รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2014
สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา
วว 15:1-4…
1ข้าพเจ้าเห็นเครื่องหมายยิ่งใหญ่และน่าพิศวงอีกประการหนึ่งในสวรรค์ ทูตสวรรค์เจ็ดองค์ถือภัยพิบัติเจ็ดประการสุดท้าย เพราะภัยพิบัติทั้งเจ็ดนี้จะทำให้ พระพิโรธของพระเจ้าสิ้นสุดลง 2ข้าพเจ้าเห็นสิ่งหนึ่งเหมือนทะเลแก้วปนไฟ เห็นบรรดาผู้มีชัยชนะต่อสัตว์ร้าย ต่อรูปปั้นของมัน และต่อเลขชื่อของมันกำลังยืนอยู่ริมทะเลแก้วนั้น ถือพิณของพระเจ้า 3และขับร้องบทเพลงของโมเสส ผู้รับใช้ของ พระเจ้าและบทเพลงของลูกแกะว่า
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ
พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่และน่าพิศวงยิ่งนัก
ข้าแต่พระราชาแห่งนานาชาติ
วิถีทางของพระองค์นั้นเที่ยงธรรมและสัตย์จริง
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
4ใครเล่าจะไม่ยำเกรงพระองค์และจะไม่ถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระองค์
เพราะพระองค์ผู้เดียวทรงศักดิ์สิทธิ์
ประชาชาติทั้งหลายจะมาและกราบนมัสการพระองค์
เพราะการพิพากษาเที่ยงธรรมของพระองค์ปรากฏชัดแจ้งแล้ว


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• อ่านหนังสือวิวรณ์ อย่าลืมมัวแต่คิดถึงภัยพิบัติ เพราะภัยพิบัติไม่สำคัญเท่ากับการได้รับความรอดพ้น....

o หลายคนอ่านหนังสือวิวรณ์แล้วตระหนกตกใจ พลางคิดว่าเรื่องราวของวิวรณ์เป็นเรื่องของภัยพิบัติและวาระสุดท้าย

o หลายคนไม่เข้าใจและตีความแต่เรื่องร้ายๆ จนลืมไปว่าวิวรณ์นี้เป็น “พระคัมภีร์” หนังสือแห่งความรอดนะครับ... เป็นหนังสือแห่งพระพร และเป็นเล่มสุดท้ายปิดการเผยแสดงของพระเจ้าองค์ความรัก

o ไม่ใช่อะไรอื่นไกลนะครับ พ่ออยากให้ความสำคัญและอยากให้เราได้อ่านวิวรณ์กันด้วยความเข้าใจดีๆสัก หน่อยว่า หนังสือวิวรณ์อันที่จริงเป็นอะไรกันครับ... ลองให้เวลาอ่านกันหน่อยนะครับ

• คำถามสำคัญ คือ หนังสือวิวรณ์ให้อะไรกับผู้อ่าน?และอะไรคือสาระแท้จริงของหนังสือวิวรณ์? 

o เราแน่ใจได้ว่าข้อความที่เราอ่านไม่ได้กล่าวทำนายถึงอนาคตของพระศาสนจักร ไม่ใช่คำทำนายหรือแบบประกาศก ไม่ใช่การทำนายถึงสิ่งที่จะเป็นมาในรูปแบบที่หลายต่อหลายคนตีความจนเป็นที่ น่าตระหนกตกใจ 

o แต่ความจริงที่เราเชื่อมั่นได้แน่นอนในคำสอนของหนังสือวิวรณ์ คือ “พระคริสตเจ้าจะทรงรับชัยชนะตลอดไป เป็นชัยชนะสำหรับผู้ที่มีความเชื่อ ซื่อสัตย์ และวางใจในพระองค์ทุกคน”

• คำอธิบายต่อไปนี้ต้องอ่านดีๆ นะครับ......

o หนังสือวิวรณ์เขียนขึ้นในช่วงเวลาที่คริสตชนถูกเบียดเบียน เวลาที่พวกเขารับความยากลำบาก และต้องแลกด้วยชีวิต แม้ในวาระที่พวกเขาเห็นว่าพวกเขากำลังพ่ายแพ้ พวกเขาก็ยังคงมีความหวังในชัยชนะที่จะต้องมาถึงหลังจากชีวิตนี้

o ความคิดหลักและคำสอนสำคัญที่สุดมีเพียงเรื่องเดียวที่มีอยู่ในหนังสือวิวรณ์ทั้งเล่ม คือ “ในที่สุดชัยชนะจะมาถึงอย่างแน่นอน” 

o ดังนั้น ท่าทีสำคัญของคริสตชน คือ “อย่าหมดกำลังใจ อย่าท้อแท้ และอย่าเลิกอดทนและรอคอย จงมีความเชื่อและมีความหวังต่อไป” 

o ผู้เขียนหนังสือวิวรณ์ โดยการเผยแสดงของพระจิตเจ้า หรือการดลใจ ทำให้ยอห์นใช้จินตนาการบรรยายถึงสภาพชีวิตของคริสตชนร่วมสมัยออกมาเป็นภาพ นิมิตต่างๆ ในหนังสือวิวรณนี้

• และคำถามต่อไปคืออะไรคือเนื้อหาของวิวรณ์จริงๆ???.........

o เนื้อหาหรือสารของหนังสือวิวรณ์ เป็นสาระที่ใหม่เสมอในชีวิตของคริสตชนผู้อ่านทุกคน

o แม้ว่าตัวบทของหนังสือจะยืมเอาสัญลักษณ์และรูปแบบต่างๆ มากมายมาจากพันธสัญญาเดิม หรือจากสมัยบาบิโลนในยามที่ประชากรของพระเจ้ารอคอยความรอดพ้นที่พระเจ้าทรง สัญญาว่าจะประทานให้ในอนาคต 

o แต่ในที่สุดหนังสือวิวรณ์พุ่งเป้าไปที่จุดศูนย์กลางของความรอดพ้นคือ “พระคริสตเจ้า” 

o วิวรณ์ได้เปิดฉากด้วยม้วนหนังสือที่ไม่มีใครเหมาะสมจะเปิดได้นอกจาก “ลูกแกะ” ซึ่งก็คือองค์พระคริสตเจ้า อาจกล่าวได้ว่า ม้วนหนังสือนั้นคือพันธสัญญาเดิม หรือกล่าวได้อีกว่า คือแผนการความรอดพ้นทั้งหมดของโลก ต้องรอคอยจนกว่าพระคริสตเจ้าเสด็จมา ทุกสิ่งมีความหมายและประสบความรอดพ้นก็โดยทางพระองค์เท่านั้น “อาศัยพระคริสตเจ้า พร้อมกับพระคริสตเจ้า และในพระคริสตเจ้า”

• พระคริสตเจ้าผู้ทรงสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพในประวัติศาสตร์เมื่อสอง พันปีก่อนทรงเป็นจุดเริ่มต้นของความรอดพ้น ความหวัง และเป้าหมายของทุกสิ่ง แต่ความรุ่งโรจน์สมบูรณ์ของโลกนั้นยังคงรอคอยการเสด็จมาอีกครั้งหนึ่งอย่าง รุ่งโรจน์ 


• ผู้นิพนธ์พระวรสาร มัทธิว มาระโก และ ลูกาจะกล่าวถึงคำว่า “พระสิริรุ่งโรจน์” เฉพาะเมื่อกล่าวถึงการเสด็จมาอีกครั้งหนึ่งของพระคริสตเจ้าเท่านั้น


• อันที่จริง ประสบการณ์ของหนังสือวิวรณ์คือประสบการณ์จริงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และเป็นประสบการณ์ของสิ่งที่เราเรียกว่า “ธรรมล้ำลึกปัสกา” (พระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพ) 

o ความรอดพ้นไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นมาในอนาคตเท่านั้นแต่ได้เริ่มแล้วในปัจจุบัน

o ความรอดพ้นคือชีวิตที่เราดำเนินอยู่ในแต่ละวัน เมื่อเราพิจารณาดูพระคริสตเจ้าสิ่งที่เราพบคือ “ไม้กางเขน” การถูกตรึงของพระองค์กลับกลายเป็นชัยชนะ เป็นการที่มนุษย์กลับคืนดีกับพระเจ้าอีกครั้ง เป็นต้นไม้แห่งชีวิตของพระคริสตเจ้าที่หยั่งรากลงลึกในแผ่นดิน และเชื่อมกับพระเจ้า

o นักบุญยอห์น กล่าวเสมอในพระวรสารว่า การตรึงกางเขนเป็น “เวลาแห่งความรุ่งโจน์ (hour) การได้รับเกียรติสูงสุด” เป็นเวลานั้นเองที่ไม้กางเขนถูกยกขึ้นเพื่อเป็นสะพานทอดระหว่างโลกกับสวรรค์ การที่พระองค์เสด็จไปหาพระบิดา และทรงนำทุกคนที่เป็นของพระองค์ไปกับพระองค์ ไม้กางเขนนี้กลับเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะของพระคริสตเจ้า

o ด้วยเหตุผลนี้เอง การสิ้นพระชนม์นี้ไม่อาจแยกได้จากการกลับคืนพระชนมชีพในธรรมล้ำลึกปัสกา การกลับคืนพระชนมชีพคือชัยชนะที่แท้จริงเหนือความตาย

• สำหรับพระศาสนจักรก็เช่นเดียวกัน การที่ต้องผ่านธรรมล้ำลึกปัสกาของพระคริสตเจ้าจึงเป็นชีวิตที่แท้จริงเพื่อ รอคอยการกลับคืนพระชนมชีพ 
o พระศาสนจักรเป็นผู้ร่วมในธรรมล้ำลึกปัสกาของพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นศีรษะ เพื่อรับชัยชนะพร้อมกับพระคริสตเจ้า

o สำหรับบรรดาคริสตชนก็เช่นกัน ไม่มีใครเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าได้ถ้าเขาไม่ผ่านหนทางเดียวกันกับพระค ริสตเจ้าและพระศาสนจักร เพราะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระคริสตเจ้าคือการสิ้นพระชนม์เพราะทรงรักเราบนไม้ กางเขน ไม่มีใครจะเข้าสู่พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์โดยไม่มีส่วนร่วมในพระสิริ รุ่งโรจน์แห่งไม้กางเขนของพระองค์ นักบุญเปาโลเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี (2 คร 4:7-11)

o การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้าจึงนับเป็นสิ่งจำเป็น “จำเป็นที่พระคริสตเจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานแล้วจึงจะเข้าไปรับพระสิริ รุ่งโรจน์ของพระองค์มิใช่หรือ?” (ลก 24:26)

• พระศาสนจักร คือ ผู้เดินทางและรอคอยด้วยความเพียร ต่อหน้าสถานการณ์ทุกอย่างที่พระ-ศาสนจักรต้องเผชิญไม่ว่าจะเป็นอย่างใด หรือรูปแบบใดๆ 

o เราทุกคนในพระศาสนจักรนี้ เรากำลังดำเนินชีวิตเผชิญหน้ากับสถานการณ์ปัจจุบันด้วยความหนักแน่น และมั่นใจในพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นศีรษะ ผู้ทรงเป็นความหวังในการรอคอยของพระศาสนจักร

o หน้าที่สำคัญของพระศาสนจักรคือ เพียรทนและรอคอย “มารานา ธา” (Marana tha) “เชิญเสด็จมาเถิดพระเจ้าข้า เชิญเสด็จมาทรงเปิดเผยแก่มวลมนุษย์ ให้เราได้เห็นความจริงแม้ในความมืดมิดของชีวิต ขอทรงเปิดเผยพระองค์ให้แก่เรา”

• วิวรณ์ ไม่ใช่หนังสือที่ยาก แต่ต้องเข้าใจเจตนาและเหตุผล พ่ออยากให้เรารู้จักวิวรณ์จริงๆ ถ้าเราได้เข้าใจและอ่านพระคัมภีร์ในมิสซาช่วงวันเหล่านี้และวันนี้ จะพบความจริงว่า

o หนังสือวิวรณ์ไม่ใช่อะไรที่น่ากลัวแต่น่ารักมากที่สุด และอันที่จริง
o หนังสือวิวรณ์เป็นหนังสือแห่งความหวังอันทรงพลังให้กับผู้อ่านเสมอ 

o หนังสือวิวรณ์เป็น “หนังสือแห่งความหวังจริง” ไม่มีความสิ้นหวังเลย เหมาะกับเป็นพระคัมภีร์เล่มสุดท้ายในสารบบพระคัมภีร์ทั้งหมดจริงๆ 

o หนังสือวิวรณ์เป็นหนังสือที่กล่าวถึงพระศาสนจักรที่งดงามดุจเจ้าสาว ซึ่งพวกเรรทุกคนกำลังรอคอยการเสด็จกลับมาของเจ้าบ่าว คือ “องค์พระคริสตเจ้า” 

o ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ