“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

โกลิอัทท้าทายกองทัพของชาวอิสราเอล

17 1ชาวฟีลิสเตียรวมพลเพื่อทำสงคราม มาชุมนุมกันที่เมืองโสโคห์ในแคว้นยูดาห์ ตั้งค่ายอยู่ที่เอเฟสดัมมิม ระหว่างเมืองโสโคห์และอาเซคาห์ 2กษัตริย์ซาอูลกับชาวอิสราเอลก็มาชุมนุมกันด้วย ตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขาเอลาห์ และตั้งแนวรบอยู่ตรงข้ามกับชาวฟีลิสเตีย 3ชาวฟีลิสเตียตั้งมั่นอยู่บนเนินเขาลูกหนึ่ง ส่วนชาวอิสราเอลตั้งมั่นอยู่บนเนินเขาอีกลูกหนึ่ง ตรงกันข้าม มีหุบเขาคั่นอยู่

4นักรบคนหนึ่งออกจากค่ายของชาวฟีลิสเตียมาท้าทายชาวอิสราเอล เขาชื่อโกลิอัทa เป็นชาวเมืองกัท สูงประมาณสามเมตร 5สวมหมวกทองสัมฤทธิ์ และเสื้อเกราะทองสัมฤทธิ์หนักมากกว่าห้าสิบกิโลกรัม 6เขายังสวมเกราะหุ้มแข้ง สะพายแหลนทองสัมฤทธิ์ 7ด้ามหอกของเขาใหญ่เหมือนไม้หูกทอผ้า หัวหอกเป็นเหล็กหนักประมาณเจ็ดกิโลกรัม มีทหารถือโล่เดินนำหน้า

8โกลิอัทมายืนอยู่หน้าแนวรบของชาวอิสราเอล ร้องตะโกนว่า “ทำไมท่านทั้งหลายจึงออกมาตั้งแนวรบ ข้าพเจ้าเป็นชาวฟีลิสเตีย แต่ท่านเป็นทาสของซาอูล จงเลือกbคนหนึ่งออกมาสู้กับข้าพเจ้าซิ 9ถ้าเขาต่อสู้กับข้าพเจ้าและฆ่าข้าพเจ้าได้ พวกเราจะยอมเป็นทาสของท่าน แต่ถ้าข้าพเจ้าเอาชนะและฆ่าเขาได้ ท่านทั้งหลายจะต้องเป็นทาสรับใช้พวกเรา” 10ชาวฟีลิสเตียคนนั้นเสริมอีกว่า “วันนี้ ข้าพเจ้าท้าทายกองทัพอิสราเอล จงส่งคนมาและเราจะต่อสู้กัน” 11เมื่อกษัตริย์ซาอูลกับทหารอิสราเอลทั้งหลายได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ของชาวฟีลิสเตีย ก็ตกใจและกลัวมาก


ดาวิดมาถึงค่ายของกษัตริย์ซาอูล

12ดาวิดเป็นบุตรของชาวเอฟราธาคนหนึ่งจากเมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูดาห์ชื่อเจสซี ซึ่งมีบุตรชายแปดคน ในรัชสมัยของกษัตริย์ซาอูล ชายผู้นี้ชราแล้วและเป็นที่นับถือของทุกคนc 13บุตรชายสามคนแรกของเจสซีไปกับกษัตริย์ซาอูลเพื่อทำสงคราม บุตรทั้งสามคนซึ่งไปทำสงครามนี้ คนแรกชื่อเอลีอับ คนที่สองชื่ออาบีนาดับ คนที่สามชื่อชัมมาห์ 14ดาวิดยังเด็กอยู่ เมื่อพี่ชายทั้งสามคนตามกษัตริย์ซาอูลไปสงคราม 15ดาวิดติดตามกษัตริย์ซาอูลด้วย แต่ก็ไปๆ มาๆ เพื่อดูแลฝูงแพะแกะของบิดาที่เบธเลเฮมd 16นักรบชาวฟีลิสเตียคนนั้นออกมาท้าทายชาวอิสราเอลทุกเช้าเย็นเป็นเวลาสี่สิบวัน 17วันหนึ่งเจสซีบอกดาวิดบุตรของตนว่า “จงรีบเอาข้าวคั่วสองถังกับขนมปังสิบก้อนนี้ไปให้พี่ชายที่ค่ายเถิด 18แล้วเอาเนยแข็งสิบก้อนนี้ไปให้นายทหารผู้บังคับบัญชาเขา ถามดูสิว่า พี่ชายทั้งสามคนเป็นอย่างไรบ้าง และนำของที่เขาฝากกลับมาให้พ่อรู้ว่าเขาสบายดี 19กษัตริย์ซาอูลพี่ชายของลูกพร้อมกับกองทัพอิสราเอลอยู่ที่เขาเอลาห์ กำลังสู้รบกับชาวฟีลิสเตีย”

20วันรุ่งขึ้น ดาวิดลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ ทิ้งฝูงแพะแกะไว้ให้คนอื่นดูแล จัดสัมภาระออกเดินทางตามคำสั่งของเจสซี เขามาถึงค่ายพอดีกับที่ชาวอิสราเอลกำลังออกไปตั้งแนวรบ และโห่ร้องจะออกศึก 21ชาวอิสราเอลและชาวฟีลิสเตียต่างตั้งแนวรบเผชิญหน้ากัน 22ดาวิดฝากสิ่งของไว้กับทหารเฝ้าสัมภาระ แล้ววิ่งไปยังแนวรบ เพื่อถามพี่ชายว่าเป็นอย่างไรบ้าง

23ขณะที่ดาวิดกำลังคุยกับพี่ชายอยู่นั้น นักรบชาวฟีลิสเตียจากเมืองกัทคนหนึ่ง ชื่อโกลิอัท ออกจากแนวรบของชาวฟีลิสเตีย มาท้าทายชาวอิสราเอลเช่นเคย และดาวิดได้ยิน 24เมื่อชาวอิสราเอลเห็นชายผู้นี้ ต่างวิ่งหนีไปเพราะกลัวมาก 25ชาวอิสราเอลพูดกันว่า “เห็นคนนั้นที่ออกมาไหม เขาออกมาท้าทายชาวอิสราเอล ใครฆ่าเขาได้ กษัตริย์จะประทานรางวัลให้จนร่ำรวย จะประทานพระธิดาให้ ทั้งจะทรงยกเว้นภาษีให้ครอบครัวบิดาของเขาด้วย”

26ดาวิดถามคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ว่า “ผู้ที่ฆ่าชาวฟีลิสเตียคนนี้ และช่วยชาวอิสราเอลให้พ้นความอับอายจะได้อะไรบ้าง ชาวฟีลิสเตียที่ไม่เข้าสุหนัตผู้นี้เป็นใครกันจึงบังอาจมาท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” 27ทุกคนตอบดาวิดเช่นเดียวกันว่า “ผู้ที่ฆ่าชาวฟีลิสเตียคนนั้นจะได้รับตามที่กษัตริย์ทรงสัญญาไว้” 28เอลีอับพี่ชายคนโตของดาวิดได้ยินเขาพูดกับบรรดาทหารก็โกรธ ดุว่า “มาทำอะไรที่นี่ พวกเรามีแพะแกะอยู่ไม่กี่ตัวในถิ่นทุรกันดาร เจ้าปล่อยไว้ให้ใครเลี้ยง ฉันรู้ว่าเจ้าเป็นคนเย่อหยิ่งและทะเยอทะยาน เจ้าออกมาดูเขารบกันเท่านั้น” 29ดาวิดตอบว่า “น้องทำอะไรผิด จะถามสักหน่อยไม่ได้หรือ” 30ดาวิดผละจากพี่ชายหันไปถามเรื่องเดียวกันจากทหารอีกคนหนึ่ง ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิม 31มีผู้ได้ยินดาวิดพูด จึงนำไปทูลกษัตริย์ซาอูล พระองค์ทรงเรียกดาวิดให้ไปเฝ้า


ดาวิดทูลอาสาออกไปสู้กับโกลิอัทe

32ดาวิดทูลกษัตริย์ซาอูลว่า “อย่าให้ใครหมดกำลังใจเพราะชาวฟีลิสเตียผู้นี้ ผู้รับใช้ของพระองค์จะไปต่อสู้กับเขาเอง” 33ซาอูลตรัสกับดาวิดว่า “เจ้าจะไปสู้รบกับชาวฟีลิสเตียคนนี้ไม่ได้ เจ้ายังเป็นเด็ก ส่วนเขาเป็นนักรบมาตั้งแต่วัยหนุ่ม”

34แต่ดาวิดทูลตอบว่า “ผู้รับใช้ของพระองค์เคยเลี้ยงแพะแกะของบิดา ครั้งใดที่มีสิงโตหรือหมีมาคาบแพะแกะไปจากฝูง 35ข้าพเจ้าจะตามล่ามัน เข้าโจมตีมัน แย่งแพะแกะจากปากของมันได้ ถ้ามันหันมาสู้ ข้าพเจ้าจะจับขนที่คอของมันแล้วทุบตีมันจนตาย 36ผู้รับใช้ของพระองค์เคยฆ่าทั้งสิงโตและหมีมาแล้ว ก็จะฆ่าชาวฟีลิสเตียที่ไม่เข้าสุหนัตผู้นี้เช่นเดียวกัน เขาท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” 37ดาวิดเสริมว่า “พระยาห์เวห์ผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากเล็บของสิงโตและหมีมาแล้ว จะทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากมือของชาวฟีลิสเตียผู้นี้ด้วย” ซาอูลตรัสตอบดาวิดว่า “ไปเถิด ขอพระยาห์เวห์สถิตกับเจ้า”

38ซาอูลประทานเครื่องอาวุธของพระองค์ให้ดาวิดใช้ ทรงสวมหมวกทองสัมฤทธิ์ให้เขา ประทานเสื้อเกราะให้สวม 39ดาวิดคาดดาบfทับเสื้อเกราะแล้วลองเดินดู ก็เดินไม่ไหวเพราะไม่เคย จึงทูลซาอูลว่า “ถ้าให้สวมเครื่องเหล่านี้ ข้าพเจ้าเดินไม่ได้ เพราะไม่เคยชิน” แล้วดาวิดก็ถอดเครื่องอาวุธออก


ดาวิดสู้กับโกลิอัทg

40ดาวิดหยิบไม้เท้ามาถือไว้ แล้วเก็บก้อนหินเกลี้ยงห้าก้อนจากท้องห้วยใส่ย่ามที่ผู้เลี้ยงแกะใช้ ถือสลิง เดินเข้าไปหาชาวฟีลิสเตียคนนั้น 41ชาวฟีลิสเตียค่อยๆ เดินเข้ามาหาดาวิด มีคนถือโล่เดินนำหน้า 42เมื่อชาวฟีลิสเตียมองดูดาวิดเห็นถนัดแล้ว ก็นึกดูถูก เพราะดาวิดเป็นเพียงเด็กหนุ่ม ผมแดง มีรูปร่างหน้าตาดี 43ชาวฟีลิสเตียตะโกนถามดาวิดว่า “เจ้าเห็นข้าเป็นสุนัขหรือจึงถือไม้เท้าเข้ามาหา” ชาวฟีลิสเตียออกนามเทพเจ้าของตนสาปแช่งดาวิด 44แล้วร้องท้าดาวิดว่า “เข้ามาซิ ข้าจะเอาร่างของเจ้าให้นกและสัตว์ป่ากิน” 45ดาวิดตอบชาวฟีลิสเตียว่า “ท่านถือดาบ หอก และแหลนมาสู้กับข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้ามาสู้กับท่าน เดชะพระนามพระยาห์เวห์จอมจักรวาล พระเจ้าแห่งกองทัพอิสราเอลที่ท่านดูหมิ่น 46วันนี้แหละ พระยาห์เวห์จะทรงมอบท่านให้อยู่ในมือของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะฆ่าและตัดศีรษะของท่าน เอาร่างของบรรดาทหารชาวฟีลิสเตียhให้นกในอากาศและสัตว์ป่ากิน แล้วทั่วแผ่นดินจะรู้ว่าอิสราเอลมีพระเจ้า 47ทุกคนที่ชุมนุมกันที่นี่จะรู้ว่า พระยาห์เวห์ไม่ทรงต้องใช้ดาบหรือหอก เพื่อทรงช่วยให้รอดพ้น เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้กำหนดว่าใครจะชนะในสงคราม และจะทรงมอบท่านทั้งหลายไว้ในมือของเรา”

48ชาวฟีลิสเตียเดินตรงเข้ามาหาดาวิดอีก ดาวิดวิ่งลงสู่สนามรบ ไปต่อสู้ชาวฟีลิสเตีย 49ดาวิดล้วงลงไปในย่าม หยิบหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง ใส่สลิงเหวี่ยงไปถูกหน้าผากของชาวฟีลิสเตีย ก้อนหินเจาะหน้าผากเข้าไป เขาล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นดิน 50ดาวิดพิชิตชาวฟีลิสเตียโดยใช้สลิงและก้อนหิน เขาปราบและฆ่าชาวฟีลิสเตียได้ทั้งๆ ที่ตนไม่มีดาบในมือ 51ดาวิดวิ่งไปยืนคร่อมร่างชาวฟีลิสเตียไว้ เขาชักดาบของชาวฟีลิสเตียออกจากฝัก ฆ่าเขา และตัดศีรษะออกจากร่าง

เมื่อบรรดาชาวฟีลิสเตียเห็นว่านักรบของตนตายแล้ว ต่างก็ออกวิ่งหนีไป 52ทหารชาวอิสราเอลและยูดาห์จึงร้องตะโกนวิ่งไล่ตามชาวฟีลิสเตียไปจนถึงเมืองกัทและไปจนถึงประตูเมืองเอโครน ชาวฟีลิสเตียล้มบาดเจ็บอยู่ตามถนนจากเมืองซาอาราอิมไปจนถึงเมืองกัทiและเอโครน 53แล้วชาวอิสราเอลก็กลับจากการไล่ฆ่าฟันชาวฟีลิสเตียมาปล้นค่าย 54ดาวิดเอาศีรษะของชาวฟีลิสเตียผู้นั้นไปที่กรุงเยรูซาเล็ม ส่วนอาวุธนั้นเขาเก็บไว้ในกระโจมของตนj


ดาวิดผู้พิชิตโกลิอัทเข้าเฝ้ากษัตริย์ซาอูลk

55เมื่อกษัตริย์ซาอูลทรงเห็นดาวิดออกไปรบกับชาวฟีลิสเตีย พระองค์ตรัสถามอับเนอร์แม่ทัพของพระองค์ว่า “อับเนอร์ เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นบุตรของใคร” อับเนอร์ทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ทราบเลย พระเจ้าข้า” 56กษัตริย์จึงตรัสว่า “จงไปสืบดูว่า เขาเป็นบุตรของใคร”

57เมื่อดาวิดฆ่าชาวฟีลิสเตียแล้ว กลับมาถึงค่าย อับเนอร์ก็พาเขาเข้าเฝ้ากษัตริย์ซาอูล ดาวิดถือศีรษะของชาวฟีลิสเตียเข้ามาด้วย 58ซาอูลตรัสถามเขาว่า “พ่อหนุ่มเอ๋ย เจ้าเป็นลูกของใคร” ดาวิดทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นบุตรของเจสซีชาวเบธเลเฮม ผู้รับใช้ของพระองค์”

 

17 a 2 ซมอ 21:19 เล่าเรื่องนักรบคนหนึ่งของกษัตริย์พิชิตยักษ์ ดูเหมือนว่าข้อความข้อนี้มาจากธรรมประเพณีโบราณกว่า ส่วนธรรมประเพณีที่อยู่เบื้องหลังบทที่ 17 กล่าวเพียงว่าดาวิดมีชัยชนะต่อ “ชาวฟีลิสเตีย” ผู้หนึ่งโดยไม่ออกชื่อ ชื่อของโกลิอัทถูกเพิ่มเข้ามาในข้อ 4 และ 23

b “เลือกคนหนึ่ง” โกลิอัทสบประมาทกษัตริย์ซาอูลซึ่งเป็นกษัตริย์ปกครอง มีอำนาจสูงสุดเพียงผู้เดียว แต่ไม่สามารถออกมาต่อสู้กับข้าศึกตัวต่อตัวได้

c “เป็นที่นับถือของทุกคน” แปลตามตัวอักษรว่า “มาระหว่างผู้คน” บางคนแปลว่า “มีอายุมาก” ต้นฉบับโบราณภาษากรีกละข้อ 12-31 ซึ่งมาจากธรรมประเพณีอีกสายหนึ่งที่เล่าว่า กษัตริย์ซาอูลยังไม่ทรงรู้จักดาวิด (ดู 16:14 เชิงอรรถ d)

d ข้อ 15 นี้เป็นคำอธิบายที่ผู้เรียบเรียงเพิ่มเติมเพื่อนำเรื่องราวจากธรรมประเพณีสองสายมารวมเข้าด้วยกัน

e เรื่องราวตั้งแต่ข้อ 32 เป็นเรื่องต่อจากข้อ 11 มาจากธรรมประเพณีสายแรก ต่อจากนี้ไป ธรรมประเพณีทั้งสองสายจะรวมกัน

f “ดาวิดคาดดาบ” ต้นฉบับภาษากรีกว่า “กษัตริย์ซาอูลทรงคาดดาบให้ดาวิด”

g การต่อสู้กันตัวต่อตัวระหว่างนักรบสองคนแทนกองทัพเพื่อยุติสงครามและตัดสินว่าฝ่ายใดชนะ (ดู ข้อ 8-10) ยังพบได้อีกใน 2 ซมอ 2:12-17; 21:15-22; 23:20-21

h “ร่างของบรรดาทหารชาวฟีลิสเตีย” ต้นฉบับภาษากรีกว่า “ร่างของท่านและของบรรดาทหารชาวฟีลิสเตีย”

i “เมืองกัท” บางคนแปลว่า “หุบเขา”

j “เก็บไว้ในกระโจมของตน” หมายความว่า “เก็บไว้กับตนเอง” ข้อนี้คงจะเพิ่มเติมในภายหลัง เพราะว่าในสมัยนั้นกรุงเยรูซาเล็มยังไม่เป็นเมืองของชาวอิสราเอล กษัตริย์ดาวิดจะทรงยึดได้ในภายหลัง (2 ซมอ 5:6-9) นอกจากนั้น ดาวิดยังไม่เป็นทหารจึงไม่มีกระโจมเป็นของตน

k ข้อความตอนนี้มาจากธรรมประเพณีเดียวกับเรื่องใน 17:12-30 ดาวิดยังไม่เป็นที่รู้จักของกษัตริย์ซาอูล ซึ่งขัดกับเรื่องราวใน 16:14-23 ข้อความใน 17:55-18:5 จึงไม่มีในต้นฉบับโบราณภาษากรีกเช่นเดียวกับ 17:12-31

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก