รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2015
สัปดาห์ที่สิบสาม เทศกาลธรรมดา
ธ 8:23-27…

23พระเยซูเจ้าเสด็จลงเรือ บรรดาศิษย์ติดตามพระองค์ไปด้วย 24ทันใดนั้น เกิดพายุแรงกล้าในทะเลสาบ คลื่นสูงจนไม่เห็นเรือ แต่พระองค์บรรทมหลับ 25บรรดาศิษย์จึงเข้ามาปลุกพระองค์ ทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยด้วยเถิด เรากำลังจะพินาศอยู่แล้ว” 26พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ทำไมจึงตกใจกลัวเล่า ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเหลือเกิน” แล้วทรงลุกขึ้นบังคับลมและทะเล ท้องทะเลก็สงบราบเรียบ 27คนทั้งหลายต่างประหลาดใจ พูดว่า “ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ ลมและทะเลจึงยอมเชื่อฟังเช่นนี้”


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• วันนี้ที่พ่อนั่งเขียนบทเทศน์นี้ เป็นค่ำวันอาทิตย์ พ่อเพิ่งกลับมาจากรุงเทพฯ คือ กลับมาจากซอยทองหล่อ ไปบรรยายให้กับคริสตชนผู้นำฆราวาสจำนวนมาก พวกท่านคือผู้นำองค์กรฆราวาสคริสตชน พ่อได้บรรยายให้พวกเขาเป็นปีที่สองหรือสามก็ไม่ทราบในโอกาสประชุมใหญ่ กรรมการอำนวยการ วันนี้ เขาขอให้พ่อไปบรรยายเรื่องสมัชชาใหญ่ของพระศาสนจักรไทย ค.ศ. 2015 พ่อก็ได้ไปรับใช้ตามที่พวกเขาขอมา... พ่อยอมรับว่า ฆราวาสคริสตชนคือกำลังสำคัญเพื่อการประกาศข่าวดี ชีวิตของทุกคนต้องมีชีวิตพระคริสตเจ้าและมีพันธกิจของพระคริสตเจ้าติดตัวติด ชีวิตเพราะศีลล้างบาปที่ได้รับ ชีวิตพระอยู่กับพวกเขาทุกคน พวกเขาคือพลังของพระศาสนจักร พวกเขาคือพลังของพระเจ้าที่จะประกาศความรักของพระเจ้า

• พ่อได้ให้คำอธิบายถึง “หัวใจของการประกาศข่าวดี คือ การประกาศพระคริสตเจ้า” และชีวิตของเราทุกคน ไม่เว้นใครเลย พวกเราทุกคนจริงๆ เพราะสมัชชาฯใหญ่ของเราให้คำอธิบายชัดเจนดังนี้ (ข้อเสนอสมัชชาฯ 2015 ข้อ 3)

o พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย เชื่อมั่นและตระหนักว่า คริสตชนทุกคนโดยอาศัยศีลล้างบาป มีส่วนร่วมในชีวิตพระตรีเอกภาพ กลับเป็นบุตรของพระบิดาเจ้า เป็นส่วนของพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า (เทียบ 1คร. 12) เป็นพระวิหารของพระจิตเจ้าผู้ทรงบันดาลให้เข้ามีส่วนร่วมในชีวิตของพระคริสต เจ้า เป็นกิ่งองุ่นที่ติดกับลำต้น (เทียบ ยน. 15) 

o “คริสตชน” หมายถึง ฆราวาส นักบวช พระสงฆ์และพระสังฆราช ทั้งหมดรวมกันเป็นพระศาสนจักรอาศัยสายสัมพันธ์ขององค์พระจิตเจ้า โดยการนำของพระสังฆราชท้องถิ่น (เทียบ 1คร. 12:27 และ กท. 3:26-28) 

o ดังนั้นโดยเหตุผลแห่งศีลล้างบาปนี้เอง ชีวิตของพระคริสตเจ้าคือชีวิตของพระศาสนจักร และพันธกิจของพระคริสตเจ้าคือพันธกิจของพระศาสนจักร พระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักรไม่สามารถแยกจากกันได้เลย ชีวิตและพันธกิจของพระคริสตเจ้าจึงเป็นพุน้ำแห่งชีวิตที่ต้องเอ่อล้นเพื่อ หล่อเลี้ยง และทำให้พระศาสนจักรเติบโตเป็นข่าวดีสำหรับโลกตลอดไป

• พ่ออธิบายด้วยความเชื่อมั่นที่สุด และอยากจะนำเสนอให้พี่น้องทุกท่านมั่นใจที่สุดเช่นกัน พี่น้องที่รักครับ โดยศีลล้างบาป ความเป็นคริสตชนของเรานั้นทรงพลังจริงๆนะครับ ไม่ธรรมดาเลย การเป็นคริสตชนคือพลังยิ่งใหญ่ในการเป็นบุตรของพระเจ้าครับ.. ชีวิตเราคือชีวิตของพระองค์ พันธกิจของพระองค์คือพันธกิจของเราจริงๆ พี่น้องเชื่อสิ่งนี้จริงๆ ไหม เชื่อในความเป็นคริสตชนของเราจริงๆ ไหมครับ... และ “ฆราวาสคริสตชนกำลังเดินทางอยู่ในกระแสโลก แต่ด้วยพลังของความเป็นบุตรพระเจ้านะครับ...” อ่านข้อเสนอสมัชชาต่อไปสิครับ (ข้อ 15) 

o “เราตระหนักว่า หน้าที่สำคัญของฆราวาสทั้งหญิงและชายก็คือการประกาศพระคริสตเจ้าด้วยชีวิต และพันธกิจที่เป็นประจักษ์พยานท่ามกลางโลก ดำรงชีวิตและบอกเล่าเรื่องพระเยซูคริสตเจ้า ในครอบครัว ในสังคม และในงานอาชีพ โดยมุ่งนำความรักและความเมตตาของพระเจ้าไปสู่สังคม

o ในปัจจุบัน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเน้นบทบาทของคริสตชนฆราวาส ซึ่งสนามแห่งชีวิตและพันธกิจของพวกเขาในการประกาศข่าวดีก็คือโลกกว้างแห่ง ความเป็นจริงที่เกี่ยวข้องกับการเมือง สังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ฯลฯ ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และนานาชาติ”

• ถ้าพ่อถามว่ายากไหมครับ กับการเจริญชีวิตในกระแสโลกของพวกเราคริสตชนในปัจจุบัน.. ปัญหาปัจจุบันหนักหน่วงนัก กระแสโลกกระแสโลภที่พ่อเขียนถึงเสมอ... ไม่ง่ายเลยครับ ยิ่งกระแสโลกปัจจุบันที่เรา สังคมไทย สังคมโลกกำลังเผชิญอยู่.. พระสันตะปาปาฟรังซิสเพิ่งออกคำสอนล่าสุดไม่กี่วันนี้เอง พระองค์สอนเรื่องความรับผิดชอบต่อโลกที่พระเจ้าทรงสร้างมาให้เราดูแล แต่เพราะมนุษย์เห็นแก่ตัวและทำลายธรรมชาติจนย่ำแย่เกือบจะเรียกว่าย่อยยับ ใช่ครับ เร้าต้องเจริญชีวิตในกระแสโลกจริงๆ กระแสโลกไม่ใช่กระแสธรรมชาติ แต่เป็นกระแสความโลภของมนุษย์ที่ทำให้ธรรมชาติเสียสมดุลไป เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ยิ่งนัก.. ความเห็นแก่ตัวทำร้ายและทำลายเป็นกระแสที่เรากำลังเผชิญอยู่จริง...

• มีคำตอบอยู่ในสมัชชาฯข้อที่ 38... ที่ว่า 

o “พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยในฐานะเป็นเครื่องหมายและเครื่องมือของพระ อาณาจักรของพระเจ้า พระอาณาจักรแห่งความรัก ความเมตตา ความยุติธรรม และสันติ ตระหนักถึงการท้าทายของสังคมโลกาภิวัตน์ที่นำไปสู่ความมืดมนในความหวัง ก่อให้เกิดทะเลทรายของชีวิตฝ่ายจิตแห่งยุคสมัย 

o พระศาสนจักรจะต้องเป็นผู้ประกาศข่าวดีใหม่เรื่องความรอดพ้น สามารถนำทุกคนให้ก้าวไปสู่พุน้ำแห่งชีวิต คือพระคริสตเจ้า ด้วยพันธกิจรักและรับใช้ ด้วยความรักเมตตา อยู่เคียงข้างคนยากไร้ ช่วยเหลือและคุ้มครองศักดิ์ศรีและสิทธิมนุษย์ และผู้ที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิตของเพื่อนพี่น้องทุกคน”

• พี่น้องที่รัก เราทุกคนครับ ไม่เว้นใครเลย แล้วเราจะเผชิญกระแสโลกีย์นิยมนี้ได้อย่างไร... พ่อเห็นคำตอบจากพระวรสารวันนี้จริงๆครับ พระเยซูเจ้าทรงข้ามทะเลที่ปั่นป่วนกับบรรดาศิษย์ (กาลิลียามบ้าคลั่งก็บ้าคลั่งจริงด้วยกระแสลมและคลื่น) 

o เกิดพายุแรงกล้าในทะเลสาบ คลื่นสูงจนไม่เห็นเรือ แต่พระองค์บรรทมหลับ 

o บรรดาศิษย์จึงเข้ามาปลุกพระองค์ ทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยด้วยเถิด เรากำลังจะพินาศอยู่แล้ว” 

o พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ทำไมจึงตกใจกลัวเล่า ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเหลือเกิน” แล้วทรงลุกขึ้นบังคับลมและทะเล ท้องทะเลก็สงบราบเรียบ

o คนทั้งหลายต่างประหลาดใจ พูดว่า “ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ ลมและทะเลจึงยอมเชื่อฟังเช่นนี้”

• วันนี้ พ่อได้พูดกับบรรดาผู้นำฆราวาสตามสมัชชาฯ และตามความจริงที่เราสามารถจริงๆ ไม่ใช่ด้วยความสามารถของเราครับ.. แต่ด้วยพระวาจาของพระเจ้า พระวาจาที่ทรงพลัง พระองค์ตรัสและทะเลก็ยังเชื่อฟัง พ่อเชื่อว่า กระแสโลกกระแสโลภปัจจุบันกำลังกระหน่ำใส่พี่น้องร่วมโลกของเราในทุกมิติทาง สังคมจริงๆ (ดู สมัชชาฯ ข้อ 23) 

o พระศาสนจักรทุกภาคส่วนต้องมองเห็นความสำคัญและร่วมมือกันปกป้องสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ส่งเสริมสนับสนุน พัฒนาคุณภาพชีวิต ศักดิ์ศรีและสิทธิของครอบครัว เด็ก เยาวชน สตรี บุรุษ ผู้สูงอายุและสมาชิกกลุ่มพิเศษในสังคม ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ๆ ของความยากจนและความอ่อนแอ เช่น บรรดาผู้ที่ไร้ที่อยู่อาศัย ผู้ติดยาเสพติด ผู้อพยพ/ผู้ลี้ภัย กลุ่มชาติพันธุ์ ชนพื้นเมือง ผู้ต้องขัง ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้พิการ บรรดาผู้สูงอายุที่อยู่โดดเดี่ยวและถูกทอดทิ้ง เด็กและสตรีที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากสถานการณ์ที่ถูกทอดทิ้ง ถูกทารุณ ถูกทำร้ายด้วยความรุนแรง ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกละเมิดทางเพศ และถูกล่วงละเมิดในรูปแบบอื่นๆ ตลอดจนบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ และคนไร้สัญชาติ

o นอกจากนั้น พระศาสนจักรทุกภาคส่วนยังต้องร่วมมือกันปกป้องสิทธิและช่วยเหลือประชากรที่ ประสบปัญหาในมิติต่างๆ เช่น เกษตรกรรายย่อย แรงงานในสถานประกอบการต่างๆ ทั้งในบริบทสังคมชนบทและชุมชนเมือง ฯลฯ พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยต้องให้การอภิบาลด้วยการสร้างโอกาส พัฒนาศักยภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาและฟื้นฟูชีวิตของพวกเขาให้มีความภูมิใจในคุณค่าและ ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เป็นลูกของพระเจ้า ตระหนักในบทบาทและหน้าที่ของตน เพื่อให้บุคคลทั้งหลายนั้นได้ “มีชีวิต และมีชีวิตอย่างสมบูรณ์” (เทียบ ยน. 10:10) มนุษย์ต้องเป็นศูนย์กลางหรือหัวใจสำคัญของชีวิตและพันธกิจของพระศาสนจักร

• พี่น้องที่รัก พวกเราต้องหยุดกระแสคลื่นลมของกระแสโลกีย์นิยมที่ทำร้ายและทำลายความดีที่ พระเจ้าทรงสร้าง ก่อให้เกิดความเสียหายมากมายแก่เพื่อนมนุษย์ พวกเราอาจต้องร้องเช่นกัน “พระองค์เจ้าข้า ช่วยด้วยเถิด เรากำลังจะพินาศอยู่แล้ว” 


• พ่อมั่นใจว่า พระองค์จะตอบเราเช่นกัน “ทำไมจึงตกใจกลัวเล่า ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเหลือเกิน”

• พี่น้องที่รัก เชื่อในพระองค์ให้เต็มกำลัง เชื่อในศีลล้างบาปที่เราได้รับ เชื่อศรัทธาในพระวาจาและในพระเยซูเจ้าจริงเถอะครับ.. เราต้องเชื่อในพระองค์ เชื่อในพระวาจาทรงอำนาจ และเราต้องออกไปประกาศพระวาจาของพระองค์ เราต้องประกาศข่าวดี เราต้องกล้าหยุดกระแสโลกีย์นิยมทั้งหลายด้วยพระวาจาและพระบัญญัติแห่งความ รักที่พระองค์ประทานให้เราเสมอนะครับ...

• สู้ๆครับ สู้ด้วยความเป็นคริสตชนคนดี คนศรัทธาในพระเยซู รู้จักพระองค์ และรักพระองค์จนกระทั่ง...

o “เราเชื่อมั่นว่าการพบปะกับพระบุคคลของพระคริสตเจ้าโดยผ่านทางพระวาจา ศีลศักดิ์สิทธิ์ การอธิษฐานภาวนา และกิจการแห่งความรักและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ เป็นพลังผลักดันให้เรากล้าเปลี่ยนแปลงตนเอง และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ความรักและความเชื่อนี้ แก่ผู้อื่น ก้าวออกไปเจริญชีวิตเพื่อการประกาศข่าวดีใหม่กับเพื่อนพี่น้องรอบข้างจนสุด ชายขอบสังคม” (สมัชชาฯ 5)

• พี่น้องที่รักครับ ให้พวกเราทุกคนออกไปประกาศข่าวดีกันเถอะครับ ออกไปกันเถอะครับ ไปประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้า ด้วยวาจาและกิจการดีแห่งความรักเมตตาของเราทุกคน 


• พ่อเชื่อว่า “เราจะชนะกระแสโลกและกระแสโลภด้วยกระแสแห่งความรักและวัฒนธรรมแห่งความรัก ของเราคริสตชนแน่นอนครับ” เริ่มจากคนรอบข้าง ครอบครัว และแผ่ขยายออกไปสู่ทุกคนครับ