“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)


(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

แบบฉบับความเชื่อของบรรพบุรุษ

11 1ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นข้อพิสูจน์ถึงสิ่งที่มองไม่เห็นa 2เพราะความเชื่อนี้ คนในสมัยก่อนจึงได้รับการยกย่องในพระคัมภีร์ 3เพราะความเชื่อ เราจึงเข้าใจว่าพระวาจาของพระเจ้าเนรมิตสร้างโลก ดังนั้น สิ่งที่มนุษย์มองเห็นได้จึงเกิดขึ้นจากสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็นb

4เพราะความเชื่อ อาแบลจึงถวายเครื่องบูชาที่ดีกว่าเครื่องบูชาของกาอินแด่พระเจ้า ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ชอบธรรม โดยพระเจ้าทรงรับรองบรรณาการของเขา เพราะความเชื่อนี้ แม้ว่าอาแบลล่วงลับไปแล้ว เขาก็ยังพูดอยู่ทั้งๆ ที่ตายแล้ว

5เพราะความเชื่อ พระเจ้าทรงรับตัวเอโนคไป โดยเขาไม่ต้องประสบความตาย ไม่มีใครพบเขาเพราะพระเจ้าทรงรับเขาไปแล้ว ก่อนที่เขาจะถูกยกไปก็มีคำยกย่องว่า เขาเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า 6แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าไม่ได้เลย เพราะผู้ที่มาเฝ้าพระเจ้า จำเป็นต้องเชื่อว่า พระองค์ทรงดำรงอยู่และประทานบำเหน็จแก่ผู้แสวงหาพระองค์c

7เพราะความเชื่อ เมื่อโนอาห์ได้รับคำเตือนของพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องที่ยังไม่เห็น เขาจึงมีความยำเกรงพระองค์และสร้างเรือใหญ่ เพื่อช่วยให้ครอบครัวของตนรอดตาย และเพราะความเชื่อนี้เอง เขาตัดสินลงโทษโลกd และได้เป็นทายาทแห่งความชอบธรรมซึ่งมาจากความเชื่อ

8เพราะความเชื่อ อับราฮัมเชื่อฟังเมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้ออกเดินทางไปสู่สถานที่ที่เขาจะได้รับเป็นมรดก เขาออกเดินทางไปโดยไม่รู้ว่าจะไปไหน 9เพราะความเชื่อ เขาพำนักในดินแดนแห่งพระสัญญาเยี่ยงคนต่างด้าวในต่างแดน เขาอาศัยอยู่ในกระโจมเช่นเดียวกับอิสอัคและยาโคบผู้เป็นทายาทร่วมพระสัญญาเดียวกัน 10เขารอคอยนครที่มีรากฐานซึ่งพระเจ้าทรงเป็นผู้ออกแบบและทรงก่อสร้าง

11เพราะความเชื่อ แม้นางซาราห์จะพ้นวัยให้กำเนิดแล้ว พระเจ้ายังทรงบันดาลให้ตั้งครรภ์ได้ เพราะนางเชื่อว่าพระองค์ผู้ทรงสัญญาจะทรงซื่อสัตย์ต่อคำสัญญานั้น 12ดังนั้น จากคนเดียวซึ่งเปรียบเสมือนกับตายแล้ว กลับเกิดลูกหลานจำนวนมากเหมือนดวงดาวในท้องฟ้า และเหมือนเม็ดทรายที่นับไม่ได้บนชายทะเล

13เขาทุกคนเหล่านี้ตายไปแล้วในความเชื่อโดยไม่ได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้ แต่ก็ได้เห็นและได้ต้อนรับสิ่งเหล่านั้นซึ่งยังอยู่ห่างไกล และรู้ดีว่าตนเป็นแต่เพียงคนต่างด้าวและพลัดถิ่นในโลก 14ผู้ที่พูดเช่นนี้ ชี้ให้เห็นว่าตนกำลังเสาะแสวงหาแหล่งพำนัก 15หากเขาคิดถึงถิ่นกำเนิดที่จากมา เขาคงมีโอกาสกลับไปได้ 16แต่โดยแท้จริงแล้ว เขาเหล่านี้พยายามไขว่คว้าหาแหล่งพำนักที่ดีกว่า นั่นคือเมืองสวรรค์ ดังนั้น พระเจ้าจึงไม่ทรงละอายที่จะรับพระนามว่าเป็นพระเจ้าของเขา เพราะพระองค์ทรงจัดเตรียมเมืองไว้ให้พวกเขาแล้ว

17เพราะความเชื่อ เมื่อพระเจ้าทรงลองใจ อับราฮัมจึงถวายอิสอัค เขาผู้ได้รับพระสัญญาก็ถวายบุตรคนเดียวของตน 18บุตรที่พระวาจากล่าวถึงไว้ว่า โดยทางอิสอัคเชื้อสายจะรับนามของท่าน 19เขาเชื่อว่าพระเจ้าทรงฤทธานุภาพอาจปลุกคนตายให้ฟื้นได้ และดังนั้น เขาจึงได้รับอิสอัคคืนมาเป็นสัญลักษณ์e

20เพราะความเชื่อ อิสอัคจึงอวยพรยาโคบและเอซาวเรื่องอนาคต 21เพราะความเชื่อ ก่อนจะสิ้นใจ ยาโคบจึงอวยพรบุตรแต่ละคนของโยเซฟ และก้มลงนมัสการพระเจ้าโดยใช้ไม้เท้ายันตัวไว้ 22เพราะความเชื่อ ก่อนจะสิ้นชีวิต โยเซฟจึงพูดถึงการอพยพของลูกหลานอิสราเอลและสั่งเรื่องการจัดการกับกระดูกของตน

23เพราะความเชื่อ เมื่อโมเสสเกิดมา บิดามารดาจึงซ่อนเขาไว้เป็นเวลาสามเดือน เพราะเห็นว่าทารกนั้นน่ารักและไม่กลัวที่จะขัดพระราชกระแสรับสั่งของกษัตริย์f 24เพราะความเชื่อ เมื่อโมเสสเติบโตขึ้นแล้ว เขาจึงไม่ยอมได้ชื่อว่าเป็นพระโอรสของพระธิดาของกษัตริย์ฟาโรห์ 25แต่เลือกที่จะถูกข่มเหงร่วมกับประชากรของพระเจ้า มากกว่าที่จะทำบาปแล้วมีความสุขสบายเพียงชั่วระยะหนึ่ง 26เขาเชื่อว่า การถูกสบประมาทเหมือนผู้รับเจิมg ประเสริฐกว่าทรัพย์สมบัติทั้งปวงของอียิปต์ เพราะเขามองบำเหน็จรางวัลที่จะได้รับ 27เพราะความเชื่อ โมเสสจึงออกจากอียิปต์โดยไม่กลัวพระพิโรธของกษัตริย์ เขาไม่หวั่นไหว เหมือนได้เห็นพระเจ้าที่มนุษย์มองเห็นไม่ได้ 28เพราะความเชื่อ เขาจึงฉลองปัสกาและประพรมเลือด เพื่อมิให้ผู้ทำลายบุตรคนแรกมาแตะต้องบุตรของชาวอิสราเอล 29เพราะความเชื่อ ชาวอิสราเอลจึงเดินผ่านทะเลแดงราวกับเดินบนดินแห้ง ส่วนชาวอียิปต์ซึ่งพยายามทำเช่นเดียวกันต่างจมน้ำตายสิ้น

30เพราะความเชื่อ ประชากรอิสราเอลจึงเดินรอบเมืองเยรีโคเป็นเวลาเจ็ดวัน กำแพงพังทลายลง 31เพราะความเชื่อ นางราหับหญิงแพศยาจึงไม่ถูกฆ่าตายพร้อมกับผู้ไม่มีความเชื่อ เพราะนางต้อนรับผู้สอดแนมเป็นอย่างดี

32ข้าพเจ้ายังจะต้องพูดอะไรอีกหรือ ข้าพเจ้าไม่มีเวลาจะเล่าเรื่องกิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ กษัตริย์ดาวิด ซามูเอลและบรรดาประกาศก 33เพราะความเชื่อ เขาเหล่านี้จึงพิชิตอาณาจักร ปฏิบัติความยุติธรรม ได้รับพระสัญญา ปิดปากสิงโต 34ดับไฟร้อนแรง พ้นจากคมดาบ ได้รับพละกำลังพ้นจากความอ่อนแอ กลายเป็นผู้เข้มแข็งในสงครามและขับไล่กองทัพต่างชาติให้พ่ายไป 35หญิงบางคนได้รับผู้ตายของตนที่กลับคืนชีพ บางคนถูกทรมานจนตายไม่ยอมรับการปลดปล่อยเพื่อจะกลับคืนชีพมารับชีวิตที่ดีกว่า 36บางคนถูกสบประมาท ถูกโบยตีและยังถูกล่ามโซ่จำคุกอีกด้วย 37เขาถูกหินทุ่ม ถูกเลื่อยเป็นสองส่วนh ตายด้วยคมดาบ บางคนนุ่งห่มหนังแกะหนังแพะร่อนเร่ไป ขัดสน ได้รับความยากลำบาก ถูกข่มเหง 38โลกนี้ไม่เหมาะกับเขาเหล่านี้ พวกเขาระหกระเหินไปในถิ่นทุรกันดาร ตามภูเขา ในถ้ำและตามโพรง 39คนเหล่านี้ทุกคน แม้ว่าพระเจ้าทรงยกย่องเขาเพราะความเชื่อแล้ว เขาก็ยังมิได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้ 40พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่ดีกว่าไว้ให้เรา เพื่อเขาเหล่านั้นจะได้รับความดีบริบูรณ์พร้อมกับพวกเรานั่นเองi

 

11 a สำเนาโบราณบางฉบับว่า ความเชื่อเป็นหลักประกันของสิ่งที่เราหวัง (สวรรค์) และความแน่ใจของสิ่งไม่ต้องการ (นรก)” คริสตชนชาวยิวผู้รับจดหมายกำลังมีความท้อแท้หมดกำลังใจเพราะถูกเบียดเบียน ดังนั้น ผู้เขียนจดหมายจึงได้เน้นว่าความหวังเกี่ยวข้องเฉพาะแต่สิ่งที่อยู่ในอนาคตและมองเห็นไม่ได้เท่านั้น ข้อความในข้อนี้ถูกนำมาใช้ในเทววิทยาเพื่อนิยามความหมายของความเชื่อ ซึ่งหมายถึงการครอบครองล่วงหน้าอย่างแน่นอนของความเป็นจริงที่อยู่ในสวรรค์ (ดู 6:5; รม 5:2; อฟ 1:13ฯ) ตัวอย่างจากชีวิตของผู้ศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาเดิมต้องการแสดงให้เห็นว่าความเชื่อเป็นแหล่งที่มาของความพากเพียรและพละกำลัง

b ถ้าใช้ความเชื่อมองดูสรรพสิ่ง เราจะพบ ความเป็นจริงที่มองไม่เห็น ก่อนการเนรมิตสร้าง ทุกสิ่งที่เป็นจริงมีอยู่แล้วในพระเจ้าและทุกอย่างมาจากพระองค์

c ความเชื่อที่จำเป็นสำหรับความรอดพ้นมีเนื้อหาสองประการคือ (1) เชื่อว่ามีพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระบุคคล (ปชญ 13:1) ซึ่งโดยธรรมชาติของพระองค์มนุษย์จะแลเห็นไม่ได้ (ยน 1:18; 20:29; รม 1:20; 2 คร 5:7; คส 1:15; 1 ทธ 1:17; 6:16; และ (2) เชื่อว่าพระเจ้าจะประทานบำเหน็จรางวัลแก่ทุกคนที่พยายามแสวงหาพระองค์ (เทียบ มธ 5:12//; 6:4, 6, 18; 10:41ฯ//; 16:27; 20:1-16; 25:31-46; ลก 6:35; 14:14; รม 2:6; 1 คร 3:8, 14; 2 คร 5:10; อฟ 6:8; 2 ทธ 4:8,14; 1 ปต 1:17; 2 ยน 8; วว 2:23; 11:18; 14:13; 20:12-13; 22:12; ดู สดด 62:12 เชิงอรรถ e) ผู้เขียนไม่กล่าวถึงพระคริสตเจ้า ณ ที่นี้ ก็เพราะว่าเอโนคได้มาก่อนพันธสัญญาใดๆ (เทียบ ยน 17:3; 20:31)

d ความไว้วางใจของโนอาห์ในพระวาจาของพระเจ้าเป็นคำตัดสิน ลงโทษ คนบาป (เทียบ ปชญ 4:16; มธ 12:41)

e การช่วยอิสอัคให้พ้นจากความตายเป็นรูปแบบของการกลับคืนชีพของมนุษย์ทุกคน และธรรมประเพณีการอธิบายพระคัมภีร์ยังเห็นว่าหมายถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า

f สำเนาโบราณบางฉบับยังแทรกเรื่องโมเสสฆ่าชาวอียิปต์ (ดู อพย 2:11-12; กจ 7:24) ไว้ตรงนี้ด้วย

g ในบทเพลงสดุดีที่ 89 ผู้รับเจิม ของพระเจ้าที่ ถูกสบประมาท หมายถึง ประชากรของพระเจ้า (ข้อ 25) ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงคัดเลือกไว้เป็นของพระองค์ (อพย 19:6) ผู้เขียนจดหมายถึงชาวฮีบรูประยุกต์ใช้ข้อความตอนนี้กับพระคริสตเจ้า ซึ่งโมเสส (โดยอาศัยความเชื่อ เนื่องจากพระผู้ไถ่ยังเสด็จมาไม่ถึง) ได้ยอมรับทนทรมานล่วงหน้าแทนพระองค์ (ดู 10:33; 13:13)

h หนังสือนอกสารบบ (Apocryphal) บางฉบับกล่าวว่ากษัตริย์มนัสเสห์ได้สั่งประหารชีวิตประกาศกอิสยาห์โดยให้ถูกเลื่อยเป็นสองส่วน สำเนาโบราณบางฉบับยังเสริมว่า ถูกทดลอง

i ยุคสุดท้ายของ ความดีบริบูรณ์ ได้เริ่มต้นโดยพระคริสตเจ้า (2:10; 5:9; 7:28; 10:14) และมนุษย์เข้ารับชีวิตพระเจ้าได้ก็โดยทางพระองค์ (9:11ฯ; 10:19ฯ) ผู้ชอบธรรมในพันธสัญญาเดิมไม่สามารถบรรลุถึงความดีบริบูรณ์ได้อาศัยธรรมบัญญัติ (7:19; 9:9; 10:1) ดังนั้น จึงต้องรอคอยจนกว่าพระคริสตเจ้าจะทรงกลับคืนพระชนมชีพ แล้วพวกเขาจะได้รับชีวิตที่สมบูรณ์ในสวรรค์ (12:23; เทียบ มธ 27:52ฯ; 1 ปต 3:19 เชิงอรรถ h)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก