“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)


(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

เปาโลปราศรัยกับชาวยิวที่กรุงเยรูซาเล็มa

22 1“พ่อและพี่น้องทั้งหลาย จงฟังคำแก้ข้อกล่าวหาของข้าพเจ้าเถิด”

2เมื่อประชาชนได้ยินเปาโลพูดกับเขาเป็นภาษาฮีบรู ก็ยิ่งเงียบลงอีก

เปาโลจึงกล่าวต่อไปว่า 3“ข้าพเจ้าเป็นชาวยิว เกิดที่เมืองทาร์ซัสในแคว้นซีลีเซีย แต่เติบโตในเมืองนี้ กามาลิเอลเป็นอาจารย์สอนข้าพเจ้าให้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของบรรพบุรุษอย่างเคร่งครัด ข้าพเจ้ารับใช้พระเจ้าด้วยความกระตือรือร้นอยู่เสมอเช่นเดียวกับที่ท่านทั้งหลายปฏิบัติอยู่ในวันนี้ 4ผู้ที่ดำเนินตามวิถีทางนี้b เคยถูกข้าพเจ้าเบียดเบียนถึงตาย ข้าพเจ้าจับกุมทั้งชายและหญิงจองจำไว้ในคุก 5ดังที่มหาสมณะและสภาผู้อาวุโสทุกคนเป็นพยานยืนยันได้ เพราะเขามอบจดหมายให้ข้าพเจ้านำไปให้แก่บรรดาพี่น้องชาวยิวที่เมืองดามัสกัส ข้าพเจ้าจึงออกเดินทางเพื่อไปจับกุมบรรดาคริสตชนซึ่งอยู่ที่นั่น นำกลับมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อลงโทษ

6เวลาประมาณเที่ยงวัน ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทางใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้น มีแสงสว่างจ้าจากท้องฟ้าล้อมรอบตัวข้าพเจ้าไว้ 7ข้าพเจ้าล้มลงที่พื้นดินและได้ยินเสียงพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล เซาโล เจ้าเบียดเบียนเราทำไม’

8ข้าพเจ้าจึงถามว่า ‘พระเจ้าข้า พระองค์คือใคร’

พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เราคือเยซูชาวนาซาเร็ธ ซึ่งเจ้ากำลังเบียดเบียนอยู่’ 9คนที่อยู่กับข้าพเจ้าเห็นแสงสว่าง แต่ไม่ได้ยินเสียงคนที่พูดกับข้าพเจ้า

10แล้วข้าพเจ้าถามอีกว่า ‘พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไร’

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงลุกขึ้น เข้าไปในเมืองดามัสกัส ที่นั่นจะมีคนบอกทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดให้เจ้าทำ’ 11แสงนั้นสว่างจ้าจนข้าพเจ้ามองไม่เห็นสิ่งใด ผู้ร่วมเดินทางกับข้าพเจ้าจึงจูงมือข้าพเจ้าเข้าไปในเมืองดามัสกัส

12ชายคนหนึ่งชื่ออานาเนีย เป็นผู้ยำเกรงพระเจ้าและปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ เป็นที่เคารพนับถือของชาวยิวทุกคนซึ่งอยู่ที่นั่นc 13เขามาพบข้าพเจ้า ยืนใกล้ๆ พูดกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล น้องเอ๋ย จงกลับมองเห็นเถิด’ และในเวลานั้นเองข้าพเจ้าก็มองเห็นเขา

14อานาเนียบอกข้าพเจ้าว่า ‘พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราทรงเลือกสรรท่านให้รู้พระประสงค์ของพระองค์ ให้เห็นพระคริสตเจ้าผู้ทรงชอบธรรมd และได้ยินพระสุรเสียงจากพระโอษฐ์ของพระองค์ 15เพราะท่านจะเป็นพยานของพระองค์ยืนยันสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยินeแก่มนุษย์ทุกคน 16บัดนี้ ท่านรออะไรอยู่อีก จงลุกขึ้น รับศีลล้างบาป และเรียกขานพระนามพระองค์ชำระล้างบาปของท่านเถิด’

17ข้าพเจ้ากลับไปกรุงเยรูซาเล็มf ขณะที่กำลังอธิษฐานภาวนาอยู่ในพระวิหาร ข้าพเจ้าเข้าสู่ภวังค์ 18และเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เร็วเข้า จงรีบออกจากกรุงเยรูซาเล็ม เพราะชาวเมืองจะไม่ยอมรับคำพยานของท่านถึงเรา’g

19ข้าพเจ้าจึงทูลตอบว่า ‘ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า คนเหล่านี้รู้ว่าข้าพเจ้าเคยไปตามศาลาธรรมต่างๆ เพื่อจับกุมผู้ที่มีความเชื่อในพระองค์เข้าคุกและโบยตี 20เมื่อสเทเฟนพยานhของพระองค์หลั่งโลหิต ข้าพเจ้าก็อยู่ที่นั่นด้วย เห็นชอบกับผู้ที่ฆ่าเขาและเฝ้าเสื้อคลุมของคนเหล่านั้น’

21องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงไปเถิด เราจะส่งเจ้าออกไปยังชนต่างศาสนาที่อยู่ห่างไกล’”i

 

เปาโลยืนยันว่ามีสัญชาติโรมัน

22ประชาชนฟังเปาโลพูดถึงตรงนี้ ก็เริ่มตะโกนว่า “จงกำจัดผู้นี้ให้สิ้นไปจากแผ่นดิน เขาไม่สมควรมีชีวิต”

23ประชาชนร้องตะโกน โยนเสื้อคลุมของตน และกอบฝุ่นขว้างขึ้นไปในอากาศ 24ผู้บัญชาการกองพันสั่งให้นำเปาโลเข้าไปในค่ายทหาร โบยตีเพื่อสอบสวนให้รู้สาเหตุว่า ทำไมประชาชนจึงร้องตะโกนเช่นนั้น 25เมื่อพวกทหารมัดเปาโลพร้อมที่จะโบยตี เปาโลถามนายร้อยที่ยืนอยู่ที่นั่นว่า “กฎหมายอนุญาตให้ท่านโบยตีผู้มีสัญชาติโรมันก่อนพิจารณาคดีหรือ”

26เมื่อได้ยินเช่นนี้ นายร้อยไปพบผู้บัญชาการกองพันและรายงานว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่า ท่านกำลังทำอะไร ชายคนนี้มีสัญชาติโรมัน”

27ผู้บัญชาการกองพันจึงมาพบและถามเปาโลว่า “ท่านมีสัญชาติโรมันหรือ”

เปาโลตอบว่า “ใช่”

28ผู้บัญชาการกองพันจึงพูดว่า “ข้าพเจ้าต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อซื้อสัญชาติโรมัน”

เปาโลตอบว่า “แต่ข้าพเจ้ามีสัญชาติโรมันโดยกำเนิด”

29ผู้ที่กำลังจะโบยตีสอบสวนเปาโลต่างถอยออกไปทันที ผู้บัญชาการกองพันตกใจเมื่อรู้ว่า ผู้ที่เขาสั่งให้จองจำนั้นมีสัญชาติโรมันj

เปาโลต่อหน้าสภาซันเฮดรินk

30ผู้บัญชาการกองพันต้องการรู้ให้แน่ชัดว่า เหตุใดชาวยิวจึงกล่าวหาเปาโล วันรุ่งขึ้นเขาจึงสั่งให้แก้โซ่ที่ล่ามเปาโล เรียกบรรดาหัวหน้าสมณะและสมาชิกสภาซันเฮดรินทุกคนมาประชุม แล้วนำเปาโลไปยืนต่อหน้าเขา

 

22 a กจ บันทึกคำปราศรัยของเปาโลซึ่งสรุปคำสอนของเขา 3 ครั้งใน บทที่ 13; 17; 20 บัดนี้ กจ บันทึกคำปราศรัยแก้ข้อกล่าวหา 3 ครั้งเช่นกัน คือ ต่อหน้าประชาชนชาวยิวที่กรุงเยรูซาเล็ม ในบทที่ 22 ต่อหน้าเฟลิกซ์ผู้ว่าราชการ ในบทที่ 24 ต่อหน้ากษัตริย์อากริปปา ในบทที่ 26 เปาโลปรับเนื้อหาคำปราศรัยแต่ละครั้งให้เหมาะกับผู้ฟัง (ดู 9:1 เชิงอรรถ a) ในบทนี้ เปาโลป้องกันตนเองโดยบอกประชาชนว่าตนเป็นชาวยิวที่เลื่อมใสศรัทธาคนหนึ่ง

b “ผู้ที่ดำเนินตามวิถีทาง” คือ พระศาสนจักร (ดู 9:2 เชิงอรรถ b) กิจการเบียดเบียนของเปาโล ดู 7:58; 8:1, 3; 9:1-2, 21; 22:19-20; 26:10-11; 1 คร 15:9; กท 1:13, 23; ฟป 3:6; 1 ทธ 1:13

c เปาโลกล่าวถึงอานาเนียเพียงแต่ว่า เขาเป็นชาวยิวที่เลื่อมใสศรัทธาคนหนึ่ง โดยมิได้เพิ่มเติมว่าเขาเป็นคริสตชนด้วย (9:10) หรือเขาได้เห็นนิมิต (9:10-16)

d ต้นฉบับไม่มีคำว่า “พระคริสตเจ้า” (เทียบ 3:14; 7:52)

e ดู 9:15 เชิงอรรถ h อานาเนียพูดในนามของ "พระเจ้าแห่งบรรพบรุษ" เหมือนประกาศกในพันธสัญญาเดิม “เปาโลต้องเป็นพยานคนหนึ่งต่อหน้ามนุษย์ทุกคน แต่ยังไม่ได้กล่าวถึงคนต่างศาสนาโดยตรงจนกระทั่ง ข้อ 21

f เปาโลไม่กล่าวถึงเวลาสามปีซึ่งผ่านไปก่อนจะกลับกรุงเยรูซาเล็ม (ดู 9:23 เชิงอรรถ k) เปาโลไม่เคยกล่าวถึงการเข้าภวังค์ครั้งนี้ในจดหมายใดๆ เลย การเข้าภวังค์ครั้งนี้เป็นคนละครั้งกับที่กล่าวไว้ใน 2 คร 12:1-14

g ลูกาเน้นอยู่เสมอว่า การที่เปาโลประกาศข่าวดีแก่คนต่างศาสนานั้นก็เพราะชาวยิวไม่ยอมเชื่อ (ดู 13:46-48; 18:6; 28:25-28) ในการปราศรัยที่พระวิหารครั้งนี้ เปาโลเน้นว่าตนจำเป็นต้องเลิกเทศน์สอนชาวยิวเพราะพระเจ้าทรงบัญชาเช่นนั้น

h “พยาน” ภาษากรีก “martyr” ยังไม่ได้มีความหมายถึงการเป็นมรณสักขีเช่นในสมัยต่อมา แต่ความเข้าใจเช่นนี้เริ่มมีบ้างแล้ว เพราะผู้ที่หลั่งโลหิตของตนก็เป็นพยานที่สมบูรณ์ (ดู วว 2:13; 6:9; 17:6)

i พระวาจาของพระคริสตเจ้าที่ว่า “เราจะส่งเจ้า” หมายความว่า เปาโลถูกส่งไปเป็นธรรมทูตจึงทำหน้าที่เหมือนกับบรรดาอัครสาวกด้วย (ดู 1 คร 9:1; 2 คร 12:11-12; กท 1:1) และโดยเฉพาะเป็นอัครสาวกสำหรับคนต่างศาสนา (กท 1:16; 2:7-8) แม้ว่า กจ ได้สงวนคำ “อัครสาวก” ไว้สำหรับอัครสาวกสิบสองคนเท่านั้น (ยกเว้นใน 14:4, 14)

j อย่างไรก็ตาม เปาโลยังต้องถูกพันธนาการอยู่ต่อไป (ข้อ 30; 23:18; 24:27; 26:29) อาจเป็นไปได้ว่าโซ่ที่ใช้พันธนาการนักโทษมีสองชนิดคือ ชนิดหนักเพื่อทรมานนักโทษด้วย และชนิดเบาเพียงเพื่อป้องกันมิให้นักโทษหนี เมื่อเปาโลแสดงตนเป็นพลเมืองโรมัน เขาก็ได้รับการปลดปล่อยจากโซ่หนัก เหลือแต่เพียงโซ่เบาเท่านั้น

k เปาโลต้องถูกนำไปปรากฏตัวต่อหน้า “ที่ประชุม” (22:30-23:10) ต่อหน้า “ผู้ว่าราชการ (เฟลิกซ์ บทที่ 24) ต่อหน้า “กษัตริย์ (อากริปปา บทที่ 25-26) ตามที่พระเยซูเจ้าเคยตรัสไว้กับบรรดาศิษย์ (มก 13:9-10; มธ 10:17-18; ลก 21:12)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก