“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

18 1พระผู้ทรงอยู่ตลอดไปทรงเนรมิตจักรวาลทั้งหมด

          2องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียวทรงยุติธรรมa (3)

                4พระองค์ไม่ประทานอำนาจให้ผู้ใดไปประกาศพระราชกิจของพระองค์

                    ใครจะหยั่งรู้สิ่งมหัศจรรย์ที่ทรงกระทำ

          5ผู้ใดจะวัดพระอานุภาพยิ่งใหญ่

                    ผู้ใดจะบรรยายถึงพระเมตตาของพระองค์ได้

          6ไม่มีสิ่งใดจะต้องตัดออกหรือเพิ่มเติม

                    เป็นไปไม่ได้ที่จะหยั่งรู้สิ่งน่าอัศจรรย์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

          7เมื่อคนหนึ่งคิดว่าเขาจบแล้ว เขาก็เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น

                    เมื่อเขาหยุด เขาก็ยังรู้สึกมึนงงอยู่b

ความไม่เที่ยงแท้ของมนุษย์

            8มนุษย์คืออะไร มีประโยชน์อะไร

                    ความดีของเขาคืออะไร ความชั่วของเขาคืออะไร

          9ชีวิตของมนุษย์ ถ้าถึงร้อยปีก็นับว่ามากแล้ว

          10แต่อายุไม่กี่ปีของเขาเปรียบกับนิรันดรภาพ

                    ก็เหมือนน้ำหยดเดียวในทะเล หรือเหมือนทรายเม็ดเดียว

          11องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงพากเพียรอดทนกับมนุษย์

                    ทรงหลั่งพระเมตตาให้เขา

          12พระองค์ทรงเห็นและทรงทราบว่าจุดสิ้นสุดของมนุษย์นั้นน่าสมเพช

                    พระองค์จึงประทานอภัยให้เขามากยิ่งขึ้น

          13มนุษย์เมตตาเพื่อนบ้าน

                    แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเมตตาสิ่งมีชีวิตทั้งปวง

          พระองค์ทรงติเตียน ตักเตือน และสั่งสอน

                    ทรงนำเขาดังคนเลี้ยงแกะนำฝูงแกะของตนc

          14พระองค์ทรงพระเมตตาผู้ยอมรับคำตักเตือนของพระองค์

                    ทรงพระเมตตาผู้หมั่นปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์

จงรู้จักให้d

            15ลูกเอ๋ย เมื่อท่านทำความดีกับผู้ใด อย่าตำหนิเขา

                    เมื่อให้ของผู้ใด อย่าพูดให้เขาเป็นทุกข์ใจ

          16หยาดน้ำค้างยังลดความร้อนได้มิใช่หรือ

                    วาจาอ่อนหวานย่อมมีค่ามากกว่าของกำนัล

          17ดูซิ ถ้อยคำเพียงคำเดียวย่อมมีค่ากว่าของกำนัลดีๆ

                    แต่คนใจกว้างพร้อมจะให้ทั้งสองอย่าง

          18คนโง่เขลาติเตียนโดยไร้มรรยาท

                    ผู้ให้ของขวัญอย่างไม่เต็มใจ ทำให้ผู้รับขัดเคือง

การรู้จักตริตรองมองการณ์ไกล

          19จงเรียนรู้ให้ดีก่อนที่จะพูด

                    จงดูแลสุขภาพ ถ้าไม่ต้องการเจ็บป่วย

          20จงพิจารณาตนเองก่อนที่พระเจ้าจะทรงพิพากษา

                    แล้วท่านจะพบพระเมตตาในวันที่พระองค์เสด็จมา

          21จงถ่อมตนก่อนที่ท่านจะเจ็บป่วยe

                    ถ้าท่านทำบาปไปแล้ว ก็จงเป็นทุกข์กลับใจ

          22อย่าให้สิ่งใดขัดขวางท่านมิให้ปฏิบัติตามคำบนบานในเวลาที่กำหนด

                    และอย่ารอจนตายก่อนที่จะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย

          23จงคิดให้ดีก่อนจะบนบาน

                    อย่าเป็นเหมือนคนที่ทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า

          24จงระลึกถึงพระพิโรธในวันสิ้นชีวิตของท่านf

                    คือเวลาที่พระเจ้าจะทรงลงโทษเมื่อทรงหันพระพักตร์ไปจากท่าน

          25เมื่อท่านอุดมสมบูรณ์ จงคิดถึงเวลาอดอยาก

                    เมื่อท่านร่ำรวย จงคิดถึงเวลาที่ท่านยากจนและขาดแคลน

          26ตั้งแต่เช้าถึงเย็น ลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง

                    ทุกสิ่งผ่านพ้นไปรวดเร็วเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า

          27ผู้มีปรีชาระวังตนในทุกสิ่ง

                    และเมื่อบาปล่อใจg เขาก็ระวังตนไม่ทำผิด

          28ผู้มีปัญญารู้จักปรีชาญาณ

                    และชมสรรเสริญทุกคนที่พบปรีชาญาณ

          29ผู้รู้จักพูดแสดงว่ามีปรีชาญาณ

                    เขาแจกจ่ายคำพังเพยhเหมือนฝนที่หลั่งลงมา

การรู้จักบังคับตน

            30อย่าปล่อยตนตามตัณหา

                    จงควบคุมความปรารถนาของท่าน

          31ถ้าท่านทำตามตัณหาของท่าน

                    ท่านก็จะเป็นเป้าให้ศัตรูเย้ยหยัน

          32อย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเพื่อแสวงหาความสุข

                    เพราะค่าใช้จ่ายจะทำให้ท่านยากจนi

          33ถ้าท่านไม่มีเงินในกระเป๋า

                    อย่าไปยืมเงินเพื่อเลี้ยงฉลอง จะทำให้ตนยากจนลง

18 a สำเนาโบราณภาษากรีก Gk 248 เสริมว่า “และไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ 3พระองค์ทรงใช้พระหัตถ์ปกครองโลก สิ่งสารพัดปฏิบัติตามพระประสงค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ ทรงปกครองทุกสิ่งด้วยพระอานุภาพ ทรงแยกสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากสิ่งไม่ศักดิ์สิทธิ์”

b เมื่อมนุษย์ใช้ความสามารถทั้งหมดของตนเพื่อรู้จักพระเจ้าและสิ่งมหัศจรรย์ของพระองค์ เขาเพิ่งเริ่มเข้าใจพระองค์ ข้อสังเกตเหล่านี้ชวนให้คิดถึงความคิดของ ปญจ แต่ข้อสรุปนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ปญจ คิดถึงแต่ความอนิจจังของมนุษย์เท่านั้น ส่วน บสร กล่าวถึงความอ่อนแอของมนุษย์เพื่อเน้นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

c เทียบ 2 มคบ 6:13-16; ปชญ 12:19-22 ชาวยิวสมัยหลังเนรเทศพยายามหาเหตุผลเพื่อสนับสนุนยืนยันความยุติธรรมของพระเจ้าในการลงโทษความผิดของมนุษย์ ในข้อความนี้เราพบความคิดชัดเจนเป็นครั้งแรกในพันธสัญญาเดิมที่ว่าพระเจ้าทรงพระเมตตาต่อทุกสิ่งที่ทรงเนรมิตมา

d คำแนะนำสั่งสอนให้ประพฤติดีดำเนินต่อไปที่ตรงนี้ การพิจารณาถึงพระเมตตากรุณายิ่งใหญ่ของพระเจ้าทำให้ผู้เขียนรวบรวมคำพังเพยเกี่ยวกับการแสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์มาไว้ด้วยกัน

e พระคัมภีร์มักจะมองความเจ็บป่วยเป็นการลงโทษที่คนหนึ่งได้ทำบาป ดังนั้น การกลับใจใช้โทษบาปจึงเป็นการป้องกันมิให้ล้มป่วยอีก

f “วันสิ้นชีวิตของท่าน” แปลตามตัวอักษรว่า “วันแห่งการจบสิ้น” ซึ่งหมายถึง “วันตาย” (เทียบ 1:13) มากกว่า “วันพิพากษา” บสร ไม่สนใจเรื่องอันตวิทยาของมนุษย์

g “เมื่อบาปล่อใจ” แปลตามตัวอักษรว่า “ในวันของบาป”

h “แจกจ่ายคำพังเพย” คงจะหมายถึงหนังสือที่รวบรวมคำพังเพยต่างๆ ไว้ ดังที่พบได้ในหนังสือสุภาษิต สำเนาโบราณภาษากรีก Gk 248 ยังเสริมอีกว่า “วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียวดีกว่านำดวงใจที่ตายแล้ว มาติดไว้กับผู้ตาย”

i ข้อนี้ในต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “อย่าพอใจในความสุขที่ไร้ค่า เกรงว่าท่านจะยากจนเป็นสองเท่า”

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก