“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

เอลียาห์และโอบาดีห์

18 1ต่อมาในปีที่สาม พระยาห์เวห์ทรงสั่งเอลียาห์ว่า “จงไปเฝ้ากษัตริย์อาคับ เราจะให้ฝนตกบนแผ่นดิน” 2เอลียาห์จึงไปเข้าเฝ้ากษัตริย์อาคับ

บัดนี้ เกิดการกันดารอาหารอย่างหนักที่กรุงสะมาเรีย 3กษัตริย์อาคับทรงเรียกโอบาดีห์ผู้ดูแลพระราชวังเข้ามา โอบาดีห์เป็นผู้ยำเกรงพระยาห์เวห์อย่างยิ่ง 4เมื่อพระนางเยเซเบลทรงฆ่าประกาศกaของพระยาห์เวห์ โอบาดีห์ได้พาประกาศกหนึ่งร้อยคนไปซ่อนในถ้ำครั้งละห้าสิบคน พร้อมทั้งจัดหาอาหารและน้ำให้ 5กษัตริย์อาคับทรงสั่งโอบาดีห์ว่า “จงไปbสำรวจบ่อน้ำและลำธารทุกแห่งในแผ่นดินว่า จะมีหญ้าพอเลี้ยงม้าและล่อให้มีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นเราจะต้องฆ่าสัตว์เหล่านี้ส่วนหนึ่ง” 6กษัตริย์อาคับทรงแยกกับโอบาดีย์เพื่อสำรวจแผ่นดิน พระองค์เสด็จไปทางหนึ่ง โอบาดีห์ไปอีกทางหนึ่ง 7ขณะที่โอบาดีห์กำลังเดินอยู่ตามทาง เขาพบเอลียาห์ ก็จำได้ จึงกราบลงหน้าจรดพื้น ถามว่า “ท่านคือเอลียาห์เจ้านายของข้าพเจ้าใช่ไหม” 8เอลียาห์ตอบว่า “ใช่แล้ว จงไปทูลเจ้านายของท่านเถิดว่า ‘เอลียาห์อยู่ที่นี่’” 9โอบาดีห์ถามอีกว่า “ข้าพเจ้าทำผิดอะไร ท่านจึงต้องการให้ผู้รับใช้ของท่านถูกกษัตริย์อาคับฆ่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์อยู่ฉันใด เจ้านายของข้าพเจ้าจะทรงส่งคนไปตามหาท่านในทุกชนชาติทุกอาณาจักรฉันนั้น ถ้าคนเหล่านั้นตอบว่าเอลียาห์ไม่อยู่ที่นั่น พระองค์ก็จะทรงให้อาณาจักรและชนชาตินั้นสาบานว่า เขาไม่ได้พบท่าน 11บัดนี้ ท่านกลับบอกข้าพเจ้าว่า ‘จงไปบอกเจ้านายของท่านว่าเอลียาห์อยู่ที่นี่’ 12เมื่อข้าพเจ้าจากไป พระจิตของพระยาห์เวห์ก็จะทรงนำท่านไปยังที่ที่ข้าพเจ้าไม่รู้จักc ถ้าข้าพเจ้าไปทูลกษัตริย์อาคับว่าท่านอยู่ที่นี่ แล้วพระองค์ไม่ทรงพบท่าน พระองค์ก็จะทรงฆ่าข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่านยำเกรงพระยาห์เวห์ตั้งแต่เป็นเด็กมาแล้ว 13เจ้านายของข้าพเจ้าไม่ได้ยินดอกหรือว่า เมื่อพระนางเยเซเบลทรงฆ่าประกาศกทุกคนของพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าได้พาประกาศกหนึ่งร้อยคนไปซ่อนไว้ในถ้ำครั้งละห้าสิบคน พร้อมทั้งจัดหาอาหารและน้ำให้ด้วย 14บัดนี้ ท่านกำลังสั่งข้าพเจ้าให้ไปทูลเจ้านายของข้าพเจ้าว่า เอลียาห์อยู่ที่นี่ พระองค์จะทรงฆ่าข้าพเจ้าแน่ๆ” 15เอลียาห์ตอบว่า “พระยาห์เวห์จอมจักรวาลซึ่งข้าพเจ้ารับใช้เฉพาะพระพักตร์ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะเข้าเฝ้ากษัตริย์ในวันนี้ฉันนั้น”

 

เอลียาห์และกษัตริย์อาคับ

16โอบาดีห์จึงไปเฝ้ากษัตริย์อาคับ และกราบทูลตามนั้น กษัตริย์อาคับเสด็จไปพบเอลียาห์ 17เมื่อทอดพระเนตรเห็นเอลียาห์ กษัตริย์อาคับก็ตรัสว่า “อยู่นี่เอง เจ้าคนนำความวุ่นวายมาสู่อิสราเอล” 18เอลียาห์ทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้ก่อความวุ่นวายให้อิสราเอล พระองค์กับพระราชวงศ์ต่างหาก เพราะไม่ทรงปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์d ไปติดตามพระบาอัล 19บัดนี้ ขอมีพระบัญชาให้ชาวอิสราเอลทั้งหมดมาชุมนุมกันกับข้าพเจ้าที่ภูเขาคารเมล พร้อมกับประกาศกของพระบาอัลสี่ร้อยห้าสิบคน และประกาศกของเทพีอาเชราห์สี่ร้อยคนeซึ่งร่วมโต๊ะเสวยกับพระนางเยเซเบล

 

การถวายบูชาที่ภูเขาคารเมล

20กษัตริย์อาคับทรงส่งคนไปเรียกชาวอิสราเอลทุกคนและประกาศกมาที่ภูเขาคารเมล 21เอลียาห์เข้ามายืนต่อหน้าประชากรทั้งหลาย พูดว่า “ท่านทั้งหลายจะเหยียบเรือสองแคมfอยู่อีกนานเท่าใด ถ้าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า ก็จงติดตามพระองค์เถิด แต่ถ้าพระบาอัลเป็นพระเจ้า ก็จงตามพระบาอัลไป” ประชาชนไม่ตอบว่ากระไร 22เอลียาห์จึงพูดกับประชาชนต่อไปว่า “ข้าพเจ้าเป็นประกาศกเพียงคนเดียวของพระยาห์เวห์ที่ยังเหลืออยู่ แต่ประกาศกของพระบาอัลมีจำนวนถึงสี่ร้อยห้าสิบคน 23จงนำโคเพศผู้มาสองตัว ให้เขาเลือกตัวหนึ่ง ฆ่าแล้วตัดเป็นท่อนๆ วางบนกองฟืน แต่อย่าจุดไฟ ส่วนข้าพเจ้าก็จะเตรียมโคอีกตัวหนึ่ง วางบนกองฟืนgและไม่จุดไฟ 24ท่านทั้งหลายจงเรียกพระนามพระเจ้าของท่าน ส่วนข้าพเจ้าจะเรียกพระนามพระยาห์เวห์ พระองค์ใดทรงส่งไฟมา พระองค์นั้นทรงเป็นพระเจ้า”h ประชากรทุกคนตอบว่า “เป็นข้อเสนอที่ดี” 25เอลียาห์พูดกับประกาศกของพระบาอัลว่า “จงเลือกโคตัวหนึ่งและจัดเตรียมก่อน เพราะท่านมีหลายคนด้วยกัน จงเรียกพระนามพระเจ้าของท่าน แต่อย่าจุดไฟ” 26เขานำโคiมาจัดเตรียม แล้วเรียกพระนามพระบาอัลตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงวันว่า “ข้าแต่พระบาอัล โปรดตอบข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย” แต่ไม่มีเสียง ไม่มีคำตอบ เขาเต้นไปรอบๆ แท่นที่เขาสร้างขึ้น 27ถึงเวลาเที่ยง เอลียาห์ก็เยาะเย้ยพวกเขาว่า “ร้องให้ดังกว่านี้ซิ เพราะพระบาอัลทรงเป็นพระเจ้า บางทีพระองค์กำลังมีกังวล กำลังทรงติดธุระ หรือกำลังเสด็จประพาส ถ้ากำลังบรรทมอยู่ ก็จงปลุกให้ทรงตื่น” 28เขาเหล่านั้นจึงร้องตะโกนเสียงดังยิ่งขึ้น พลางใช้ดาบและหอกเชือดตัวตามพิธีของตน จนกระทั่งเลือดไหล 29เที่ยงวันผ่านไป เขายังคงพูดพร่ำอยู่ในภวังค์ต่อไปจนถึงเวลาถวายเครื่องบูชาj แต่ไม่มีเสียง ไม่มีคำตอบ ไม่มีใครฟัง

30เอลียาห์จึงพูดกับประชากรทั้งหลายว่า “จงเข้ามาใกล้ข้าพเจ้าเถิด” ประชากรทุกคนเข้ามาใกล้เขา เอลียาห์ลงมือซ่อมแซมพระแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ซึ่งถูกรื้อลงแล้ว 31เอลียาห์นำหินสิบสองก้อนตามจำนวนเผ่าลูกหลานของยาโคบ ซึ่งพระยาห์เวห์ประทานนามให้ว่า “อิสราเอล” 32เอลียาห์ใช้หินเหล่านั้นสร้างพระแท่นบูชาถวายแด่พระนามพระยาห์เวห์k แล้วขุดร่องน้ำรอบพระแท่นบูชาให้ใหญ่พอจุเมล็ดพืชได้ประมาณสองถัง 33เรียงฟืนไว้บนพระแท่นบูชา ตัดโคเป็นท่อนๆ นำมาวางไว้บนฟืน 34สั่งว่า “จงตักน้ำมาสี่ถัง เทลงบนเครื่องบูชาและฟืน” เขาก็ทำตามl เอลียาห์สั่งอีกว่า “จงทำอีกครั้งหนึ่ง” เขาก็ทำตามอีกครั้งหนึ่ง เอลียาห์ยังสั่งอีกว่า “จงทำเป็นครั้งที่สาม” เขาก็ทำอีกเป็นครั้งที่สาม 35น้ำก็ไหลรอบพระแท่นบูชาเต็มร่องน้ำm 36เมื่อถึงเวลาถวายเครื่องบูชา ประกาศกเอลียาห์ก็เข้าไปใกล้พระแท่นบูชา ทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัคและอิสราเอล วันนี้โปรดทรงสำแดงให้เขาทั้งหลายรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าในหมู่ชาวอิสราเอล และข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ทุกคนจะได้รู้ว่าข้าพเจ้าได้ทำสิ่งเหล่านี้ตามพระบัญชาของพระองค์ 37ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงตอบข้าพเจ้าเถิด โปรดทรงตอบข้าพเจ้า เพื่อประชากรเหล่านี้จะได้รู้ว่าพระองค์ พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าและทรงบันดาลให้เขากลับใจมาหาพระองค์”n

38พระยาห์เวห์ทรงส่งไฟลงมาเผาเครื่องบูชา ฟืน หินและฝุ่นoจนหมด ทำให้น้ำในร่องแห้งไปด้วย 39ประชากรทุกคนเห็นดังนั้นก็ซบหน้าลงจรดพื้นดิน ร้องว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า” 40เอลียาห์สั่งว่า “จงจับประกาศกของพระบาอัลไว้ อย่าให้ใครหนีรอดไปได้แม้เพียงคนเดียว” เขาก็จับเอาไว้ เอลียาห์นำประกาศกเหล่านี้ไปที่ลำธารคิโชนแล้วฆ่าทุกคนที่นั่นp

 

ความแห้งแล้งสิ้นสุด

          41เอลียาห์ทูลกษัตริย์อาคับว่า “ขอเชิญเสด็จไปเสวยพระกระยาหารเถิดq ข้าพเจ้าได้ยินเสียงฝนใหญ่กำลังมาแล้ว” 42กษัตริย์อาคับเสด็จไปเสวยพระกระยาหาร เอลียาห์ก็ขึ้นไปบนยอดเขาคารเมล ก้มลงกับพื้น ซบหน้าลงระหว่างเข่าทั้งสอง 43แล้วสั่งผู้รับใช้ว่า “จงขึ้นไปมองทางทะเล” เขาก็ขึ้นไปมอง แล้วพูดว่า “ไม่เห็นมีอะไรเลย” เอลียาห์สั่งให้เขากลับไปมองเจ็ดครั้ง 44ครั้งที่เจ็ด ผู้รับใช้แจ้งว่า “ข้าพเจ้าเห็นเมฆก้อนเล็กๆ เหมือนกับฝ่ามือคนกำลังลอยขึ้นจากทะเล” เอลียาห์สั่งเขาว่า “ไปทูลกษัตริย์อาคับให้ทรงเทียมราชรถและเสด็จลงไปก่อนที่จะทรงติดฝน” 45ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็มีเมฆมืดครึ้ม ลมพัดแรง แล้วฝนก็ตกหนัก กษัตริย์อาคับเสด็จขึ้นราชรถกลับไปเมืองยิสเรเอลr 46พระอานุภาพของพระยาห์เวห์ลงมาเหนือเอลียาห์ เขาดึงเสื้อขึ้นคาดสะเอวไว้ วิ่งนำหน้ากษัตริย์อาคับจนถึงเมืองยิสเรเอล

 

18 a เกี่ยวกับ “ประกาศก” ดู 1 ซมอ 10:5 เชิงอรรถ e ประกาศกเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในเรื่องเล่าเกี่ยวกับประกาศกเอลีชา

b “จงไป” ต้นฉบับภาษากรีกว่า “ให้เราไป”

c การหายตัวอย่างฉับพลันดูเหมือนจะเป็นลักษณะพิเศษในเรื่องราวของประกาศกเอลียาห์ (2 พกษ 2:16) แม้เหตุการณ์สุดท้ายในชีวิตของท่านก็มีเล่าว่าเป็นการหายตัวไป (2 พกษ 2:11ฯ) พระจิตของพระยาห์เวห์เป็นพลังจากภายนอกซึ่งนำประกาศกจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง (ดู อสค 3:12; 8:3; 11:1; 43:5; กจ 8:39)

d “พระบัญชาของพระยาห์เวห์” ต้นฉบับภาษากรีกว่า “พระยาห์เวห์”

e “ประกาศกของเทพีอาเชราห์สี่ร้อยคน” บางคนอธิบายว่าเป็นข้อความเพิ่มเติมของผู้คัดลอก เพราะจะไม่มีการกล่าวถึงประกาศกกลุ่มนี้อีก * ในหมู่ประชาชนเพื่อนบ้านของอิสราเอลมีกลุ่มประกาศกเช่นนี้หลายกลุ่ม (ยรม 27:9ฯ) ประกาศกพวกนี้มักอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่เช่นเดียวกับประกาศกของพระยาห์เวห์ (1 พกษ 18:4) “ประกาศกของพระบาอัล” ในที่นี้หมายถึงผู้เลื่อมใสพระบาอัลของชาวไทระ ซึ่งพระนางเยเซเบลทรงนำมาอยู่ในอิสราเอลและทรงคอยอุปถัมภ์เลี้ยงดู

f “เหยียบเรือสองแคม” แปลตามตัวอักษรว่า “โขยกเขยกข้างโน้นทีข้างนี้ที” หรือ “โอนเอนไปมา” ซึ่งอาจเป็นการเต้นรำในศาสนพิธี (ดูข้อ 26) หรืออาจเป็นการประชดประชันประชาชนที่ไม่ตัดสินใจเด็ดขาดในการนับถือพระยาห์เวห์หรือพระบาอัล

g “วางบนกองฟืน” ต้นฉบับภาษากรีกละวลีนี้

h เหตุการณ์นี้ต้องการพิสูจน์ไม่เพียงแต่ว่าพระยาห์เวห์หรือพระบาอัลทรงเป็นเจ้าของภูเขาคารเมล หรือพระองค์ใดทรงพลังมากกว่า แต่เป็นการตัดสินว่าพระองค์ใดทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ คำยืนยันของประกาศกเอลียาห์ คำอธิษฐานของท่าน (ข้อ 37) และการโห่ร้องรับของประชาชน (ข้อ 39) ล้วนทำให้เข้าใจชัดเจนว่าชาวอิสราเอลในขณะนั้นกำลังละทิ้งความเชื่อในลัทธิเอกเทวนิยม

i “นำโค” ต้นฉบับภาษาฮีบรูเสริมว่า “ซึ่ง(เอลียาห์)ให้เขา”

j “เวลาถวายเครื่องบูชา” หมายถึงการถวายบูชาตอนเย็น (อพย 29:39; กดว 28:4; 2 พกษ 16:15) สำนวนนี้ใช้เพื่อบอกเวลาว่าเย็นแล้ว

k ข้อ 31-32ก อาจเป็นคำอธิบายเพิ่มเติมของผู้คัดลอก

l “เขาก็ทำตาม” แปลตามต้นฉบับภาษากรีก ไม่มีในต้นฉบับภาษาฮีบรู

m การขุดร่อง การเทน้ำบนแท่นบูชา ไม่ใช่พิธีไสยศาสตร์เพื่อขอฝน แต่เป็นการกระทำเพื่อเน้นอัศจรรย์ที่พระยาห์เวห์จะทรงส่งไฟลงมาเผาทุกสิ่งเหล่านี้

n อัศจรรย์นี้ต้องการพิสูจน์ (1) ให้ประกาศกของพระบาอัลและคนต่างด้าวที่พระนางเยเซเบลทรงอุปถัมภ์ (“ให้เขาทั้งหลาย” ข้อ 36) รู้ว่าในอิสราเอลซึ่งพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า ไม่มีที่สำหรับพวกเขาอีกต่อไป และ (2) ให้ชาวอิสราเอล (“ประชากรนี้” ข้อ 37) รู้ว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว และทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงบันดาลให้เขากลับใจมาหาพระองค์

o “หินและฝุ่น” ไม่มีในต้นฉบับภาษากรีก บางคนคิดว่าเป็นคำเพิ่มเติมในภาษาฮีบรูโดยผู้คัดลอก

p การพิสูจน์ว่าพระยาห์เวห์หรือพระบาอัลเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้นั้นเปรียบได้กับสงครามระหว่างพระยาห์เวห์กับพระบาอัล ผู้ที่รับใช้พระบาอัลต้องรับชะตากรรมเหมือนกับผู้แพ้ในสงครามในสมัยนั้น คือต้องถูกประหารชีวิต

q ก่อนการถวายบูชาเพื่อขอฝน ทุกคนต้องจำศีลอดอาหารเป็นการเตรียมตัว

r เมืองยิสเรเอลเป็นราชธานีสำรองของกษัตริย์อิสราเอล (21:1; 2 พกษ 8:29; 9:30ฯ)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก