II. ซามูเอลและกษัตริย์ซาอูล


ก. การสถาปนาระบอบกษัตริย์a

 

ประชากรขอมีกษัตริย์b

8 1เมื่อซามูเอลชราแล้ว เขาแต่งตั้งบุตรของตนขึ้นเป็นผู้วินิจฉัยสำหรับชาวอิสราเอลc 2บุตรคนแรกชื่อโยเอล บุตรคนที่สองชื่ออาบียาห์ ทั้งสองคนทำหน้าที่ผู้วินิจฉัยอยู่ที่เมืองเบเออร์เชบา 3แต่บุตรทั้งสองคนไม่ประพฤติตามแบบอย่างของบิดา เขาแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่ถูกต้อง รับเงินสินบนและตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม 4บรรดาผู้อาวุโสของชาวอิสราเอลจึงมาชุมนุมกัน ไปหาซามูเอลที่เมืองรามาห์ พูดว่า 5“ท่านชราแล้ว และบุตรของท่านไม่ประพฤติตามแบบอย่างของท่าน ดังนั้น ท่านจงแต่งตั้งกษัตริย์ขึ้นปกครองพวกเราเหมือนกับชนชาติอื่นเถิด”d 6ซามูเอลไม่พอใจที่เขาเหล่านั้นขอกษัตริย์มาปกครอง จึงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 7พระยาห์เวห์ตรัสตอบซามูเอลว่า “จงฟังถ้อยคำทุกประการที่ประชากรพูดกับท่านเถิด เขาไม่ได้ละทิ้งท่าน แต่ละทิ้งเรา ไม่ยอมให้เราเป็นกษัตริย์ปกครองเขา 8ตั้งแต่วันที่เรานำพวกเขาออกจากอียิปต์จนถึงทุกวันนี้ เขาทำกับเราโดยหันเหไปนมัสการพระอื่นอย่างไร บัดนี้เขาก็ทำกับท่านอย่างนั้น 9ดังนั้น ท่านจงฟังข้อเสนอของเขาเถิด แต่จงเตือนเขาอย่างชัดเจน บอกให้เขารู้ว่ากษัตริย์ซึ่งจะปกครองเขานั้นมีสิทธิอะไรบ้าง”


ผลเสียของระบอบกษัตริย์

          10ซามูเอลบอกให้ประชากรที่มาขอกษัตริย์รู้ทุกอย่างที่พระยาห์เวห์ตรัส 11เขากล่าวว่า “นี่เป็นสิทธิของกษัตริย์ที่จะมาปกครองท่านe พระองค์จะทรงเกณฑ์บรรดาบุตรชายของท่านไปเป็นทหารประจำรถรบและประจำม้า วิ่งนำหน้ารถรบของพระองค์ 12พระองค์จะทรงแต่งตั้งบุตรของท่านบางคนเป็นนายทหารคุมทหารพันคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง พระองค์จะทรงบังคับบุตรของท่านให้ไถนาและเก็บเกี่ยวผลผลิตจากทุ่งนาของพระองค์ หรือให้เป็นช่างทำอาวุธและอุปกรณ์รถรบของพระองค์ 13พระองค์จะทรงเกณฑ์บุตรสาวของท่านไปทำน้ำหอม ปรุงอาหารและทำขนมสำหรับพระองค์ 14พระองค์จะทรงยึดทุ่งนา สวนองุ่นและสวนมะกอกเทศดีที่สุดของท่านไปให้ข้าราชบริพารของพระองค์ 15พระองค์จะทรงชักหนึ่งในสิบจากข้าวและผลองุ่น ไปยกให้ข้าราชสำนักและข้าราชการอื่นๆ 16พระองค์จะทรงเอาทาสชายหญิง ฝูงโคf และลาดีที่สุดของท่านไปทำงานให้พระองค์ 17พระองค์จะทรงเอาหนึ่งในสิบจากฝูงแพะแกะของท่าน และท่านจะต้องเป็นทาสของพระองค์ 18เมื่อถึงเวลานั้นกษัตริย์ที่ท่านได้เลือกสำหรับท่านนี้จะเป็นเหตุให้ท่านร้องขอความช่วยเหลือ แต่ในวันนั้น พระยาห์เวห์จะไม่ทรงฟังท่าน”

19ประชากรไม่ยอมฟังเสียงของซามูเอล กลับพูดว่า “จะไม่เป็นเช่นนี้ พวกเราต้องการกษัตริย์ปกครอง 20เราจะได้เป็นเหมือนชนชาติอื่นที่มีกษัตริย์ปกครอง พระองค์จะทรงนำพวกเราออกไปสู้รบกับศัตรูพร้อมกับเรา” 21ซามูเอลฟังถ้อยคำทุกคำที่ประชากรพูด และนำเรื่องไปทูลพระยาห์เวห์ 22พระยาห์เวห์จึงตรัสกับซามูเอลว่า “จงทำตามข้อเสนอของเขา ให้เขามีกษัตริย์ปกครองเถิด” แล้วซามูเอลบอกชาวอิสราเอลว่า “แต่ละคนจงกลับไปเมืองของตนเถิด”g

 

8 a การสถาปนาระบอบกษัตริย์เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ทั้งทางการเมืองและทางศาสนาของชาวอิสราเอล สักการสถานอันเป็นที่ประดิษฐานหีบพันธสัญญาที่เมืองชิโลห์ถูกทำลายแล้ว และชาวฟีลิสเตียคุกคามความปลอดภัยของชาวอิสราเอล ประชาชนส่วนหนึ่งขอมีกษัตริย์ “เหมือนชนชาติอื่นๆ” เหมือนกับที่ประชาชนเคยขอให้กิเดโอนเป็นกษัตริย์ใน วนฉ 8:22ฯ และดังที่อาบีเมเลคพยายามตั้งตนเป็นกษัตริย์ใน วนฉ 9:1 แต่ประชาชนอีกส่วนหนึ่งมีความคิดเห็นตรงกันข้ามว่า พระยาห์เวห์ทรงเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลแต่พระองค์เดียว พระองค์จะทรงจัดหาผู้นำให้ตามที่สถานการณ์เรียกร้อง ดังที่เคยทรงกระทำในสมัยของผู้วินิจฉัย เพราะความคิดทั้งสองนี้ถูกนำมาเรียบเรียงไว้คู่กันในเรื่องเล่าเกี่ยวกับการสถาปนาระบอบกษัตริย์ ไม่เป็นการถูกต้องนักที่จะเรียกแนวความคิดทั้งสองนี้ว่าเป็น “ธรรมประเพณีต่อต้านระบอบกษัตริย์” (บทที่ 8; 10:17-24 บทที่ 12) และธรรมประเพณีสนับสนุนระบอบกษัตริย์ (9:1-10:16) ธรรมประเพณีที่แตกต่างกันนี้ น่าจะมาจากสักการสถานสองแห่ง แต่มีความคิดตรงกันเรื่องบทบาทของซามูเอลในด้านประวัติศาสตร์และศาสนา ซามูเอลมีบทบาทสำคัญในการสถาปนาระบอบกษัตริย์ซึ่งเคารพสิทธิของพระเจ้าเหนือประชาชน ระบอบกษัตริย์นี้ไม่ประสบความสำเร็จในรัชสมัยของกษัตริย์ซาอูล แต่จะประสบความสำเร็จในรัชสมัยของกษัตริย์ดาวิด ซึ่งทรงมีบุคลิกภาพสามารถทำให้บทบาททางศาสนาและทางการเมืองของกษัตริย์เข้ากันได้อย่างกลมกลืน พระองค์ยังทรงรวมคุณลักษณะของผู้นำทางการเมืองและหน้าที่ของผู้รับเจิมของพระยาห์เวห์เข้าด้วยกันได้อย่างดี ความสมดุลตามอุดมการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในบรรดากษัตริย์ผู้สืบตำแหน่งของพระองค์ ดังนั้น กษัตริย์ดาวิดจึงทรงเป็นต้นแบบของกษัตริย์ในอนาคต ซึ่งพระเจ้าจะทรงส่งมาช่วยประชากรของพระองค์ให้รอดพ้น พระองค์คือพระเมสสิยาห์ ผู้รับเจิมของพระเจ้า

b เรื่องนี้น่าจะเล่ากันในสักการสถานที่เมืองรามาห์ ซามูเอลไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของประชาชนที่ต้องการมีกษัตริย์เหมือนชนชาติอื่น (ดู ข้อ 5 เชิงอรรถ d) แต่เขาเห็นด้วยกับระบอบกษัตริย์ที่เคารพสิทธิพิเศษของพระยาห์เวห์

c ดู บทที่ 7:2 เชิงอรรถ b

d ชาวอิสราเอลลืมไปว่า ตนไม่เหมือนกับชนชาติอื่น ถ้าเขาปฏิบัติตามแบบอย่างของชนชาติอื่น และปฏิเสธไม่ยอมรับพระยาห์เวห์ซึ่งเป็นกษัตริย์ปกครองเขา (ดู ข้อ 7 และ 12:12) เขาก็จะทรยศต่อการที่พระยาห์เวห์ทรงเรียกเขามาเป็นประชากรของพระองค์

e แต่ก่อนมักจะคิดกันว่า “สิทธิของกษัตริย์” ที่กล่าวนี้สะท้อนสภาพการณ์ในรัชสมัยของกษัตริย์ซาโลมอนและผู้สืบตำแหน่งซึ่งใช้อำนาจปกครองอย่างไม่ถูกต้อง แต่นักวิชาการในสมัยนี้ได้ค้นพบเอกสารที่แสดงว่า เรื่องทำนองนี้เป็นสภาพการณ์ที่พบได้ในอาณาจักรของชาวคานาอัน ก่อนที่ชาวอิสราเอลจะเข้ามายึดครองแผ่นดินเสียด้วย

f “โค” แปลตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ชายหนุ่ม”

g ผู้เรียบเรียงเสริมประโยคนี้เพื่อเตรียมเล่าเรื่องการเจิมซาอูลเป็นกษัตริย์ใน 9:1-10:16