“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

ค. สงครามกับชาวอารัม

 

ชาวอารัมล้อมกรุงสะมาเรีย

20 1เบนฮาดัดกษัตริย์แห่งอารัมaทรงระดมพลกองทัพทั้งหมดของพระองค์ มีกษัตริย์ประเทศราชสามสิบสององค์b พร้อมกับม้าและรถศึกเข้าร่วมด้วย พระองค์ทรงยกทัพมาล้อมและโจมตีกรุงสะมาเรีย 2พระองค์ทรงส่งผู้นำสารเข้าไปในเมือง เพื่อทูลกษัตริย์อาคับแห่งอิสราเอลว่า “กษัตริย์เบนฮาดัดรับสั่งว่า 3‘เงินและทองคำของท่านเป็นของเรา ภรรยาและบุตรที่ดีที่สุดcของท่านก็เป็นของเราด้วย’” 4กษัตริย์แห่งอิสราเอลตรัสตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าd ขอให้เป็นไปตามที่รับสั่งเถิด ข้าพเจ้าและทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ามีล้วนเป็นของพระองค์”

5ผู้นำสารกลับมาเฝ้าอีกครั้งหนึ่ง ทูลว่า “กษัตริย์เบนฮาดัดตรัสว่า ‘เราส่งคนมาขอให้ท่านมอบเงิน ทองคำ รวมทั้งภรรยาและบุตรของท่านแก่เรา 6พรุ่งนี้ในเวลานี้ เราจะส่งผู้รับใช้ของเรามาค้นบ้านของท่าน และบ้านผู้รับใช้ของท่าน เขาจะริบทุกสิ่งของท่านที่เขาเห็นว่ามีค่าe’”

7กษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงเรียกประชุมผู้อาวุโสทุกคนของแผ่นดิน ตรัสว่า “ท่านรู้และเห็นแล้วว่าคนคนนี้คิดร้ายต่อเรา เขาส่งคนมาเรียกร้องจะเอาภรรยา บุตร เงินและทองคำของเรา เราก็ไม่ปฏิเสธ”f

8บรรดาผู้อาวุโสและประชาชนทั้งหลายทูลตอบว่า “ขออย่าทรงฟังและอย่าทรงยินยอมเลย” 9พระองค์จึงทรงตอบผู้นำสารของกษัตริย์เบนฮาดัดว่า “จงกลับไปทูลกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าว่า ‘ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงเรียกร้องจากผู้รับใช้ครั้งก่อน ข้าพเจ้าจะทำให้ แต่จะไม่ทำตามข้อเรียกร้องครั้งนี้’” ผู้นำสารก็นำคำตอบนี้กลับไป

10กษัตริย์เบนฮาดัดทรงส่งสารกลับมาอีกว่า “ขอพระเจ้าทรงลงโทษเราอย่างหนัก ถ้าเราจะไม่ทำลายกรุงสะมาเรียจนเหลือฝุ่นดินพอที่จะให้ทหารของได้เราคนละกำมือ” 11กษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงตอบว่า “จงไปทูลกษัตริย์เบนฮาดัดว่า อย่าเพิ่งโอ้อวดก่อนจะลงมือทำ” 12กษัตริย์เบนฮาดัดทรงรับคำตอบนี้ขณะที่พระองค์กับกษัตริย์ประเทศราชกำลังทรงดื่มอยู่ในกระโจม พระองค์ทรงสั่งข้าราชบริพารว่า “จงเข้าโจมตีเถิด” เขาจึงเข้าโจมตีกรุงสะมาเรีย

 

ชัยชนะของอิสราเอล

13ประกาศกคนหนึ่งมาเฝ้ากษัตริย์อาคับแห่งอิสราเอล ทูลว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ ‘พระองค์ทอดพระเนตรเห็นกองทัพใหญ่นี้แล้วใช่ไหม วันนี้เองเราจะมอบกองทัพนี้ให้อยู่ในมือของท่าน และท่านจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’” 14กษัตริย์อาคับตรัสถามว่า “ใครจะทำการนี้” ประกาศกทูลตอบว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ ‘พวกทหารหนุ่มที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของบรรดาเจ้าเมือง’” กษัตริย์ตรัสถามอีกว่า “แล้วใครจะเป็นผู้นำเข้าโจมตี” ประกาศกทูลตอบว่าg “พระองค์จะทรงเป็นผู้นำ”

15กษัตริย์อาคับจึงทรงรวบรวมบรรดาทหารหนุ่มที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเมืองจำนวนสองร้อยสามสิบสองคน แล้วทรงระดมพลกองทัพอิสราเอลทั้งหมดจำนวนเจ็ดพันคน 16เขาทั้งหลายออกไปโจมตีเวลาเที่ยงวัน เมื่อกษัตริย์เบนฮาดัดกับกษัตริย์ประเทศราชทั้งสามสิบสององค์ที่เป็นพันธมิตรกำลังดื่มจนเมามายอยู่ในกระโจม 17เมื่อบรรดาทหารหนุ่มที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเมืองบุกเข้าไปก่อน คนที่กษัตริย์เบนฮาดัดทรงส่งไปสอดแนมกลับมารายงานว่า “มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาจากกรุงสะมาเรีย” 18พระองค์ทรงสั่งว่า “จงจับตัวคนเหล่านั้นเป็นๆ ไม่ว่าเขาจะออกมารบหรือมาเจรจาสันติภาพ” 19พวกทหารหนุ่มใต้บังคับบัญชาของเจ้าเมืองออกมาจากเมืองพร้อมกับกองทัพอิสราเอลที่ตามมา 20แต่ละคนฆ่าคู่ต่อสู้ของตน ชาวอารัมหนี ชาวอิสราเอลไล่ตามไปติดๆ เบนฮาดัดกษัตริย์แห่งอารัมทรงม้าหนีไปได้พร้อมกับทหารม้าบางคน 21กษัตริย์แห่งอิสราเอลเสด็จออกศึก ทรงยึดhม้าและรถศึก และทรงทำให้อารัมพ่ายแพ้อย่างหนัก

 

การสงบศึกชั่วคราว

22ประกาศกคนนั้นเข้าเฝ้ากษัตริย์แห่งอิสราเอล ทูลว่า “โปรดเสด็จไปเสริมกำลังให้เข้มแข็งและทรงวางแผนให้ดี เพราะต้นปีหน้าi กษัตริย์แห่งอารัมจะเสด็จมาทำสงครามกับพระองค์อีก”

23บรรดาข้าราชบริพารของกษัตริย์แห่งอารัมทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าของชาวอิสราเอลทรงเป็นพระเจ้าแห่งภูเขา เขาจึงชนะพวกเราได้ แต่ถ้าเรารบกับเขาในที่ราบ เราจะชนะเขาแน่ๆ 24โปรดทรงกระทำเช่นนี้ จงปลดกษัตริย์ประเทศราชเหล่านี้ออกจากตำแหน่ง และตั้งนายทหารขึ้นแทน 25พระองค์จะต้องระดมพลกองทัพให้ใหญ่เท่ากับกองทัพที่ทรงสูญเสียไป ให้มีทั้งม้าและรถศึกจำนวนเท่าเดิม แล้วเราจะสู้รบกับเขาในที่ราบ และจะชนะเขาได้แน่ๆ” กษัตริย์เบนฮาดัดทรงฟังข้อเสนอของเขาและทรงปฏิบัติตาม

 

ชาวอิสราเอลมีชัยชนะที่เมืองอาเฟก

26ต้นปีต่อมา กษัตริย์เบนฮาดัดทรงระดมพลชาวอารัม และยกทัพมาที่เมืองอาเฟกเพื่อทำสงครามกับอิสราเอล 27ชาวอิสราเอลก็ระดมพลพร้อมด้วยอาวุธและเสบียงอาหาร ยกออกมาตั้งค่ายเผชิญหน้ากับชาวอารัม ค่ายของชาวอิสราเอลดูคล้ายฝูงแพะฝูงเล็กๆ สองฝูง เมื่อเปรียบกับกองทัพชาวอารัมที่อยู่เต็มแผ่นดิน

28คนของพระเจ้าjไปเฝ้ากษัตริย์แห่งอิสราเอล ทูลว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ ‘ชาวอารัมคิดว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งภูเขา ไม่ใช่พระเจ้าแห่งที่ราบ เราจะมอบกองทัพใหญ่ทั้งหมดนี้ไว้ในมือของท่าน แล้วท่านจะได้รู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’” 29ทั้งสองฝ่ายตั้งค่ายเผชิญหน้ากันเป็นเวลาเจ็ดวัน วันที่เจ็ด ทั้งสองฝ่ายก็สู้รบกัน ชาวอิสราเอลฆ่าทหารราบชาวอารัมตายถึงหนึ่งแสนคนkในวันเดียว 30ทหารที่รอดตายหนีไปที่เมืองอาเฟก ถูกกำแพงเมืองพังทับตายอีกสองหมื่นเจ็ดพันคน

กษัตริย์เบนฮาดัดทรงหนีเข้าไปในเมืองนั้นด้วย และทรงหลบซ่อนอยู่ในห้องชั้นใน 31ข้าราชบริพารของพระองค์ทูลว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ยินมาว่าบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมีพระทัยเมตตา ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายสวมใส่เสื้อผ้ากระสอบและใช้เชือกคาดศีรษะl ไปเฝ้ากษัตริย์แห่งอิสราเอล บางทีกษัตริย์แห่งอิสราเอลอาจจะทรงไว้ชีวิตของพระองค์ก็ได้” 32เขาเหล่านั้นสวมเสื้อผ้ากระสอบ ใช้เชือกคาดศีรษะ แล้วไปเฝ้ากษัตริย์แห่งอิสราเอล ทูลว่า “เบนฮาดัดผู้รับใช้ของพระองค์ทูลว่า ‘โปรดทรงไว้ชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด’” 33กษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงถามว่า “เขายังมีชีวิตอยู่หรือ เขาเป็นเหมือนน้องของเรา”m คนเหล่านั้นคิดว่าถ้อยคำเหล่านี้เป็นเครื่องหมายที่ดี จึงรีบฉวยโอกาสทูลว่า “ใช่แล้ว เบนฮาดัดเป็นพระอนุชาของพระองค์” กษัตริย์อาคับทรงสั่งว่า “จงนำเขามาพบเราเถิด” เมื่อกษัตริย์เบนฮาดัดเสด็จมาถึง กษัตริย์อาคับทรงเชิญให้ทรงรถไปกับพระองค์ 34กษัตริย์เบนฮาดัดทูลว่า “ข้าพเจ้าจะคืนเมืองต่างๆ ที่พระบิดาของข้าพเจ้าทรงยึดไปจากพระบิดาของพระองค์ พระองค์จะทรงมีสิทธิ์ใช้ตลาดที่กรุงดามัสกัสดังที่พระบิดาของข้าพเจ้าทรงมีสิทธิ์ใช้ตลาดที่กรุงสะมาเรีย” กษัตริย์อาคับตรัสตอบnว่า “เราจะปล่อยท่านเป็นอิสระตามเงื่อนไขเหล่านี้” กษัตริย์อาคับทรงทำสนธิสัญญากับกษัตริย์เบนฮาดัดแล้วทรงปล่อยพระองค์เป็นอิสระ

 

ประกาศกประณามกษัตริย์อาคับ

35พระยาห์เวห์ทรงสั่งให้ชายคนหนึ่งในกลุ่มประกาศกสั่งเพื่อนของตนว่า “จงต่อยฉันทีซิ” แต่เพื่อนของเขาไม่ยอมทำ 36เขาจึงพูดว่า “เพราะท่านไม่ยอมทำตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์ ทันทีที่ท่านจากไป สิงโตจะฆ่าท่าน” เมื่อเขาจากไป ก็พบสิงโตและสิงโตก็ฆ่าเขาo

37ประกาศกคนนั้นพบชายอีกคนหนึ่งและสั่งว่า “จงต่อยฉันทีซิ” ชายคนนี้ต่อยเขาอย่างแรงจนเขาบาดเจ็บp 38ประกาศกจึงออกไปยืนคอยกษัตริย์อยู่ข้างถนน เอาผ้าผูกตาอำพรางตนไว้ 39เมื่อกษัตริย์ทรงพระดำเนินผ่านไป ประกาศกก็ร้องทูลว่า “ผู้รับใช้ของพระองค์เข้าไปต่อสู้ในการรบที่ดุเดือด ชายคนหนึ่งถอยจากการรบ นำเชลยคนหนึ่งมาให้ข้าพเจ้า สั่งว่า ‘จงเฝ้าชายคนนี้ไว้ให้ดี ถ้าเขาหนีไปได้ ชีวิตของท่านจะต้องชดใช้แทนชีวิตของเขา มิฉะนั้น ท่านจะต้องจ่ายเป็นเงินหนักสามสิบกิโลกรัม’ 40แต่ผู้รับใช้ของพระองค์ติดธุระหลายอย่าง ชายคนนั้นจึงหนีไปได้” กษัตริย์แห่งอิสราเอลตรัสตอบว่า “คำตัดสินลงโทษของท่านถูกต้อง ท่านตัดสินลงโทษเอง” 41ประกาศกดึงผ้าที่ผูกตาออกทันที กษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงจำเขาได้ว่าเป็นประกาศกคนหนึ่งq 42เขาจึงทูลกษัตริย์ว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ ‘เพราะท่านปล่อยให้ชายที่เราสั่งฆ่าหนีไปได้ ชีวิตของท่านจะต้องชดใช้แทนชีวิตของเขา ประชากรของท่านจะต้องชดใช้แทนประชากรของเขา’” 43กษัตริย์แห่งอิสราเอลเสด็จกลับไปกรุงสะมาเรียด้วยพระทัยขุ่นเคืองและทรงพระพิโรธ

20 a กษัตริย์เบนฮาดัดที่สองทรงปกครองอาณาจักรอารัมแห่งดามัสกัสหรือซีเรีย สืบราชสมบัติต่อจากเบนฮาดัดที่หนึ่งพระบิดา (15:18 เชิงอรรถ e)

b กษัตริย์เหล่านี้จะถูกปลดจากตำแหน่ง ดูข้อ 24

c ต้นฉบับภาษากรีกว่า “ส่วนภรรยาและบุตรของท่านยังคงเป็นของท่าน”

d “กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า” กษัตริย์อาคับทรงใช้สำนวนราวกับว่าทรงยอมแพ้และทรงยอมเป็นประเทศราชของกษัตริย์เบนฮาดัดแล้ว ก่อนหน้านั้น ชาวอิสราเอลประสบความพ่ายแพ้ ต้องสูญเสียเมืองหลายเมืองแก่ชาวอารัม เรื่องนี้มีกล่าวเป็นนัยๆ ในข้อ 34

e “เขาเห็นว่ามีค่า” แปลตามสำนวนแปลโบราณ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ท่านเห็นว่ามีค่า”

f ต้นฉบับภาษากรีกว่า “เราไม่ปฏิเสธที่จะให้เงินและทองคำของเรา แต่เวลานี้เขายังต้องการภรรยาและบุตรของเราด้วย” (ดูเชิงอรรถ e ด้วย)

g ก่อนจะออกรบ กษัตริย์มักจะทรงปรึกษาพระเจ้าว่าจะมีชัยชนะหรือไม่ (ดู 22:5ฯ; วนฉ 1:1ฯ; 20:18; ดู อพย 33:7 เชิงอรรถ e; 1 ซมอ 14:18)

h “ยึด” แปลตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ทำลาย”

i “ต้นปีหน้า” หมายถึงวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ คือวันที่กลางวันยาวเท่ากับกลางคืน (21 มีนาคม) ดู 2 ซมอ 11:1

j “คนของพระเจ้า” หมายถึงประกาศกคนเดียวกับในข้อ 13 และ 22

k จำนวนเลขนี้ดูออกจะเกินความจริงที่ชาวอิสราเอลเพียงเจ็ดพันคน (ข้อ 15) จะฆ่าศัตรูได้ถึงหนึ่งแสนคน จำนวนมากเช่นนี้อาจเป็นการเล่าแบบชาวบ้านที่ต้องการยกย่องวีรกรรมในเรื่อง

l การสวมเสื้อผ้ากระสอบและใช้เชือกคาดศีรษะเป็นการไว้ทุกข์หรือแสดงความเสียใจที่ได้ทำผิด

m กษัตริย์ประเทศราชจะเรียกตนเองเป็น “ผู้รับใช้” ของกษัตริย์ที่เขาเป็นเมืองขึ้น ส่วนกษัตริย์ที่เป็นพันธมิตรจะเรียกกันเองว่า “พี่น้อง” กษัตริย์เบนฮาดัดยอมรับว่าตนแพ้สงคราม แต่กษัตริย์อาคับไม่ทรงยอมรับการแสดงความจงรักภักดีดังกล่าว เมื่อข้าราชบริพารของเบนฮาดัดได้ยินกษัตริย์อาคับทรงเรียกเบนฮาดัดเป็นน้อง จึงสรุปเอาว่าเจ้านายของตนปลอดภัยแล้ว

n “อาคับตรัสตอบว่า” วลีนี้เสริมเข้ามาเพื่อความชัดเจน

o เรื่องนี้เล่าเรื่องแบบชาวบ้าน คล้ายกับเรื่องใน 13:24ฯ การไม่ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าตามวาจาของคนของพระเจ้า แม้จะมีเหตุผลสมควร ก็ต้องถูกลงโทษ ความคิดนี้สะท้อนแนวความคิดของกลุ่มประกาศกสมัยโบราณ แต่ประกาศกที่สำคัญในสมัยหลังจะแก้ความเข้าใจผิดนี้ให้ถูกต้อง

p บาดแผลที่ได้รับจากการถูกต่อยช่วยให้ประกาศกดูเหมือนเป็นทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการรบ (ข้อ 39)

q ประกาศกคงมีลายสัก หรือเครื่องหมายบนหน้าผาก หรือโกนศีรษะ ทำให้ผู้อื่นรู้ว่าเป็นใคร (ดู 2 พกษ 2:23)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก