“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)


(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

เปาโลออกเดินทางไปกรุงโรม

27 1เมื่อผู้ว่าราชการตัดสินใจให้เราaลงเรือไปยังอิตาลีแล้ว เขาก็มอบตัวเปาโลและนักโทษอื่นๆ บางคนให้นายร้อยผู้หนึ่งชื่อยูเลียสซึ่งสังกัดในกองทัพของพระจักรพรรดิ 2เราลงเรือลำหนึ่งที่มาจากเมืองอัดรามิททิอุมและกำลังจะออกทะเลมุ่งไปยังท่าเรือต่างๆ ของแคว้นอาเซีย อารีสทารคัสชาวมาซิโดเนียจากเมืองเธสะโลนิกาอยู่กับเราด้วย

3วันรุ่งขึ้น เรามาถึงเมืองไซดอน ยูเลียสแสดงน้ำใจดีต่อเปาโล อนุญาตให้ไปพบเพื่อนๆ เพื่อรับความช่วยเหลือ 4จากที่นั่นเราแล่นเรือออกทะเลอีก และเพราะกระแสลมต้าน จึงต้องแล่นไปทางด้านหลังของเกาะไซปรัส 5เมื่อแล่นข้ามทะเลเปิดจากฝั่งของแคว้นซีลีเซียและปัมฟีเลียb เราก็มาถึงเมืองมีราในแคว้นลีเซีย 6ที่นั่น นายร้อยพบเรือลำหนึ่งจากเมืองอเล็กซานเดรียกำลังมุ่งหน้าไปอิตาลี จึงให้เราลงเรือลำนั้น 7เราแล่นเรือไปช้าๆ เป็นเวลาหลายวัน และมาถึงเกาะคนีดัสด้วยความยากลำบาก กระแสลมทำให้เราเดินทางตามทิศทางไม่ได้ เราจึงแล่นไปทางด้านใต้ของเกาะครีต ผ่านแหลมสัลโมเน 8เราแล่นเลียบฝั่งด้วยความยากลำบากและมาถึงสถานที่หนึ่งซึ่งเรียกว่า “ท่างาม” ใกล้กับเมืองลาเซีย

เรืออับปาง

9เราเสียเวลาหลายวัน การแล่นเรือก็เป็นอันตราย เทศกาลจำศีลก่อนcฤดูหนาวผ่านไปแล้ว เปาโลเตือนทุกคนว่า 10“ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าเห็นว่าการแล่นเรือต่อไปเป็นการเสี่ยงอันตรายอย่างมาก นอกจากจะทำให้สินค้าและเรือเสียหายแล้ว ยังจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของเราด้วย” 11แต่นายร้อยเชื่อฟังกัปตันและเจ้าของเรือมากกว่าจะฟังคำเตือนของเปาโล 12เพราะท่าเรือที่นั่นไม่เหมาะสำหรับการพักในฤดูหนาว ผู้โดยสารส่วนใหญ่จึงตัดสินใจให้แล่นเรือต่อไป หวังว่าจะถึงเมืองฟีนิกซ์ ท่าเรือของเกาะครีตซึ่งเปิดทั้งทางตะวันตกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือ เพื่อพักในฤดูหนาวที่นั่น

13เมื่อลมพัดมาอ่อนๆ จากทิศใต้ ทุกคนก็คิดว่าจะเป็นตามที่คาดหวังไว้ จึงถอนสมอแล้วแล่นเลียบฝั่งเกาะครีตให้ชิดที่สุด 14ต่อมาไม่นานนัก ลมพายุใหญ่ชื่อว่า “ลมตะวันออกเฉียงเหนือ” พัดข้ามเกาะลงมา 15เรือถูกลมพายุพัดกระหน่ำ แล่นต้านลมพายุไม่ไหว เราจึงต้องปล่อยเรือไปตามกระแสลม 16ขณะที่เราผ่านทางด้านใต้เกาะเล็กๆ ที่ชื่อว่าคาวดา เราเกือบรักษาเรือชูชีพไว้ไม่ได้ 17ลูกเรือดึงเรือชูชีพขึ้นมา แล้วจึงเอาเชือกมัดรอบเรือใหญ่ให้แน่น หย่อนทุ่นลง ปล่อยให้เรือลอยไปตามลม เพราะกลัวว่าเรือจะไปเกยตื้นที่สันทรายของอ่าวซีร์ตีสในแคว้นลิเบีย 18พายุยังคงพัดกระหน่ำเราอย่างรุนแรง วันรุ่งขึ้นลูกเรือเริ่มทิ้งสินค้าลงทะเล 19ในวันที่สาม เขาโยนเครื่องใช้ประจำเรือทิ้งด้วยมือของตน 20เราไม่เห็นดวงอาทิตย์และดวงดาวเป็นเวลาหลายวัน พายุยังคงพัดจัด เราจึงเลิกคาดหวังว่าจะรอดชีวิต

21ทุกคนในเรือไม่ได้กินอาหารเป็นเวลานานd เปาโลยืนขึ้นในหมู่เขาพูดว่า “ท่านทั้งหลาย ท่านควรฟังข้าพเจ้า และไม่แล่นเรือออกจากเกาะครีต จะได้พ้นทั้งอันตรายและความเสียหายเช่นนี้ 22บัดนี้ ข้าพเจ้าเตือนท่านให้ทำใจดีๆ ไว้ เพราะจะไม่มีใครสักคนเสียชีวิต มีแต่เรือเท่านั้นที่จะอับปาง 23คืนที่ผ่านมา ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้าซึ่งเป็นเจ้านายที่ข้าพเจ้ารับใช้ปรากฏแก่ข้าพเจ้า 24กล่าวว่า ‘เปาโล อย่ากลัวเลย ท่านจะต้องไปปรากฏตัวเฉพาะพระพักตร์พระจักรพรรดิe และพระเจ้าทรงพระกรุณาไว้ชีวิตทุกคนที่ร่วมเดินทางมากับท่าน’ 25 ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงทำใจดีๆ ไว้เถิด ข้าพเจ้ามีความเชื่อในพระเจ้าว่า เหตุการณ์จะเป็นไปตามที่ทรงบอกข้าพเจ้าไว้ 26เราจะต้องเกยตื้นที่เกาะใดเกาะหนึ่ง”

27คืนที่สิบสี่ เรายังคงถูกพายุซัดไปมาอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนf ประมาณเที่ยงคืน บรรดากะลาสีรู้สึกว่าเรือเข้าใกล้ฝั่งแล้ว 28เขาจึงทิ้งสายดิ่งวัดความลึกและพบว่าน้ำลึกประมาณยี่สิบวา เมื่อแล่นเรือต่อไปอีกเล็กน้อย เขาทิ้งสายดิ่งและพบว่าน้ำลึกสิบห้าวา 29เขากลัวว่าเรือจะชนหินโสโครก จึงทิ้งสมอสี่ตัวจากท้ายเรือและอธิษฐานภาวนาให้ถึงรุ่งเช้าโดยเร็ว 30พวกกะลาสีพยายามหนีจากเรือ จึงปล่อยเรือชูชีพลงทะเลโดยอ้างว่าจะไปทิ้งสมอจากหัวเรือ 31เปาโลจึงบอกนายร้อยและบรรดาทหารว่า “ถ้ากะลาสีเหล่านี้ไม่อยู่ในเรือ ท่านทั้งหลายจะไม่รอดชีวิต” 32บรรดาทหารจึงตัดเชือกที่ยึดเรือชูชีพไว้ ปล่อยลงทะเลไป

33ขณะที่รอเวลาเช้า เปาโลเตือนทุกคนให้กินอาหาร พูดว่า “เป็นเวลาสิบสี่วันมาแล้วที่ท่านรอคอยให้พายุสงบโดยไม่ได้กินอะไรเลย 34ข้าพเจ้าจึงเตือนท่านให้กินอาหาร เพราะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต จะไม่มีผมแม้เพียงเส้นเดียวจากศีรษะของท่านคนใดสูญเสียไป” 35พูดดังนี้แล้ว เปาโลหยิบขนมปังขึ้น กล่าวขอบคุณพระเจ้าต่อหน้าทุกคนแล้วก็บิและเริ่มกินg 36ทุกคนมีกำลังใจขึ้นและกินด้วย 37เราทั้งหมดบนเรือมีจำนวนสองร้อยเจ็ดสิบหกคน 38เมื่อทุกคนกินอาหารจนอิ่มแล้ว ก็ทิ้งข้าวสาลีลงทะเลเพื่อให้เรือเบาขึ้น

39เมื่อสว่างแล้ว พวกกะลาสีไม่รู้จักแผ่นดินตรงหน้า แต่เห็นอ่าวมีหาดทรายและตั้งใจจะนำเรือเข้าไปเกยหาดนั้นให้ได้ 40จึงตัดสายสมอทิ้งทะเล ในเวลาเดียวกันก็แก้เชือกยึดหางเสือแล้วกางใบเรือด้านหน้า ลมพัดเรือเข้าไปยังหาดทราย 41แต่เรือชนสันทรายและเกยตื้น หัวเรือติดแน่นเคลื่อนที่ไม่ได้ ส่วนท้ายเรือถูกคลื่นซัดอย่างรุนแรงจนแตก

42บรรดาทหารคิดจะฆ่านักโทษเพื่อมิให้ใครว่ายน้ำหนีไปได้ 43แต่นายร้อยต้องการจะช่วยชีวิตของเปาโล จึงห้ามทหารไม่ให้ทำอย่างที่คิด และสั่งให้คนที่ว่ายน้ำเป็นกระโดดลงจากเรือก่อน แล้วว่ายน้ำไปขึ้นฝั่ง 44ส่วนคนที่เหลือให้ตามไปโดยเกาะแผ่นกระดานหรือชิ้นส่วนของเรือ โดยวิธีนี้ทุกคนก็ขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย

 

27 a เอกสารที่ใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่งพหูพจน์กลับมาอีก และจะดำเนินต่อไปจนกระทั่งเปาโลถึงกรุงโรม (ดู 16:10 เชิงอรรถ g) การเล่าอย่างละเอียดเช่นนี้ชวนให้คิดว่า ลูกาใช้เรื่องราวที่ตนได้บันทึกไว้ระหว่างการเดินทาง แต่อาจเป็นไปได้ด้วยว่า เขาใช้เรื่องเล่าการเดินทางทางทะเลทั่วไปซึ่งจบลงโดยเรืออับปาง และแทรกข้อความที่เปาโลควบคุมสถานการณ์ทั้งๆ ที่เป็นนักโทษ (ข้อ 9ข-11, 21-26, 30ข-31, 33-36)

b สำเนาโบราณบางฉบับเสริมว่า “เป็นเวลาสิบห้าวัน”

c หรือเทศกาลชดเชยบาป เป็นวันเดียวที่ธรรมบัญญัติบังคับให้ชาวยิวจำศีลอดอาหาร (ลนต 16:29-31) เทศกาลนี้ตกราวปลายเดือนกันยายน

d คำปราศรัยของเปาโล ในข้อ 33ฯ ดูจะเข้ากับบริบทได้มากกว่า คำปราศรัยตรงนี้ (ข้อ 21-26) ไม่เข้ากับบริบทเท่าไรนัก อาจเป็นการเล่าซ้ำกันก็ได้

e “เฉพาะพระพักตร์พระจักรพรรดิ” หมายความ เพียงแต่ว่าจะขึ้นศาลที่กรุงโรมซึ่งพระจักรพรรดิไม่จำเป็นต้องเป็นผู้พิพากษาโดยตรง

f แปลตามตัวอักษร “ทะเลอาดรีอาติค” ซึ่งเป็นชื่อใช้เรียกทะเลเมดิเตอร์เรเนียนระหว่างประเทศกรีซ อิตาลีและทวีปอัฟริกา

g สำเนาโบราณบางฉบับเสริมว่า “และให้แก่เราด้วย” ชาวยิวทุกคนกล่าวถวายพระพรก่อนจะกินอาหาร กระนั้นก็ดี ถ้อยคำที่ลูกาใช้ดูเหมือนจะหมายถึงศีลมหาสนิท (ดู 2:42 เชิงอรรถ gg)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก