“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

ง. สงครามอีกครั้งหนึ่งกับชาวอารัม

 

กษัตริย์อาคับทรงวางแผนยึดเมืองราโมทกิเลอาด

22 1อิสราเอลไม่ได้ทำสงครามกับอารัมเป็นเวลาสามปี 2ในปีที่สาม กษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์เสด็จไปเยี่ยมกษัตริย์แห่งอิสราเอลa 3กษัตริย์แห่งอิสราเอลตรัสถามบรรดาข้าราชบริพารว่า “ท่านทั้งหลายรู้ไหมว่าเมืองราโมทกิเลอาดเป็นของเรา ทำไมพวกเราจึงไม่ทำอะไรเพื่อยึดคืนมาจากมือของกษัตริย์แห่งอารัม”b 4พระองค์ตรัสถามกษัตริย์เยโฮชาฟัทว่า “พระองค์จะเสด็จไปโจมตีเมืองราโมทกิเลอาดกับข้าพเจ้าไหม” กษัตริย์เยโฮชาฟัทตรัสตอบกษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า “ถ้าพระองค์ทรงพร้อม ข้าพเจ้าก็พร้อม กองทัพของข้าพเจ้าก็พร้อม กองทัพม้าของข้าพเจ้าก็พร้อมด้วย”

 

ประกาศกเทียมทำนายถึงชัยชนะ

5กษัตริย์เยโฮชาฟัทตรัสกับกษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า “จงทูลถามความเห็นจากพระยาห์เวห์เสียก่อนเถิด” 6กษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงเรียกบรรดาประกาศกจำนวนสี่ร้อยคนcมาประชุม แล้วทรงถามว่า “เราควรจะเข้าโจมตีเมืองราโมทกิเลอาดหรือไม่” เขาทั้งหลายตอบว่า “จงเข้าโจมตีเถิด พระยาห์เวห์ทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา” 7แต่กษัตริย์เยโฮชาฟัทตรัสถามว่า “ที่นี่ไม่มีประกาศกคนอื่นของพระยาห์เวห์ ที่เราจะทูลถามพระยาห์เวห์ได้อีกหรือ” 8กษัตริย์แห่งอิสราเอลตรัสตอบกษัตริย์เยโฮชาฟัทว่า “ยังมีอีกคนหนึ่งซึ่งเราจะทูลถามพระยาห์เวห์ได้ แต่ข้าพเจ้าเกลียดเขา เพราะเขาไม่เคยทำนายถึงเรื่องดีๆ ให้ข้าพเจ้าเลย มีแต่จะทำนายเรื่องร้ายๆ เท่านั้น เขาชื่อมีคายาห์บุตรของอิมลาห์”d กษัตริย์เยโฮชาฟัทตรัสตอบว่า “พระองค์ไม่ควรตรัสเช่นนั้น” 9กษัตริย์แห่งอิสราเอลจึงทรงเรียกข้าราชสำนักคนหนึ่งเข้ามา รับสั่งให้ไปนำมีคายาห์บุตรของอิมลาห์เข้ามาโดยเร็ว

10กษัตริย์แห่งอิสราเอลและกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ทรงเครื่องทรงกษัตริย์ประทับบนบัลลังก์ที่ลานนวดข้าวตรงประตูกรุงสะมาเรีย บรรดาประกาศกทั้งหลายกล่าวคำทำนายเฉพาะพระพักตร์ทั้งสองพระองค์ 11เศเดคียาห์บุตรของเคนาอะนาห์เอาเหล็กมาทำเป็นรูปเขาสัตว์e แล้วทูลว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ ‘ท่านจะใช้เขาสัตว์ทำด้วยเหล็กเหล่านี้ขวิดชาวอารัม จนทำลายให้หมดสิ้น’” 12ประกาศกทุกคนกล่าวทำนายเช่นเดียวกัน ให้เข้าโจมตีเมืองราโมทกิเลอาดแล้วจะประสบชัยชนะ พระยาห์เวห์จะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของกษัตริย์

 

ประกาศกมีคายาห์ทำนายถึงความพ่ายแพ้

13ข้าราชสำนักที่ไปเรียกมีคายาห์บอกเขาว่า “บรรดาประกาศกทำนายเป็นเสียงเดียวกันว่ากษัตริย์จะประสบความสำเร็จ ขอให้คำทำนายของท่านเป็นเหมือนคำทำนายของเขา จงทำนายแต่ความสำเร็จเถิด 14มีคายาห์ตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะกล่าวตามที่พระยาห์เวห์ทรงสั่งข้าพเจ้าฉันนั้น” 15เมื่อเขามาเฝ้ากษัตริย์ กษัตริย์ตรัสถามเขาว่า “มีคายาห์ เราควรยกทัพไปโจมตีเมืองราโมทกิเลอาดหรือไม่” มีคายาห์ทูลตอบว่า “จงเข้าโจมตีเถิด แล้วจะทรงประสบชัยชนะ เพราะพระยาห์เวห์ทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของพระราชาแล้ว”f 16กษัตริย์ตรัสว่า “เราบอกท่านกี่ครั้งแล้วว่าให้ท่านพูดแต่ความจริงแก่เราในพระนามพระยาห์เวห์” 17มีคายาห์จึงกล่าวว่า

“ข้าพเจ้าเห็นชาวอิสราเอลทั้งหลายกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณภูเขา

เหมือนแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง

พระยาห์เวห์ตรัสว่า “คนเหล่านี้ไม่มีเจ้านาย

แต่ละคนจงกลับบ้านโดยสันติเถิด”

18กษัตริย์แห่งอิสราเอลตรัสกับกษัตริย์เยโฮชาฟัทว่า “ข้าพเจ้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือว่า เขาไม่เคยทำนายถึงเรื่องดีๆ ให้ข้าพเจ้าเลย มีแต่จะทำนายเรื่องร้ายๆ เท่านั้น” เขายังเสริมว่า “ประชากรทั้งหลาย จงฟังเถิด”[§] 19มีคายาห์ทูลว่า “เพราะเหตุนี้ จงฟังพระวาจาของพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าเห็นพระยาห์เวห์ประทับอยู่บนพระที่นั่ง กองทัพสวรรค์gยืนข้างพระองค์ทั้งทางขวาและทางซ้าย 20พระยาห์เวห์ตรัสถามว่า ‘ใครจะลวงอาคับให้ยกทัพเข้าโจมตีเมืองราโมทกิเลอาด แล้วตายที่นั่น’ จิตบางตนตอบอย่างนี้ บางตนตอบอย่างนั้น 21แล้วจิตตนหนึ่งhออกมาข้างหน้า ยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ทูลว่า ‘ข้าพเจ้าจะลวงเขาเอง’ พระยาห์เวห์ตรัสถามว่า ‘ท่านจะทำอย่างไร’ 22จิตตนนั้นทูลตอบว่า ‘ข้าพเจ้าจะไปทำให้ประกาศกทุกคนของเขาพูดเท็จ’ พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘ท่านจะลวงเขาได้สำเร็จ จงไปและทำตามนั้น’ 23บัดนี้ พระองค์ทรงเห็นแล้วว่าพระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้ประกาศกทุกคนของพระองค์พูดเท็จ โดยแท้จริงแล้ว พระยาห์เวห์ทรงกำหนดหายนะให้พระองค์”

24เศเดคียาห์บุตรของเคนาอะนาห์เข้าไปตบหน้ามีคายาห์ พูดว่า “พระจิตของพระยาห์เวห์ออกจากข้าพเจ้าไปพูดกับท่านกระนั้นหรือ” 25มีคายาห์ตอบว่า “ท่านจะเห็นเองในวันนั้นที่ท่านจะต้องหนีไปซ่อนจากห้องนี้ไปห้องโน้น” 26กษัตริย์แห่งอิสราเอลรับสั่งว่า “จงจับมีคายาห์ไว้ และนำตัวไปมอบให้แก่อาโมนเจ้าเมือง และแก่โยอาชพระโอรส 27จงบอกเขาว่า ‘พระราชาทรงสั่งให้นำตัวมีคายาห์ขังคุก ให้กินแต่ขนมปังกับน้ำ กันตายเท่านั้น จนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาอย่างปลอดภัย’”i 28มีคายาห์ทูลว่า “ถ้าพระองค์เสด็จกลับมาอย่างปลอดภัย พระยาห์เวห์ก็ไม่ได้ตรัสผ่านทางข้าพเจ้า”j

 

กษัตริย์อาคับสิ้นพระชนม์

29กษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงยกทัพเข้าโจมตีเมืองราโมทกิเลอาดพร้อมกับกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ 30กษัตริย์แห่งอิสราเอลตรัสแก่เยโฮชาฟัทว่า “ข้าพเจ้าจะปลอมตัวkเข้าทำสงคราม ส่วนพระองค์จงทรงเครื่องทรงกษัตริย์เถิด” กษัตริย์แห่งอิสราเลปลอมพระองค์เข้าทำสงคราม 31กษัตริย์แห่งอารัมทรงสั่งนายทหารรถศึกทั้งสามสิบสองคนlไม่ให้รบกับผู้ใดทั้งสิ้น นอกจากกับกษัตริย์แห่งอิสราเอลเท่านั้น” 32เมื่อนายทหารรถศึกเห็นกษัตริย์เยโฮชาฟัท ก็คิดว่าเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลอย่างแน่นอน จึงหันไปสู้รบกับพระองค์ แต่เมื่อกษัตริย์เยโฮชาฟัททรงร้องขึ้น 33นายทหารรถศึกก็รู้ว่าพระองค์ไม่ใช่กษัตริย์แห่งอิสราเอล และเลิกไล่ตามพระองค์

34แต่บังเอิญทหารคนหนึ่งยิงธนูมาถูกกษัตริย์แห่งอิสราเอลเข้าระหว่างเกล็ดเสื้อเกราะ กษัตริย์จึงบอกสารถีของพระองค์ว่า “จงขับรถนำเราออกไปจากสนามรบเถิดm เพราะเราบาดเจ็บ” 35การสู้รบดำเนินไปอย่างดุเดือดตลอดวัน เขาจึงต้องพยุงกษัตริย์อาคับให้ทรงยืนบนรถศึกเข้าประจันหน้ากับชาวอารัม พระโลหิตไหลจากบาดแผลนองพื้นรถศึก พระองค์สิ้นพระชนม์ในเวลาเย็น 36เมื่อตะวันตกดิน มีคำสั่งตะโกนไปทั่วกองทัพอิสราเอลว่า “ให้ทุกคนกลับไปเมืองของตน ให้ทุกคนกลับไปแผ่นดินของตน 37เพราะกษัตริย์สิ้นพระชนม์แล้ว”n เขานำพระศพมาที่กรุงสะมาเรียและฝังไว้ที่นั่น 38เขาล้างoรถศึกของพระองค์ที่สระในกรุงสะมาเรีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่หญิงโสเภณีมาอาบน้ำ สุนัขพากันมาเลียพระโลหิตของพระองค์ดังที่พระยาห์เวห์ตรัสไว้


ฉ. เหตุการณ์หลังจากกษัตริย์อาคับสิ้นพระชนม์

 

สิ้นสุดรัชกาลของกษัตริย์อาคับ

39เหตุการณ์ในรัชสมัยกษัตริย์อาคับ สิ่งอื่นๆ ที่ทรงกระทำ พระราชวังงาช้างและเมืองที่ทรงสร้างมีบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารของกษัตริย์แห่งอิสราเอล 40กษัตริย์อาคับสิ้นพระชนม์ อาคัสยาห์พระโอรสทรงครองราชย์สืบต่อมา



รัชสมัยกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์
(870-848 ก่อน ค.ศ.)

41เยโฮชาฟัทพระโอรสของกษัตริย์อาสาทรงเป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ปีที่สี่ในรัชกาลกษัตริย์อาคับแห่งอิสราเอล 42เยโฮชาฟัททรงพระชนมายุสามสิบห้าพรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ ทรงครองราชย์เป็นเวลายี่สิบห้าปี พระมารดาทรงพระนามว่าอาชุบาห์ เป็นธิดาของชิลหิ

43พระองค์ทรงดำเนินตามวิถีทางของกษัตริย์อาสาพระบิดา โดยไม่หันเหจากวิถีทางนั้น ทรงกระทำสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงเห็นว่าถูกต้อง

44แต่สักการสถานบนที่สูงยังไม่ถูกยกเลิก ประชาชนยังคงถวายเครื่องบูชาและเผากำยานตามสักการสถานบนที่สูงเหล่านั้นต่อไป 45กษัตริย์เยโฮชาฟัททรงมีไมตรีกับกษัตริย์แห่งอิสราเอล

46เหตุการณ์ในรัชสมัยกษัตริย์เยโฮชาฟัท ความกล้าหาญและสงครามที่ทรงกระทำ มีบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารของกษัตริย์แห่งยูดาห์ 47พระองค์ทรงขับไล่โสเภณีชายประจำสักการสถานที่ยังเหลืออยู่ตั้งแต่รัชสมัยกษัตริย์อาสาพระบิดา ให้ออกไปจากแผ่นดิน 48ในสมัยนั้น ชาวเอโดมไม่มีกษัตริย์ มีแต่ผู้ปกครองแทนกษัตริย์p 49กษัตริย์เยโฮชาฟัทqทรงสร้างกองเรือแห่งทาร์ชิชไปบรรทุกทองคำจากโอฟีร์ แต่ออกเดินทางไม่ได้ เพราะเรือเหล่านั้นอับปางลงเสียก่อนที่เอซีโอนเกเบอร์ 50อาคัสยาห์พระโอรสของกษัตริย์อาคับจึงตรัสแก่กษัตริย์เยโฮชาฟัทว่า “ให้ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าแล่นเรือไปกับผู้รับใช้ของพระองค์เถิด” แต่กษัตริย์เยโฮชาฟัทไม่ทรงยินยอม 51กษัตริย์เยโฮชาฟัทสิ้นพระชนม์และทรงถูกฝังไว้rในนครของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ เยโฮรัมพระโอรสทรงครองราชย์สืบต่อมา

 

กษัตริย์อาคัสยาห์แห่งอิสราเอล (853-852 ก่อน ค.ศ.)

52อาคัสยาห์พระโอรสของกษัตริย์อาคับทรงเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลที่กรุงสะมาเรีย ปีที่สิบเจ็ดในรัชกาลกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ ทรงครองราชย์เหนืออิสราเอลเป็นเวลาสองปี 53ทรงกระทำความชั่วเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ทรงดำเนินตามวิถีทางของพระบิดา ของพระมารดาและของกษัตริย์เยโรโบอัมบุตรของเนบัท ซึ่งทรงนำอิสราเอลให้ทำบาป 54พระองค์ทรงรับใช้และนมัสการพระบาอัล เป็นการยั่วยุพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลให้ทรงพระพิโรธ ดังที่พระบิดาทรงกระทำ

 

22 a อาณาจักรอิสราเอลและยูดาห์กลับคืนดีกัน เยโฮรัมพระโอรสของเยโฮชาฟัทสมรสกับอาธาลิยาห์ พระขนิษฐาหรือพระธิดาของอาคับ (2 พกษ 8:18)

b “กษัตริย์แห่งอารัม” อาจหมายถึงเบนฮาดัดที่ 2 (ดู 20:1) ชาวอารัมเคยยึดเมืองราโมทกิเลอาดก่อนหรือในรัชสมัยกษัตริย์ดาวิด กษัตริย์แห่งอารัมไม่ทรงคืนเมืองนี้ให้อิสราเอล แม้หลังจากทำสนธิสัญญาที่เมืองอาเฟกแล้ว (20:34; ดู 2 พกษ 8:28)

c ประกาศกเหล่านี้รับราชการอยู่ในราชสำนัก นับถือทั้งพระยาห์เวห์และพระบาอัล ต่างจากบรรดาประกาศกที่ถูกพระนางเยเซเบลฆ่าหรือเบียดเบียน (18:4, 13; 19:1-4) เราจึงเข้าใจว่าทำไมกษัตริย์เยโฮชาฟัทจึงทรงถามว่า ยังมีประกาศกของพระยาห์เวห์อีกหรือไม่ (ข้อ 7)

d มีคายาห์ผู้นี้ไม่ใช่มีคายาห์ (หรือมีคาห์) ซึ่งเป็นประกาศกน้อยคนหนึ่ง มีชีวิตอยู่ประมาณ 150 ปีหลังจากนั้น

e เราไม่ทราบว่าเศเดคียาห์ผู้นี้เป็นใคร เพราะไม่มีกล่าวถึงอีกในพระคัมภีร์ น่าจะเป็นโฆษกของกลุ่มประกาศก การแสดงท่าทางของเขา (ดู 11:30 เชิงอรรถ g และ ยรม 18:1 เชิงอรรถ a) เป็นสัญลักษณ์หมายถึงชัยชนะของกษัตริย์อาคับ เขาสัตว์เป็นสัญลักษณ์ของพละกำลัง (ฉธบ 33:17)

f มีคายาห์พูดซ้ำถ้อยคำเดียวกับประกาศกเทียม เป็นการประชดประชัน กษัตริย์อาคับทรงเข้าใจ

[§] เขายังเสริมว่า “ประชากรทั้งหลาย จงฟังเถิด” เป็นประโยคแรกในหนังสือประกาศกมีคาห์ (มคา 1:2) ที่ผู้คัดลอกอาจนำมาเขียนไว้

g “กองทัพสวรรค์” หมายถึงจิตในสวรรค์ซึ่งเป็นเหมือนข้าราชบริพารของพระยาห์เวห์

h โดยปกติ ประกาศกได้รับ “ความสามารถ” หรือ “จิต” ที่จะบอกความจริงให้มนุษย์ทราบ แต่ในที่นี้ พระเจ้าทรงพระประสงค์จะปิดบังความจริง จึงประทาน “จิต” ที่หลอกลวงให้ประกาศก “พูดมุสา”

i “ปลอดภัย” ยังแปลได้อีกว่า “โดยมีชัยชนะ” (ดู 8:9; 2 ซมอ 19:25-31; ยรม 43:12)

j ต้นฉบับภาษาฮีบรูยังเสริมว่า “และเขากล่าวว่า ประชาชนทั้งหลาย จงฟังเถิด” ซึ่งเป็นประโยคแรกในหนังสือประกาศกมีคาห์ (มคา 1:2) ผู้คัดลอกนำมาเสริมไว้ เพราะคิดว่ามีคายาห์ผู้นี้เป็นคนเดียวกับประกาศก(น้อย)มีคาห์

k “ข้าพเจ้าจะปลอมตัว” แปลตามสำนวนแปลโบราณ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “พระองค์จงปลอมตัว” ซึ่งขัดแย้งกับประโยคที่ตามมา

l “ทั้งสามสิบสองคน” บางคนคิดว่าวลีนี้เป็นคำเพิ่มเติมของผู้คัดลอกที่คัดมาจาก 20:1, 16 แต่ไม่พบใน 2 พศด 18:30

m “จากสนามรบ” แปลตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “จากค่าย”

n “เพราะกษัตริย์สิ้นพระชนม์แล้ว” แปลตามต้นฉบับภาษากรีก ประโยคนี้ยังอยู่ในคำประกาศ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “แล้วกษัตริย์ก็สิ้นพระชนม์” ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องต่อไป

o “เขาล้างรถ” กริยาเป็นพหูพจน์ในภาษากรีก แต่เป็นเอกพจน์ในภาษาฮีบรู * ข้อนี้อาจเป็นประโยคที่ผู้คัดลอกเสริมเข้ามาโดยคิดถึง 21:19 แต่ในความเป็นจริง นาโบทถูกฆ่าที่เมืองยิสเรเอล และพระยาห์เวห์ทรงสัญญาไว้ว่าจะไม่ทรงลงโทษกษัตริย์อาคับ

p “ไม่มีกษัตริย์ มีแต่ผู้ปกครองแทนกษัตริย์” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูไม่ชัดเจน

q ชาวเอโดมได้เป็นอิสระในรัชสมัยกษัตริย์ซาโลมอน (11:17ฯ) แต่ในรัชสมัยกษัตริย์เยโฮชาฟัท เอโดมคงกลับมาเป็นประเทศราชของยูดาห์อีก กษัตริย์เยโฮชาฟัทจึงทรงเข้าไปใช้ท่าเรือที่เอซีโอนเกเบอร์และพัฒนากองเรือได้อีก

r ต้นฉบับภาษาฮีบรูเสริมว่า “กับบรรพบุรุษ”

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก