“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

4 1ลูกเอ๋ย อย่าทำให้คนจนขาดสิ่งจำเป็นสำหรับเลี้ยงชีวิต

                    อย่ามองข้ามความต้องการของผู้ขัดสน

          2อย่าทำให้คนหิวโหยต้องโศกเศร้า

                    หรือทำให้คนขัดสนต้องขัดเคือง

          3อย่าทำให้ผู้มีใจขัดเคืองต้องโกรธมากขึ้น

                    อย่าให้คนที่มีความต้องการ ต้องรอคอยความช่วยเหลือ

          4อย่าผลักไสผู้ตกทุกข์ได้ยากที่มาขอความช่วยเหลือ

                    อย่าหันหน้าไปจากคนยากจน

          5อย่าหันหลังให้คนที่มีความต้องการ

                    อย่าเปิดโอกาสให้ผู้ใดสาปแช่งท่าน

          6เพราะถ้าเขาสาปแช่งท่านในยามทุกข์ร้อน

                    พระผู้สร้างของเขาจะทรงฟังคำวอนขอของเขา

          7จงทำตนให้เป็นที่รักแก่ชุมชน

                    จงก้มศีรษะเคารพผู้ใหญ่

          8จงเงี่ยหูฟังคนยากจน

                    จงตอบคำทักทายของเขาอย่างมีมารยาท

          9จงช่วยผู้ถูกกดขี่ให้พ้นเงื้อมมือผู้ข่มเหง

                    อย่าใจแคบเมื่อท่านต้องตัดสิน

          10จงเป็นเสมือนบิดาสำหรับเด็กกำพร้า

                    จงเป็นเสมือนสามีสำหรับแม่ของเด็กเหล่านั้นa

          แล้วท่านจะเป็นเหมือนบุตรของพระเจ้าสูงสุด

                    ผู้ทรงรักท่านยิ่งกว่ามารดา

ปรีชาญาณเป็นผู้สั่งสอนb

          11ปรีชาญาณส่งเสริมบรรดาบุตรให้พัฒนาขึ้น

                    และเอาใจใส่ดูแลผู้แสวงหาปรีชาญาณ

          12ผู้รักปรีชาญาณย่อมรักชีวิต

                    ผู้ตื่นแต่เช้าแสวงหาปรีชาญาณ ย่อมมีความยินดีเต็มเปี่ยม

          13ผู้มีปรีชาญาณจะได้รับสิริรุ่งโรจน์เป็นมรดก

                    ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงอวยพรเขา

          14ทุกคนที่รับใช้ปรีชาญาณ ย่อมถวายคารวกิจแด่พระผู้ศักดิ์สิทธิ์

                    องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักทุกคนที่รักปรีชาญาณ

          15ผู้เชื่อฟังปรีชาญาณ ย่อมตัดสินนานาชาติ

                    ผู้คอยเฝ้าปรีชาญาณ จะมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย

          16ผู้ใดวางใจในปรีชาญาณ ผู้นั้นก็จะได้รับปรีชาญาณเป็นมรดก

                    บรรดาบุตรหลานก็จะรักษาปรีชาญาณไว้เป็นมรดกด้วย

          17ในเบื้องต้น ปรีชาญาณจะนำเขาไปตามทางคดเคี้ยว

                    ทำให้เขากลัวและตกใจ

          จะเคี่ยวเข็ญเขาด้วยการอบรมเคร่งครัด

                    และลองใจเขาด้วยกฎเกณฑ์ จนกว่าปรีชาญาณจะไว้ใจเขาได้

          18แล้วจะกลับไปหาเขาทันที ทำให้เขายินดี

                    และจะเปิดเผยความลับแก่เขา

          19ถ้าเขาหลงไปทางอื่น ปรีชาญาณก็จะทอดทิ้งเขา

ปล่อยเขาให้พินาศc

ความสงบเสงี่ยมที่รู้จักละอายและความเคารพผู้อื่นd

            20จงคำนึงถึงสถานการณ์ และระวังตัวจากความชั่ว

                    แล้วท่านจะไม่ต้องละอายใจ

          21ความละอายต่อบางสิ่งนำไปสู่บาป

                    ความละอายต่อบางสิ่งนำไปสู่เกียรติและศักดิ์ศรี

          22อย่าลำเอียงจนท่านต้องรับความเสียหาย

                    อย่าเกรงใจผู้อื่นจนท่านต้องประสบหายนะ

          23อย่าเงียบเมื่อจำเป็นต้องพูด

                    อย่าซ่อนปรีชาญาณของท่านไว้e

          24ปรีชาญาณแสดงออกด้วยคำพูด

                    ความรู้ปรากฏด้วยคำปราศรัย

          25อย่าพูดขัดแย้งกับความจริง

                    แต่จงละอายที่ไม่มีความรู้

          26อย่าอายที่จะสารภาพบาปของท่าน

                    อย่าขวางกระแสน้ำเชี่ยวf

          27อย่าพินอบพิเทาต่อคนโง่

                    อย่ามีใจลำเอียงต่อผู้มีอำนาจ

          28จงต่อสู้เพื่อความจริงแม้จะต้องตาย

                    พระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านจะทรงต่อสู้เพื่อท่าน

          29อย่าเก่งแต่ปาก

                    และอย่าเกียจคร้านเฉื่อยชาในการกระทำ

          30อย่าเป็นเหมือนสิงโตgเฉพาะในบ้าน

                    อย่าคอยจับผิดผู้รับใช้

          31อย่าเอื้อมมือไปหยิบ

                    แล้วหดมือกลับเมื่อต้องคืนให้

 

4 a “แม่ของเด็กเหล่านั้น” บางคนแปลว่า “แม่ม่าย” ตามต้นฉบับภาษาฮีบรู พันธสัญญาเดิมกล่าวบ่อยๆ ถึงการช่วยเหลือ “แม่ม่ายและลูกกำพร้า” (ดู ฉธบ 10:18; 14:29; 24:19; ฯลฯ; สดด 68:5; 146:9; อสค 22:7)

b ข้อความตอนนี้กล่าวถึงปรีชาญาณเป็นเสมือนบุคคล เช่นเดียวกับใน สภษ 1:23-25; 8:12-21; 9:1-6 “บุตร” ของปรีชาญาณหมายถึงทุกคนที่แสวงหาปรีชาญาณและปฏิบัติตาม (ดู ลก 7:35)

c ข้อ15-19 ในต้นฉบับภาษาฮีบรูเป็นคำพูดของปรีชาญาณเองในบุรุษที่ 1 ตามแบบเดียวกันกับคำปราศรัยใน สภษ 1:22ฯ; 8:1ฯ

d ข้อความนี้คงจะสะท้อนความเป็นอยู่ของชาวยิวที่ถูกชักชวนให้รับอารยธรรมของชาวกรีก และเสแสร้งไม่ยอมปฏิบัติตามความเชื่อจากขนบประเพณีดั้งเดิมของตน (ดู 1 มคบ 1:12-15; 2 มคบ 4:11-16)

e “เมื่อจำเป็นต้องพูด” สำเนาโบราณบางฉบับว่า “ในเวลาแห่งความรอดพ้น” “อย่าซ่อนปรีชาญาณของท่านไว้” แปลตามต้นฉบับภาษาฮีบรู สำเนาโบราณภาษากรีก GK 248 และตามสำนวนแปลโบราณภาษาละติน ข้อความนี้ไม่มีในต้นฉบับภาษากรีก

f “อย่าขวางกระแสน้ำเชี่ยว” หมายความว่า “มนุษย์จะขวางกระแสน้ำเชี่ยวก็ยังง่ายกว่าจะปิดบังบาปของตนไม่ให้พระเจ้าทรงทราบ” ชาวยิวในยุคนั้นรู้ว่าจำเป็นต้องสารภาพบาปของตนต่อพระเจ้า (ลนต 5:5; กดว 5:7; 2 ซมอ 12:13; 1 พกษ 21:27; สดด 38:1, 4-5; 51:5)

g “เหมือนสิงโต” ต้นฉบับภาษาฮีบรูและภาษาซีเรียคว่า “เหมือนสุนัข” เพื่อแสดงท่าทีคอยจับผิดเหมือนสุนัขที่เที่ยวซอกแซกหาสิ่งของอย่างกล้าๆ กลัวๆ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก