“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)


(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

เปโตรและยอห์นต่อหน้าสภาซันเฮดริน

4 1ขณะที่เปโตรและยอห์นกำลังปราศรัยกับประชาชนอยู่นั้น บรรดาสมณะพร้อมกับนายทหารรักษาพระวิหารและบรรดาชาวสะดูสีaได้เข้ามาพบ 2เขาไม่พอใจมากที่ทั้งสองคนสั่งสอนประชาชนและประกาศว่าบรรดาผู้ตายจะกลับคืนชีพเพราะพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ 3เขาจับกุมเปโตรและยอห์นจองจำไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น เพราะเป็นเวลาเย็นแล้ว 4แต่หลายคนที่ฟังคำเทศน์สอนนั้นมีความเชื่อ และจำนวนของคนเหล่านี้เพิ่มขึ้นถึงประมาณห้าพันคน

5วันรุ่งขึ้น บรรดาผู้ปกครอง ผู้อาวุโสและธรรมาจารย์bมาประชุมกันในกรุงเยรูซาเล็ม 6พร้อมกับอันนาสมหาสมณะ คายาฟาส ยอห์นc อเล็กซานเดอร์และสมาชิกทุกคนในครอบครัวมหาสมณะ 7เขานำเปโตรและยอห์นมาอยู่กลางที่ประชุม แล้วเริ่มซักถามว่า “ท่านทั้งสองคนทำการโดยอำนาจหรือในนามของผู้ใด” 8เปโตรเปี่ยมด้วยพระจิตเจ้ากล่าวกับเขาว่า “ท่านผู้ปกครองประชาชน และผู้อาวุโสทั้งหลาย 9วันนี้เราทำความดีรักษาผู้ป่วยคนหนึ่ง เราจึงถูกสอบสวนว่าคนนี้หายจากโรคได้อย่างไร 10ท่านทั้งหลายและประชาชนอิสราเอลทุกคนจงรู้เถิดว่าd ชายคนนี้หายจากโรคมายืนอยู่ต่อหน้าท่านทั้งหลาย ก็เพราะพระนามพระเยซูคริสตเจ้าชาวนาซาเร็ธ ซึ่งท่านนำไปตรึงกางเขน แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย 11พระเยซูเจ้าองค์นี้ทรงเป็นศิลาซึ่งท่านทั้งหลายผู้เป็นช่างก่อสร้างขว้างทิ้ง แต่ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม 12ไม่มีผู้ใดช่วยให้เรารอดพ้น เพราะใต้ฟ้านี้พระเจ้ามิได้ประทานนามอื่นแก่มนุษย์ นอกจากนามนี้ที่ช่วยเราให้รอดพ้นได้e

13เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นว่าเปโตรและยอห์นพูดอย่างกล้าหาญ ทั้งรู้ว่าทั้งสองคนไม่เคยได้รับการศึกษา และไม่มีความรู้พิเศษใดๆ ก็ประหลาดใจ และระลึกได้ว่าทั้งสองคนเคยอยู่กับพระเยซูเจ้า 14เมื่อเห็นคนที่หายจากโรคยืนอยู่กับเปโตรและยอห์น เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร 15จึงสั่งให้ทั้งสองคนออกไปนอกห้องประชุม แล้วเริ่มปรึกษากันว่า 16“เราจะทำอย่างไรกับทั้งสองคนนี้ดี เพราะเขาทำการอัศจรรย์เด่นชัด ทุกคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มรู้ว่าเขาทำเครื่องหมายอัศจรรย์นี้อย่างเปิดเผย เราไม่อาจปฏิเสธได้ 17แต่เราต้องขู่เขา อย่าให้กล่าวถึงนามนั้นแก่ผู้ใด เพื่อเรื่องนี้จะได้ไม่เล่าลือแพร่หลายไปในหมู่ประชาชนมากยิ่งขึ้น”

18เขาจึงเรียกเปโตรและยอห์นเข้ามา สั่งfอย่างเด็ดขาดมิให้พูดหรือสอนในพระนามพระเยซูเจ้าอีก 19เปโตรและยอห์นย้อนถามว่า “ท่านทั้งหลายจงตัดสินเถิดว่าอะไรเป็นการถูกต้องเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า จะฟังท่านหรือจะฟังพระเจ้า 20เราจำเป็นต้องพูดถึงสิ่งที่เราได้เห็นและได้ยินมา” 21ที่ประชุมขู่สำทับทั้งสองคนอีกครั้งหนึ่ง แล้วปล่อยไป เพราะไม่พบสาเหตุที่จะลงโทษและเพราะกลัวประชาชน ทุกคนต่างถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 22คนที่หายจากโรคอย่างอัศจรรย์นั้นมีอายุมากกว่าสี่สิบปีแล้ว

คำอธิษฐานภาวนาของบรรดาอัครสาวกเมื่อถูกเบียดเบียน

23เมื่อเปโตรและยอห์นได้รับการปลดปล่อยแล้ว ก็ไปพบบรรดาศิษย์ เล่าทุกเรื่องที่บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสกล่าวกับตน 24เมื่อบรรดาศิษย์ฟังจบแล้ว จึงพร้อมใจกันเปล่งเสียงทูลพระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงสร้างฟ้า แผ่นดิน ทะเล และสิ่งสารพัดที่มีอยู่ในนั้น 25เดชะพระจิตเจ้า พระองค์ทรงดลใจให้กษัตริย์ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์และผู้เป็นบรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลายg ตรัสว่า

‘ทำไมชนชาติทั้งหลายจึงบันดาลโทสะ

และบรรดาประชาชาติจึงวางแผนไร้สาระ

26บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินต่างต่อต้าน

บรรดาผู้ปกครองมาร่วมกันต่อสู้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า

และผู้รับเจิมของพระองค์h

27ความจริงแล้ว ในเมืองนี้กษัตริย์เฮโรดและปอนทิอัสปีลาตiร่วมกับคนต่างชาติและประชากรอิสราเอลต่อสู้กับพระเยซูเจ้าผู้รับใช้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงเจิมไว้j

28เพื่อทำให้พระประสงค์ที่ทรงกำหนดไว้ด้วยพระอานุภาพkสำเร็จไป 29บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทอดพระเนตรคำข่มขู่ของเขาทั้งหลาย และประทานให้ข้ารับใช้ของพระองค์ประกาศพระวาจาของพระองค์ด้วยความกล้าหาญอย่างยิ่งเถิด 30โปรดแสดงพระอานุภาพในการรักษาโรค ให้เครื่องหมายอัศจรรย์และปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเดชะพระนามพระเยซูเจ้าผู้รับใช้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เถิด” 31เมื่อบรรดาศิษย์อธิษฐานภาวนาจบแล้ว สถานที่ที่เขามาชุมนุมกันนั้นก็สั่นสะเทือน ทุกคนได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยมและเริ่มประกาศพระวาจาของพระเจ้าอย่างกล้าหาญl

กลุ่มคริสตชนสมัยแรกm

32กลุ่มผู้มีความเชื่อดำเนินชีวิตเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนมีเป็นกรรมสิทธิ์ของตน แต่ทุกสิ่งเป็นของส่วนรวม

33บรรดาอัครสาวกยังคงเป็นพยานยืนยันถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเครื่องหมายอัศจรรย์ยิ่งใหญ่n และทุกคนได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงo

34ในกลุ่มของเขาไม่มีใครขัดสน ผู้ใดมีที่ดินหรือบ้านก็ขายและมอบเงินที่ได้ 35ให้บรรดาอัครสาวก เพื่อแจกจ่ายให้ผู้มีความเชื่อแต่ละคนตามความต้องการ

บารนาบัสผู้มีใจกว้าง

36ชายคนหนึ่งชื่อโยเซฟ บรรดาอัครสาวกเรียกเขาว่า บารนาบัส ซึ่งแปลว่า บุตรแห่งการให้กำลังใจp เขาเป็นคนเผ่าเลวีชาวเกาะไซปรัส 37เขามีที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งเขาขาย นำเงินมามอบให้บรรดาอัครสาวกด้วย

 

4 a “ชาวสะดูสี” เป็นพรรคของบรรดาสมณะชั้นผู้ใหญ่มีความคิดตรงข้ามกับชาวฟาริสี ซึ่งเป็นพรรคของสามัญชนใจศรัทธา (ดู มธ 3:7 เชิงอรรถ f) พระคัมภีร์กล่าวถึงชาวสะดูสีเป็นผู้ปฏิเสธคำสอนเรื่องการกลับคืนชีพ (23:6-8; ลก 20:27-38//) หลายครั้งการที่ชาวสะดูสีเป็นอริกับชาวฟาริสีเช่นนี้ ทำให้ชาวฟาริสีเป็นมิตรกับคริสตชน (ดู 5:34; 23:8-9; 26:5-8; ลก 20:39)

b สภาซันเฮดรินที่กรุงเยรูซาเล็ม เป็นศาลสูงสุดของชาวอิสราเอล ประกอบด้วยบรรดาผู้ปกครอง (สมณะชั้นผู้ใหญ่) ผู้อาวุโส และธรรมาจารย์ (ชาวฟาริสี)

c สำเนาโบราณบางฉบับว่า “โยนาธาน”

d สำเนาโบราณบางฉบับว่า “ไม่มีความรอดพ้นในผู้ใดอีกแล้ว”

e พระนาม “เยซู” แปลว่า “พระเจ้าทรงช่วยให้รอดพ้น” (มธ 1:21)

f คำสั่งอย่างเด็ดขาดนี้มีผลทางกฎหมาย คือถ้าทำผิดอีกครั้งหนึ่ง ผู้ทำผิดจะต้องถูกจองจำ (ดู 5:28)

g ข้อนี้แปลยากเพราะสำเนาโบราณชำรุดสับสน ชาวยิวคิดว่ากษัตริย์ดาวิดเป็นผู้ประพันธ์เพลงสดุดีทุกบท

h “ผู้รับเจิม” เป็นความหมายของคำกรีก “คริสต์” (christos)

i กษัตริย์เฮโรดและปอนทิอัสปีลาต เป็นผู้แทน “บรรดากษัตริย์” และ “ผู้ปกครอง” ในเพลงสดุดีบทที่ 2:1 กษัตริย์เฮโรด (ดู ลก 23:6-16)

j “การเจิม” นี้ หมายถึง การแต่งตั้งพระเยซูเจ้าให้เป็นพระเมสสิยาห์ กษัตริย์ หรือ “พระคริสตเจ้า” (ดู มธ 3:16 เชิงอรรถ n)

k แปลตามตัวอักษรว่า “สิ่งที่พระหัตถ์และพระดำริของพระองค์ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า”

l เหตุการณ์นี้คล้ายกับเหตุการณ์ในวันเปนเตกอสเต (เทียบ 2:1ฯ)

m เป็นการสรุปเช่นเดียวกับใน 2:42-47 ความคิดเด่นชัดในเรื่องนี้อยู่ที่การรวมทรัพย์สมบัติเป็นของกลาง เป็นการปูทางไว้สำหรับตัวอย่าง 2 เรื่องที่จะตามมาคือ เรื่องบารนาบัส กับเรื่องอานาเนียและสัปฟีรา การเน้นเรื่องสละทรัพย์สมบัติเป็นมุมมองเฉพาะของลูกา

n ดู 2:22; 3:12; 4:7; 6:8; 8:13; 10:38; 1 คร 2:4-5; 1 ทธ 1:5

o นั่นคือ “จากประชาชน” (ดู 2:47; 4:21; 5:13) ประโยคนี้แปลตามตัวอักษรได้ว่า “และความโปรดปรานยิ่งใหญ่อยู่กับเขาทุกคน”

p “ความบรรเทา” ในภาษากรีกมีความหมายสองอย่างคือ “ช่วยให้พ้นอันตราย” หรือ “ให้กำลังใจ” โดยป้องกันและสนับสนุน (ดู 11:23) คำว่า “บุตรแห่ง” เป็นสำนวนชาวเซมิติก มีความหมายว่า ผู้ชำนาญ หรือ ผู้มีความสามารถที่จะ เรื่องบารนาบัส ดู 9:27; 11:22-30; 12:25; บทที่ 13-15; 1 คร 9:6; กท 2; คส 4:10

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก