห์ชื่อโอเดด เขาออกไปพบกองทัพที่กำลังกลับมา พูดกับทุกคนว่า “ดูซิ พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านทั้งหลายกริ้วชาวยูดาห์ พระองค์จึงทรงมอบเขาไว้ในอำนาจของท่านทั้งหลาย แต่ท่านได้ฆ่าเขาเหล่านั้นอย่างทารุณโหดร้าย จนความทารุณโหดร้ายนี้ขึ้นไปถึงสวรรค์ 10บัดนี้ ท่านทั้งหลายคิดจะทำให้ชาวยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มทั้งชายและหญิงเป็นทาสของท่าน ท่านทั้งหลายก็ทำบาปผิดต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยมิใช่หรือ 11บัดนี้ จงฟังข้าพเจ้าเถิด จงปล่อยเชลยที่ท่านได้จับมาจากหมู่ญาติพี่น้องของท่านกลับไป มิฉะนั้น พระยาห์เวห์จะกริ้วลงโทษท่านด้วย”

          12หัวหน้าชาวเอฟราอิมบางคน คือ อาซาริยาห์บุตรโยคานัน เบเรคิยาห์บุตรเมชิลเลโมท เยฮิสคียาห์บุตรชัลลูม และอามาสาบุตรหัดลัย ได้ยืนขึ้นไม่เห็นด้วยกับการกระทำของบรรดาผู้ที่กลับจากสงคราม 13พูดว่า “อย่านำเชลยเข้ามาที่นี่ เราทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์อยู่แล้ว ท่านทั้งหลายคิดจะเพิ่มจำนวนบาปและความผิดของเรา ขณะที่ความผิดของเราก็หนักอยู่แล้ว และพระพิโรธก็กำลังจะลงโทษอิสราเอล” 14บรรดาทหารจึงปล่อยพวกเชลยและวางข้าวของที่ริบมาได้ต่อหน้าหัวหน้าและประชาชนที่มาชุมนุมกัน 15บางคนได้รับหน้าที่ให้ดูแลพวกเชลย เขานำเสื้อผ้าและรองเท้าจากของที่ริบมาได้ให้แก่เชลยที่ไม่มีของเหล่านั้น จัดหาอาหารและเครื่องดื่มให้ เทน้ำมันมะกอกเทศใส่บาดแผล นำคนที่อ่อนเพลียเดินไม่ได้บรรทุกบนหลังลา นำกลับไปให้ญาติพี่น้องของเขาที่เมืองเยรีโค ซึ่งเป็นเมืองที่มีต้นอินทผลัม แล้วจึงกลับไปยังกรุงสะมาเรีย

 

กษัตริย์อาคัสทรงขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์อัสซีเรีย ทรงละทิ้งพระยาห์เวห์

            16กษัตริย์อาคัสทรงส่งทูตไปเฝ้ากษัตริย์แห่งอัสซีเรียเพื่อขอความช่วยเหลือd 17เพราะชาวเอโดมเข้ามาโจมตียูดาห์อีก และจับประชาชนจำนวนหนึ่งเป็นเชลย 18ชาวฟีลิสเตียเข้ามาปล้นเมืองต่างๆ ที่ลาดเขาเชเฟลาห์และในดินแดนเนเกบของยูดาห์ ยึดได้เมืองเบธเชเมช อัยยาโลน เกเดโรท โสโคและชนบทโดยรอบ เมืองทิมนาห์และชนบทโดยรอบ รวมทั้งเมืองกิมโซและชนบทโดยรอบ แล้วตั้งหลักแหล่งอยู่ที่นั่น 19พระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้ยูดาห์ต้องตกต่ำเพราะอาคัสกษัตริย์แห่งอิสราเอลe ผู้ทรงปล่อยให้ชาวยูดาห์หลงผิดและทรงไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ 20กษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียจึงเสด็จมา แต่แทนที่จะทรงช่วยเหลือกษัตริย์อาคัส กลับทรงข่มเหงพระองค์f 21กษัตริย์อาคัสจึงทรงมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพระวิหารของพระยาห์เวห์ ของพระราชวัง และของบรรดาเจ้านาย ถวายเป็นบรรณาการแด่กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย แต่ไม่ทรงได้รับความช่วยเหลืออะไรเลย

          22แม้เมื่อกษัตริย์อาคัสต้องทรงลำบากมากเช่นนี้ พระองค์ก็ยังไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ 23พระองค์ทรงถวายเครื่องบูชาแด่เทพเจ้าของกรุงดามัสกัสผู้ทรงรบชนะพระองค์ ตรัสว่า “เทพเจ้าของกษัตริย์ชาวอารัมทรงช่วยเหลือเขาทั้งหลาย เราจึงจะถวายเครื่องบูชาแด่เทพเจ้าเหล่านี้เพื่อจะได้รับความช่วยเหลือด้วย” แต่โดยแท้จริงแล้ว เทพเจ้าเหล่านั้นทรงนำความพินาศมาให้พระองค์และชาวอิสราเอลทั้งหลาย

          24กษัตริย์อาคัสทรงรวบรวมเครื่องใช้ในพระวิหารของพระเจ้า มาทุบทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทรงปิดประตูพระวิหารของพระยาห์เวห์ และทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับพระองค์ตามมุมทุกมุมในกรุงเยรูซาเล็ม 25ทรงสร้างสักการสถานบนที่สูงในทุกเมืองแห่งยูดาห์ เพื่อเผากำยานถวายแด่เทพเจ้าอื่นๆ ทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษทรงพระพิโรธg

            26เหตุการณ์ในรัชสมัยกษัตริย์อาคัส และสิ่งอื่นๆ ที่ทรงกระทำตั้งแต่ต้นจนจบ มีบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารของกษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล 27กษัตริย์อาคัสสิ้นพระชนม์และทรงถูกฝังไว้ที่กรุงเยรูซาเล็ม แต่ไม่ทรงถูกฝังไว้ในที่ฝังพระศพของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล เฮเซคียาห์พระโอรสทรงครองราชย์สืบต่อมา

 

28 a “หุบเขาเบนฮินโนม” (หรือ “เกเฮนนา”) เป็นหุบเขาทางทิศใต้ของกรุงเยรูซาเล็ม ที่นี่เคยมีสักการสถานของเทพโมเลคตั้งอยู่ (ดู ลนต 18:21; 2 พกษ 23:10; ยรม 32:35)

b วิธีการเล่าถึงเรื่องสงครามซีโรเอฟราอิมที่นี่ มีมุมมองแตกต่างกันมากจากวิธีการเล่าของแหล่งข้อมูลอื่นๆ ของอาณาจักรยูดาห์ คือ 2 พกษ 16 และ อสย 7-9 ดูเหมือนว่าผู้เขียนพงศาวดารใช้แหล่งข้อมูลของชนเผ่าเอฟราอิม

c น่าสังเกตว่า แม้ผู้เขียนพงศาวดารจะเป็นอริกับอาณาจักรเหนือ แต่เขาก็ยังยอมรับธรรมประเพณีสายนี้ซึ่งไม่พบใน 2 พกษ ธรรมประเพณีนี้เล่าถึงประกาศกชาวสะมาเรียผู้เลื่อมใสศรัทธาต่อพระยาห์เวห์ ที่เรียกชาวยูดาห์ว่า “ญาติพี่น้อง” และชักชวนผู้นำชาวอิสราเอลให้ปล่อยเชลยชาวยูดาห์กลับบ้าน เราไม่พบความมีใจกว้างเช่นนี้ได้ที่ใดอีกในหนังสือพงศาวดาร เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นการปูทางให้แก่เรื่องอุปมาของพระเยซูเจ้าเรื่อง “ชาวสะมาเรียผู้ใจดี” ใน ลก 10:29-37

d จากแหล่งข้อมูลที่ผู้เขียนพงศาวดารใช้ ศัตรูที่คุกคามกษัตริย์อาคัสไม่มีแต่เพียงชาวอารัมและอิสราเอลเท่านั้น (ดู 2 พกษ 16:7) แต่ยังมีชาวเอโดมและชาวฟีลิสเตียอีกด้วย จดหมายเหตุของชาวอัสซีเรียเล่าถึงสงครามที่กษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์ที่ 3 ทรงทำกับชาวฟีลิสเตียด้วย การที่กษัตริย์อาคัสทรงขอร้องให้อัสซีเรียมาช่วยในครั้งนี้ทำให้พระองค์ต้องถวายบรรณาการจำนวนมากและยอมเป็นประเทศราชของอัสซีเรีย ผู้เขียนพงศาวดารอธิบายว่าเหตุการณ์นี้เป็นการลงโทษจากพระเจ้า

e “อาคัสกษัตริย์แห่งอิสราเอล” การเรียกเช่นนี้ยังพบได้อีกในข้อ 27 และใน 21:2 ในทรรศนะของผู้เขียนพงศาวดาร อาณาจักรยูดาห์คืออิสราเอลประชากรของพระยาห์เวห์ที่ยังคงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าอยู่ ต้นฉบับภาษากรีกแก้ข้อความนี้เป็น “กษัตริย์แห่งยูดาห์”

f “กลับทรงข่มเหงพระองค์” เรื่องนี้ไม่มีกล่าวถึงทั้งในจดหมายเหตุของอัสซีเรีย ทั้งใน 2 พกษ ดูเหมือนว่าผู้เขียนพงศาวดารนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของกษัตริย์เฮเซคียาห์ (2 พศด 32) มากล่าวไว้ในรัชสมัยของกษัตริย์อาคัส

g ตั้งแต่ข้อ 22 เป็นต้นมา ผู้เขียนพงศาวดารเล่าเรื่องราวใน 2 พกษ ไปอีกแบบหนึ่ง โดยเน้นเหตุการณ์ที่มีความหมายทางศาสนาเท่านั้น การที่กษัตริย์อาคัสยอมเป็นประเทศราชของอัสซีเรียเป็นเหมือนการยอมรับนับถือเทพเจ้าของอัสซีเรียด้วย