ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2017
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา
บทอ่าน กจ 6:1-7 / 1ปต 2:4-9 / ยน 14:1-12
           ในบทที่ 1 จากหนังสือกิจการอัครสาวก เราจะเห็นการเลือกสังฆานุกร 7 ท่าน เพื่อจะรับหน้าที่ในการสนองความต้องการด้านอาหารจากแม่หม้ายชาวกรีก “ท่านจงเลือกเอา 7 คนในพวกท่านที่มีชื่อเสียงดี เปลี่ยมด้วยพระจิตเจ้า มีความเฉลียวฉลาด แล้วเราจะแต่งตั้งเขา

ให้ทำหน้าที่นี้”เราสามารถที่จะเรียนรู้จากบทอ่านนี้ ประการที่หนึ่ง เราต้องไม่ละเลยงานสังคมหรืองานด้านวัตถุ เพราะถ้าเราไม่เอาใจใส่ เราก็จะละเลยงานของพระเป็นเจ้า ประการที่สอง เราต้องสร้างความสมดุลระหว่างความช่วยเหลือทางด้านวิญญาณ และทางด้านวัตถุ เพราะว่าทั้งสองเรื่อง มีความสำคัญเท่ากัน ประการที่สามเรา ต้องไม่ลืมตัว และกระแสเรียกของเรา การทำตามคำสั่งของพระเยซูเจ้า จะไม่ต้องทำให้เราลังเลใจ จากพันธกิจและกระแสเรียก ตามที่ได้บุญเปโตรได้บันทึกไว้ว่า “ไม่เป็นการสมควร ที่เราจะละทิ้งการประกาศพระวาจาของพระเป็นเจ้า เพื่อไปแจกจ่ายอาหาร” ถ้าเราให้ความสำคัญกับการตอบสนองด้านวัตถุ เราก็จะละเลยการตอบสนองด้านวิญญาณ เราไม่สามารถที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเราเอง เราจึงต้องปล่อยให้คนอื่นทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือเรา
 
         ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้ให้ความมั่นใจแก่บรรดาสานุศิษย์ ในเรื่องของการเตรียมที่ในพระราชัยสวรรค์ “ท่านอย่าวุ่นวายใจเลย จงวางใจในพระเป็นเจ้าและวางใจในเราด้วย ในบ้านพระบิดาของเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่มีเราก็คงบอกท่านแล้ว เพราะเรากำลังไปเพื่อเตรียมที่ให้ท่าน” พระวาจานี้แสดงให้เห็นว่าโดยอาศัยศีลล้างบาป เราได้กลายเป็นบุตรชายหญิงของพระเป็นเจ้า เพราะฉะนั้นพระองค์จึงทราบว่า พวกเราเหมาะสมที่จะไปอยู่ในสถานที่ ที่พระองค์กำลังจะไป แต่หลายครั้ง เราไม่รู้ว่าเราเป็นใคร หรือเราไม่เชื่อว่าจะมีสถานที่แห่งความสุข ที่พระเยซูเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้เพื่อเรา... “ความเมตตากรุณาเป็นกฏที่ใหญ่กว่ากฏทั้งหลาย ยิ่งกว่านั้นกฎทุกอย่างจะต้องนำไปสู่ความเมตตากรุณา” (น.วินเซนต์ เดอ ปอล...
 ชาติของเราไม่ต้องการว่าเรามีอะไร แต่ต้องการว่าเราเป็นอะไร” (น.เทเรซา เบเนดิกตา)